ทีมชาติไทย ซึ่งการันตีเข้ารอบ 100% แล้ว หวังหักปากกาเซียนเพื่อล้างอาถรรพ์ทุบซาอุดิอาระเบียรอบ 40 ปี พร้อมทะยานจบแชมป์กลุ่ม เอฟ ด้าน "มาดาซาดะ อิชิอิ" ส่ง ศุภนันท์ บุรีรัตน์ ยืนแบ็กขวา เพื่อโยก นิโคลัส มิคเกลสัน ไปยืนแบ็กซ้ายแทน "กัปตันธีราทร" ที่ติดโทษแบน ส่วนเกมรุกจัด 3S เช่นเดิม "สุภโชค-ศุภณัฏฐ์-ศุภชัย" โดยช่อง PPTV HD 36 ควง T Sport 7 ยิงสดให้แฟนบอลชาวไทยได้เชียร์ 4 ทุ่มตรง
ทีมชาติซาอุดิอาระเบีย - ทีมชาติไทย
การแข่งขันฟุตบอลเอเอฟซี เอเชียน คัพ 2023 รอบสุดท้าย ที่ประเทศกาตาร์ ประจำวันพฤหัสบดีที่ 25 ม.ค.2567 เป็นเกมในกลุ่ม เอฟ นัดที่ 3 ที่สนามเอดูเคชั่น ซิตี้ สเตเดี้ยม, เมืองอัล เรย์ยาน เวลา 22.00 คู่ระหว่าง ทีมชาติซาอุดิอาระเบีย ทีมอันดับ 56 ของโลก พบกับ ทีมชาติไทย ทีมอันดับ 113 ของโลก ถ่ายทอดสดทางช่อง PPTV HD หมายเลข 36 และช่อง T Sport 7
ความพร้อมของพลพรรค "เศรษฐีน้ำมัน" ที่มี "โรแบร์โต้ มันชินี" คุมทัพ พาทีมเก็บชัยชนะมาสองเกมรวดทั้งชนะ โอมาน 2-1 และชนะคีร์กีซสถาน 2-0 เก็บ 6 แต้มเต็มการันตีเข้ารอบน็อคเอาท์แน่นอนแล้ว ทว่าเกมนี้กุนซือจอมเก๋าชาวอิตาลี น่าจะไม่ประมาทในการจัดขุมกำลังเพื่อทำตามเป้าในการเข้ารอบเป็นแชมป์กลุ่ม
โดยเกมนี้แกนหลักอย่าง ซาเลม อัล-ดอว์ซารี่ ดาวเตะตัวเก่งผู้ที่เคยยิงประตูชัยใส่แชมป์โลก อาร์เจนตินา ในศึกฟุตบอลโลก 2026 รอบสุดท้าย มาแล้วน่าจะออกสตาร์ตเป็นตัวจริง รวมถึงแข้งหลักคนอื่น ๆ ทั้ง โมฮาเหม็ด คานโน, ไฟซาล อัล กัมดี้, อับดุลเราะห์มาน ฆารีบ, อาลี อัลเบเลฮี ฯลฯ พร้อมลงสนามทุกราย
ด้านทัพ "ช้างศึก" ที่มี "มาซาทาดะ อิชิอิ" คุมทัพ โดยมี "มาดามแป้ง" นวลพรรณ ล่ำซำ เป็นผู้จัดการทีม ทำผลงานยอดเยี่ยมเช่นกันด้วยการเอาชนะ คีร์กีซสถาน 2-0 และเสมอ โอมาน 0-0 เก็บ 4 แต้มยังไม่แพ้ใคร และยังไม่เสียแม้แต่ประตูเดียว ซึ่งเกมนี้จะขาด "กัปตันอุ้ม" ธีราทร บุญมาทัน แบ็กซ้ายตัวเก่งที่ติดโทษแบนเพียงรายเดียว
เกมนี้เฮดโค้ชชาวญี่ปุ่น จะใช้ นิโคลัส มิคเกลสัน โยกไปยืนแบ็กซ้ายแทนเพราะเคยทดลองใช้ "ลูกโซ่" เล่นในตำแหน่งนี้มาแล้ว ส่วนแบ็กขวาส่ง ศุภนันท์ บุรีรัตน์ ลงตัวจริงครั้งแรก ขณะที่ขุมกำลังอื่น ๆ ไม่น่าเปลี่ยนแปลงอะไรมากเพื่อไม่ให้เสียระบบทีม โดยเป้าหมายคือการเก็บแต้มให้ได้ หรือสร้างเซอร์ไพรส์โค่น "เศรษฐีน้ำมัน" ในรอบ 40 ปี เพื่อคว้าแชมป์กลุ่ม เอฟ
สำหรับ 11 ผู้เล่นทีมชาติไทย ที่คาดว่าจะลงสนามในระบบ 4-2-3-1 ประกอบด้วย ปฏิวัติ คำไหม (ผู้รักษาประตู), เอเลียส ดอเลาะ, พรรษา เหมวิบูลย์, นิโคลัส มิคเกลสัน, ศุภนันท์ บุรีรัตน์, พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี, วีระเทพ ป้อมพันธุ์, สุภโชค สารชาติ, บดินทร์ ผาลา, ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา, ศุภชัย ใจเด็ด
ทั้งนี้ สถิติการพบกันของทั้งสองทีม เคยดวลกันมาทั้งหมด 17 ครั้งในเกมอย่างเป็นทางการ ปรากฏว่า ทีมชาติไทย ชนะ 3 เสมอ 1 แพ้ 13 ส่วนในการแข่งขันเอเชียน คัพ รอบสุดท้าย พบกัน 2 ครั้ง ซาอุดิอาระเบีย ชนะ 2 นัด (ปี 1992 ชนะ 4-0 / ปี 1996 ชนะ 6-0) โดยเกมที่ ไทย ชนะ ซาอุดิอาระเบีย ล่าสุดต้องย้อนกลับไปในปี 1984 หรือ 40 ปีที่แล้ว นัดนั้นไทย ชนะ ซาอุดิอาระเบีย 3-1 ในเกมอุ่นเครื่อง
