ทีมชาติไทย ผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย ด้วยการเป็นอันดับ 2 ของกลุ่ม เอฟ ด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยมกระเทียมดอง โดยเฉพาะในเกมเสมอกับซาอุดิอาระเบีย ที่ต้องยกนิ้วโป้งให้เต็มๆ ทั้งๆ ที่เปลี่ยนนักเตะแบบยกชุด ว่าแล้ว 'SIAMSPORT' จึงคัด 5 ข้อเน้นๆ มาแชร์ให้คุณได้อ่านกัน!!
[ 1 ] อิชิอิ ผู้พลิกฟอร์มช้างศึก
ณ วินาทีนี้ คงไม่มีใครกล้าปฏิเสธความเก่งกาจด้านศาสตร์ลูกหนังของ มาซาทาดะ อิชิอิ กุนซือชาวญี่ปุ่น กับการนำทีมชาติไทย ผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีม สุดท้ายได้ด้วยฟอร์มอันเลิศหรู ทั้งๆ ที่ก่อนเริ่มทัวร์นาเมนต์ใครและใครต่างก็คิดว่าทัพช้างศึกคงไม่ผ่านรอบแรกแน่ๆ
เทรนเนอร์วัย 56 ปี เพิ่งเข้ามารับงานได้เพียงเดือนเดียว แถมยังมีเวลาคลุกคลีลูกทีมค่อนข้างน้อย เพราะโปรแกรมการแข่งขันในประเทศไม่ค่อยจะสอดคล้องกับปฏิทินของ ฟีฟ่า สักเท่าไหร่
แถมเกมแรกในการคุมทีม เขายังต้องเผชิญหน้ากับญี่ปุ่น ชาติบ้านเกิด ซึ่งเป็นเบอร์ 1 ของทวีปเอเชีย ในปัจจุบัน และแน่นอนว่าไทย ปราชัยไปเละเทะ ซึ่งพอแพ้ยับเยินขนาดนั้น มันย่อมส่งผลต่อความมั่นใจเวลาต่อมา
ทว่านั่นคือ 'บทเรียน' ที่ทำให้ อิชิอิ ต้องกลับไปทำการบ้านของตนเอง ซึ่งด้วยความที่เขาเป็นโค้ชที่มีความยืดหยุ่นสูง ทั้งยังปราดเปรื่องในเรื่องแท็กติก อดีตกุนซือ คาชิมะ แอนท์เลอร์ส จึงค่อยๆ ปรับแก้จุดอ่อนของทัพช้างศึกไปทีละนิด
กรุงโรม ไม่ได้สร้างภายในวันเดียว - ฟุตบอลก็เช่นกัน มันต้องใช้เวลาในการปรับจูนให้เข้ากัน จึงจะประสบผลสำเร็จในบั้นปลาย
สิ่งที่ อิชิอิ แสดงให้สาวกลูกหนังชาวไทย ประจักษ์ด้วยสองตา คือการเข้ามาแก้ไขได้แบบเห็นผลอย่างรวบรัด เพราะก่อนหน้านี้ทัพช้างศึกเป็นทีมที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ บทจะดี ก็ดีไปเลย บทจะแย่ ก็แย่เอาดื้อๆ
พลันที่เทรนเนอร์เลือดซามูไรเข้ามานั่งตำแหน่งบอสใหญ่ ตัวผู้เล่นก็ไม่ได้ต่างจากชุดก่อนหน้านี้มาก แถมใน เอเชียน คัพ 2023 ก็ไร้ตัวความหวังทั้ง ธีรศิลป์ แดงดา, ชนาธิป สรงกระสินธ์ และ เอกนิษฐ์ ปัญญา อีกต่างหาก
เขาสร้างทีมด้วย 'วินัย' และเมื่อบวกกับรูปแบบการเล่นที่หลากหลาย ซึ่งพอนักเตะเข้าใจสิ่งที่ อิชิอิ ถ่ายทอดออกไป ผลสะท้อนคือการทำได้ตามแท็กติกที่วางไว้ มันจึงเป็นที่มาของ 5 คะแนน แบบไม่เสียสักประตูเดียว
[ 2 ] เป็นรองจริง แต่ชนะด้วยแท็กติก
