ทีมชาติไทยผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายในการแข่งขันฟุตบอลเอเชียนคัพหรือรายการชิงแชมป์แห่งชาติทวีปเอเชีย ซึ่งเป็นรายการนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดของทวีป โดยการผ่านเข้ารอบครั้งนี้ทีมชาติไทยผ่านเข้ารอบสุดท้ายเป็นครั้งที่ 8
ตลอดการแข่งขัน 7 ครั้งที่ผ่านมาที่ทีมชาติไทยผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชียได้ทำการปรับรูปแบบจำนวนทีมในรอบสุดท้ายแตกต่างกันไปจนถึงยุคปัจจุบันการคัดเลือกเอาทีมไปแข่งขันในรอบสุดท้ายจะมียอดทีมจำนวนสูงสุดถึง 24 ทีมซึ่งปัจจุบันสมาชิกของเอเอฟซี มีจำนวนทั้งสิ้น 46 ชาติ นับว่าเกินครึ่งของสมาชิกที่มีอยู่
แน่นอนว่าการที่ทีมชาติไทยผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายเอเชียนคัพก่อนหน้านี้ 7 สมัย ผลงานกุนซือแต่ละคนแตกต่างกันไปตามวิธีการและยุทธวิธีนอกจากนั้นเรื่องสำคัญคือการบริหารจัดการให้ทีมชาติไทยเกิดสมดุลมากที่สุดนอกเหนือจากสิ่งที่ต้องเผชิญนั่นคือความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้
รวมผลงาน 8 กุนซือทีมชาติไทย 7 สมัยเอเชียน คัพ รอบสุดท้าย
1972 (รอบสุดท้าย 6 ทีม) : กุนเธอร์ กลอมบ์ (เยอรมัน) / อันดับ 3
ผลงาน4 เกม ชนะ 1 เสมอ 1 แพ้ 2
1992 (รอบสุดท้าย 8 ทีม) : ปีเตอร์ สตูปเป้ (เยอรมัน) / รอบแบ่งกลุ่ม
ผลงาน 3 เกม เสมอ 2 แพ้ 1
1996 (รอบสุดท้าย 12 ทีม) : อาจหาญ ทรงงามทรัพย์ / รอบแบ่งกลุ่ม
ผลงาน 3 เกม แพ้ 3
2000 (รอบสุดท้าย 12 ทีม) : ปีเตอร์ วิธ (อังกฤษ) / รอบแบ่งกลุ่ม
ผลงาน 3 เกม เสมอ 2 แพ้ 1
2004 (รอบสุดท้าย 16 ทีม) : ชัชชัย พหลแพทย์ / รอบแบ่งกลุ่ม
ผลงาน 3 เกม แพ้ 3
2007 (รอบสุดท้าย 16 ทีม) : ดร.ชาญวิทย์ ผลชีวิน / รอบแบ่งกลุ่ม
ผลงาน 3 เกม ชนะ 1 เสมอ 1 แพ้ 1
2019 (รอบสุดท้าย 24 ทีม) : มิโลวาน ราเยวัช (เซอร์เบีย) - ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย / รอบ 16 ทีม
ผลงาน 4 เกม ชนะ 1 เสมอ 1 แพ้ 2
***มิโลวาน ราเยวัซ คุมทีมเกมเดียว แพ้ อินเดีย 1-4 พล.ต.อ.ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ประกาศปลดกลางทัวร์นาเมนต์ แต่งตั้ง ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย รับหน้าที่แทน
โปรแกรม เอเชียน คัพ 2023 รอบแบ่งกลุ่ม / มาชาทาดะ อิชิอิ (ญี่ปุ่น)
โดยทุกนัดที่ทีมชาติไทยลงสนาม ถ่ายทอดสดทางช่อง PPTV HD 36 และ ช่อง T Sports 7