ผลงาน 5 นัดหลังสุดของทั้งสองทีม
ซาอุดิอาระเบีย
วันที่ 21 ม.ค.2567 - เอเชียน คัพ 2023 รอบแบ่งกลุ่ม ที่กาตาร์ - ชนะ คีร์กีซสถาน 2-0
วันที่ 16 ม.ค.2567 - เอเชียน คัพ 2023 รอบแบ่งกลุ่ม ที่กาตาร์ - ชนะ โอมาน 2-1
วันที่ 10 ม.ค.2567 - อุ่นเครื่องที่กาตาร์ - ชนะ ฮ่องกง 2-0
วันที่ 9 ม.ค.2567 - อุ่นเครื่องที่กาตาร์ - เสมอ ปาเลสไตน์ 0-0
วันที่ 1 ม.ค.2567 - อุ่นเครื่องที่กาตาร์ - ชนะ เลบานอน 1-0
ทีมชาติไทย
วันที่ 21 ม.ค.2567 - เอเชียน คัพ 2023 รอบแบ่งกลุ่ม ที่กาตาร์ - เสมอ โอมาน 0-0
วันที่ 16 ม.ค.2567 - เอเชียน คัพ 2023 รอบแบ่งกลุ่ม ที่กาตาร์ - ชนะ คีร์กีซสถาน 2-0
วันที่ 10 ม.ค.2567 - อุ่นเครื่องแบบปิดที่ไทย - เสมอ ทีมชาติไทย ชุด ยู-23 ปี 4-4
วันที่ 1 ม.ค.2567 - กระชับมิตร "โตโย ไทร์ส คัพ 2024" - แพ้ ญี่ปุ่น 0-5 (เยือน)
วันที่ 21 พ.ย.2566 - คัดบอลโลก 2026 รอบสอง นัดที่ 2 - ชนะ สิงคโปร์ 3-1 (เยือน)
สถิติ 5 นัดหลังสุดที่พบกัน
วันที่ 23 มี.ค.2560 - ฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 3 - ไทย แพ้ ซาอุดิอาระเบีย 0-3
วันที่ 1 ก.ย.2559 - ฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 3 - ซาอุดิอาระเบีย ชนะ ไทย 1-0
วันที่ 11 พ.ย.2554 - ฟุตบอลโลก 2014 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 2 - ซาอุดิอาระเบีย ชนะ ไทย 3-0
วันที่ 11 ต.ค.2554 - ฟุตบอลโลก 2014 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 2 - ไทย เสมอ ซาอุดิอาระเบีย 0-0
วันที่ 5 ก.พ.2552 - อุ่นเครื่องที่ญี่ปุ่น - ไทย แพ้ ซาอุดิอาระเบีย 1-2
ทั้งนี้ จากผลการแข่งขันกลุ่ม ดี ญี่ปุ่น เอาชนะ อินโดนีเซีย 3-1 เมื่อวันอังคารที่ 24 ม.ค.ที่ผ่านมา ทำให้อินโดนีเซีย ลงสนาม 3 นัด มีแค่ 3 แต้ม ต้องไปลุ้นเกมกลุ่ม เอฟ ให้ โอมาน แพ้หรือเสมอ คีร์กีซสถาน ถึงจะผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย แต่ส่งผลให้ทีมชาติไทย การันตีผ่านเข้าสู่รอบน็อคเอาท์แน่นอนแล้ว
โดยอันดับที่ 3 จาก 6 กลุ่มแบบเรียลไทม์เป็น (อันดับ 1) ปาเลสไตน์ 3 นัด มี 4 แต้ม ผลต่าง 0, (อันดับ 2) ซีเรีย 3 นัด มี 4 แต้ม ผลต่าง 0, (อันดับ 3) บาห์เรน 2 นัด มี 3 แต้ม ผลต่าง -1, (อันดับ 4) อินโดนีเซีย 3 นัด มี 3 แต้ม ผลต่าง (ก่อนเกม -3), (อันดับ 5) จีน 3 นัด มี 2 แต้ม ผลต่าง -1, (อันดับ 6) โอมาน 2 นัด มี 1 แต้ม ผลต่าง -1
ทำให้เกมสุดท้ายของกลุ่ม เอฟ ที่ทีมชาติไทย ลงเตะกับ ซาอุดิอาระเบีย หากทัพ "ช้างศึก" ชนะแซงเข้าเป็นแชมป์กลุ่ม ไปเจออันดับ 2 กลุ่ม อี, หากเสมอจบอันดับ 2 ไปเจอ อุซเบกิสถาน ที่เข้ารอบมาในฐานะอันดับ 2 กลุ่ม บี แต่หากแพ้ และโอมานชนะคีร์กีซสถาน รวมทั้งไทยผลต่างประตูได้เสียเป็นรองโอมาน จะทำให้ไทยเข้ารอบในฐานะเป็นหนึ่งในอันดับ 3 ที่ดีที่สุด 4 ทีม ไปเจอกับแชมป์กลุ่ม ดี คือ อิรัก