แน่นอนว่าทีมชาติไทย ถูกมองว่าจะเป็นสมันน้อยใน เอเชียน คัพ 2023 โทษฐานที่อันดับใน ฟีฟ่า แรงกิ้ง ก็รั้งอันดับ 4 จากท้ายตาราง (24 ทีม เข้าแข่งขัน) บวกกับฟอร์มตอนอุ่นเครื่องก็ฝืดสนิท แถมยังมีช่วงที่บินไปลับแข้งที่ยุโรป ทั้งๆ ที่ชาติอื่นๆ ในเอเชีย เขาประลองฝีเท้ากับทีมในทวีป เพื่อทดสอบระบบการเล่น
มันจึงทำให้ความคาดหวังในทัวร์นาเมนต์ที่ประเทศกาตาร์ จึงมีเพียง 'ทำให้ดีที่สุด' เท่านั้น
ทว่าพอเล่นไป-เล่นมา ทัพช้างศึกกับเก็บได้ถึง 5 คะแนน ซึ่งมากที่สุดในประวัติศาสตร์นับตั้งแต่มีส่วนร่วมกับรายการนี้ แถมยังโชว์ฟอร์มได้สุดเซอร์ไพรส์จนทีมที่เหนือกว่ายังต้องโค้งคารวะ
การเสมอซาอุดิอาระเบีย 0-0 ไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นง่ายๆ เพราะนี่คือทีมอันดับ 54 ของ ฟีฟ่า แรงกิ้ง ส่วนไทย อยู่ไกลลิบลับกับตัวเลข 114 ของโลก
มองมุมใดก็เป็นรองแบบสุดกู่ ไม่ว่าจะเรื่องมาตรฐาน, ประสบการณ์, ศักยภาพผู้เล่น, ความเจนเวทีนานาชาติหรือแม้แต่กระทั่งกองเชียร์ที่บางตากว่า เนื่องจากความยากลำบากในการเดินทางไกล
ในเมื่อรู้ว่าเป็นรอง ดังนั้น มาซาทาดะ อิชิอิ จึงไม่ฝืนที่จะเปิดหน้าแลก แม้ว่ากำลังใจตอนนี้จะดีมากๆ แต่ถึงกระนั้นมันก็ไม่คุ้มที่จะเสี่ยงสู้เต็มรูปแบบ
กุนซือชาวญี่ปุ่น ฉลาดเป็นกรด เขาไม่ปล่อยให้ซาอุดิอาระเบีย ได้ใช้จุดเด่นอย่างเกมริมเส้นได้เปิดบอลโดยง่าย จนทำให้ทีมเหยี่ยวมรกตแห่งแดนอาหรับต้องหันมาใช้ความสามารถเฉพาะตัวของผู้เล่นเข้าทำแทน ซึ่งก็ไม่สามารถเจาะผ่านแนวรับอันเต็มไปด้วยระเบียบวินัยของไทย นั่นเอง
เกมเสมอเต็งแชมป์ของทัวร์นาเมนต์ด้วยสกอร์ 0-0 อาจจะเป็นรองจริง แต่เกมนี้ ไทย เอาชนะด้วยแท็กติกแบบหล่อๆ ที่มาจากมันสมองของ อิชิอิ นั่นเอง
[ 3 ] มีตัวเลือกเพิ่มมากขึ้น
ทันทีที่รายชื่อ 11 ผู้เล่นคนแรกของทีมชาติไทย ประกาศออกมา เชื่อเหลือเกินว่าแฟนฟุตบอลชาวสยามประเทศคงจะหวาดหวั่นถึงผลการแข่งขันที่อาจจะออกมาเละเทะอีกครั้ง เนื่องจากคู่แข่งคือซาอุดิอาระเบีย ชาติที่มีแรงกิ้งอันดับ 5 ชองทวีปเอเชีย
มาซาทาดะ อิชิอิ เปลี่ยนนักเตะยกชุดจาก 2 เกมแรก ซึ่งน่าจะเป็นการรักษาสภาพร่างกายของลูกทีมให้สมบูรณ์ที่สุด เนื่องจากว่าการันตีเข้ารอบ 16 ทีม สุดท้ายไปแล้ว ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องเสี่ยงอะไร
นอกจากจะได้ในเรื่องของความฟิต มันยังทำให้เขาได้เห็นผู้เล่นคนอื่นๆ มากกว่าเดิม แม้ว่าจะเป็นตัวสำรอง แต่ถึงอย่างนั้น หากฟอร์มโดดเด่นเข้าตา บางทีก็อาจจะสอดแทรกสู่ทีมชุดแรกได้เช่นกัน
ผลเสมอกับซาอุดิอาระเบีย 0-0 เป็นแมตช์แจ้งเกิดของ สรานนท์ อนุอินทร์ ผู้รักษาประตูจาก เชียงราย ยูไนเต็ด กับการเซฟจุดโทษในนาทีที่ 12 ของการแข่งขัน ซึ่งถ้าเสียประตูไปก่อน มันจะส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจของเพื่อนร่วมทีมในช่วงเวลาที่เหลือแน่นอน
พอไยังเสมอกันอยู่ ไทย ก็ยังเล่นในแท็กติกที่ตระเตรียมมาอย่างดี ก่อนจะได้มาซึ่งแต้มสำคัญนั่นเอง
นอกจากยังมี สันติภาพ จันทร์หง่อม ที่อาจจะถูกโยกไปยืนแบ็กซ้าย แต่โดยรวมถือว่าเยี่ยมมาก โดยเฉพาเะรื่องของเกมรับที่แทบไม่ปล่อยให้คู่แข่งเลี้ยงผ่านได้เลย
เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ ก็ยังมีความว่องไวเป็นอาวุธ อีกทั้งเกือบจะมีชื่อเป็นผู้แอสซิสต์ แต่โชคไม่เข้าข้าง เมื่อจังหวะที่เขาเปิดให้ ธีรศักดิ์ เผยพิมาย โขกเข้าประตูไปแล้ว ถูกริบคืนด้วย VAR (วิดีโอผู้ช่วยผู้ตัดสิน)
นี่คือสามนักเตะที่ดูจะโดดเด่นเป็นพิเศษในเกมเสมอซาอุดิอาระเบีย 0-0 ส่วนคนอื่นๆ ก็รับผิดชอบหน้าที่ได้ตามมอบหมาย ก่อนจะช่วยกันนำ 1 คะแนน อันล้ำค่า บวกเพิ่มเป็น 5 แต้ม แล้วทะยานสู่รอบต่อไป
[ 4 ] สรานนท์ กับวันแห่งความทรงจำ
สรานนท์ อนุอินทร์ ชื่อนี้เป็นที่คุ้นชินของวงการลูกหนังไทย มานานพอควร กับการโลดแล่นในลีกสูงสุดของสยามประเทศที่ นครราชสีมา เอฟซี ต่อด้วยการเป็นมือหนึ่งของ เชียงราย ยูไนเต็ด ในปัจจุบัน
ช่วงชีวิตของเขาต้องต่อสู้มาตลอด ไม่ว่าจะทีมแมวพิฆาตหรือกว่างโซ้งมหาภัย กว่าที่เจ้าตัวจะก้าวขึ้นสู่การเป็นตัวจริงของทั้งสองสโมสรนั้นยากลำบากมากเหลือเกิน
กระนั้นเด็กหนุ่มจากจังหวัดขอนแก่น ก็ไม่ท้อ เขาฝึกซ้อมอย่างขะมักเขม้นจนเอาชนะใจโค้ชได้สำเร็จ ทำให้ได้มาซึ่งโอกาสในการลงเฝ้าเสา และในที่สุดก็คว้ามันไว้สำเร็จ จนได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในผู้รักษาประตูแนวหน้าของเมืองไทย
อย่างไรก็ตาม กับทีมชาติ ดูเหมือนจะไร้วี่แววที่เจ้าตัวจะได้ยืนตระหง่านระหว่างสองเสา เนื่องจากมีทั้งรุ่นพี่, รุ่นเดียวกันและรุ่นน้องที่เก่งกาจสามารถทั้งนั้น
นับตั้งแต่ถูกเรียกตัวติดทัพช้างศึกในเดือนธันวาคม 2018 จนถึง 25 มกราคม 2024 หรือนับตัวเลข ก็เป็นเวลาถึง 7 ปี ที่เขาไม่เคยได้ลงสนามพร้อมชุดแข่งขันที่มีธงไตรรงค์ปกอยู่บนอกข้างซ้าย ทั้งๆ ที่ก็มีชื่ออยู่ในโผเป็นประจำ
แม้จะยังไม่ได้รับโอกาส แต่เขาก็ยังทำตัวให้พร้อมสำหรับโอกาสนั้นเสมอ สรานนท์ ซ้อม, ซ้อม, ซ้อมและซ้อมอย่างมุ่งมั่นตั้งใจ เพราะเขาเชื่อว่าวันหนึ่งวันใด สิ่งที่ตนเองอดทนรอจะมาเอง
ในที่สุด เขาก็ได้ลงสนามในนามทีมชาติไทย สักที แต่เกมประเดิมสนามของเจ้าตัวดันต้องเจอซาอุดิอาระเบีย ทีมเต็งแชมป์ของรายการอีกต่างหาก
มันคือฝันร้ายชัดๆ เพราะงานชุกแน่ๆ เนื่องจากฝั่งตรงข้ามมีดีกรีแชมป์เอเชีย 3 สมัย อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในตัวเต็ง เอเชียน คัพ 2023 - เขาคงจะนึกในใจว่าเพราะอะไรจึงต้องเปิดฉากพบทัพเหยี่ยวมรกตแห่งดินแดนอาหรับด้วย
7 เซฟ บวกกับ 1 ป้องกันจุดโทษ คือฟอร์มการเล่นสุดมหัศจรรย์ของจอมหนึบวัย 29 ปี ที่เพิ่งจะได้รับโอกาสเฝ้าเสาให้ทัพช้างศึกเป็นหนแรกในชีวิตนักฟุตบอลอาชีพ พร้อมกับถูกรับเลือกให้เป็น 'แมน ออฟ เดอะ แมตช์' ไปครองแบบไร้คู่แข่ง
สรานนท์ กับวันแห่งความทรงจำ แต่คนที่จะปวดหัว (ด้วยความยินดี) คือ มาซาทาดะ อิชิอิ นี่แหละ เพราะผลงานเจ๋งเป้งแบบนี้ เท่ากับว่ามีผู้รักษาประตูมือดีที่พร้อมจะท้าชิงตำแหน่งตัวจริงเพิ่มอีกหนึ่งคน
[ 5 ] อย่าเพิ่งหลงระเริงกับฟอร์มที่ยอดเยี่ยม
แม้ว่าไทย จะยังไม่แพ้ใครเลยใน เอเชียน คัพ 2023 แถมก็ยังรักษาสถิติ 'คลีนชีต' ได้แบบเหลือเชื่อ ทั้งๆ ที่อยู่ในกลุ่มที่แข็งพอสมควร แถมแต่ละชาติต่างก็มีอันดับโลกเหนือกว่าทัพช้างศึกทั้งนั้น
ด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ เชื่อว่ามันย่อมทำให้แฟนๆ หลายๆ ท่านต่างก็ฝันหวาน คิดไปไกลกับความปรารถนาสูงสุด นั่นคือ เวิลด์ คัพ รอบสุดท้าย
ณ วินาทีนี้ ยังอีกยาวๆ กว่าที่ไทย จะมีโอกาสได้สัมผัสกับทัวร์นาเมนต์ลูกหนังอันดับ 1 ของมวลมนุษยชาติ เพราะเมื่อมองย้อนกลับมาภายใน มีอีกหลายสิ่งอย่างที่ต้องปรับเปลี่ยน หากต้องการไปให้ถึงจุดหมายปลายทาง
ระบบลีกที่แข็งแรง, การแทรกแซงจากภายนอกต้องไม่มีให้เห็น, การตัดสินในแต่ละสัปดาห์ที่ต้องไม่มหัศจรรย์อย่างที่เป็นอยู่, ความฟิตของนักเตะ, การวางรากฐานเยาวชน, แผนงานระยะยาว, การจัดการแบบมืออาชีพ, สนามแข่งขันที่มีมาตรฐาน, อบรมโค้ชแบบเพื่อเพิ่มคุณภาพความรู้ให้กระจายออกทั่วประเทศและอื่นๆ อีกเพียบ ที่ต้องแก้ไขกันอย่างจริงจัง
แน่ล่ะว่าผลงานใน เอเชียน คัพ 2023 มันทำให้ฝันหวาน แต่ก็ต้องมองภาพความเป็นจริงด้วยเช่นกันว่าฟุตบอลไทย ยังมีอะไรที่แปลกประหลาดอยู่เสมอ ซึ่งสิ่งๆ นี้แหละคือตัวขัดขวางการเติบโต
รายการทัวร์นาเมนต์ แข่งขันกันแมตช์ต่อแมตช์ สู้กันด้วยแท็กติกและสภาพร่างกายของผู้เล่น ดังนั้นจึงมักจะเห็นเกมที่พลิกล็อกเกิดขึ้นได้บ่อยๆ ในรอบแรกๆ แต่เมื่อเข้าถึงรอบน็อก-เอาท์ ภาพความเป็นจริงจะปรากฏกายออกมาให้เห็นเอง
ดังนั้นจึงอย่าเพิ่งหลงระเริงกับฟอร์มที่ยอดเยี่ยม เพราะยังอีกหลายขั้นนัก ที่ไทย จะก้าวไปถึงปลายทาง