ยังไม่ทันเริ่มคุมซ้อม - มาซาทาดะ อิชิอิ กุนซือป้ายแดงของทีมชาติไทย ก็ต้องเจอกับเรื่องระทมกบาลเสียแล้ว เพราะว่า ธีรศิลป์ แดงดา ศูนย์หน้าความหวังสูงสุดดันเอ็นด้านในเข่าฉีกขาดและกระดูกเข่าขวาร้าวจนต้องพักอย่างต่ำราวๆ 2 เดือน
นี่คือข่าวร้ายของทัพช้างศึกจริงๆ เพราะนอกจากแมตช์อุ่นเครื่องกับญี่ปุ่น ในวันจันทร์ที่ 1 ธันวาคม 2024 ซึ่งเป็นเกมที่เราจะได้ประสบการณ์และเรียนรู้หลายๆ อย่างมากมายจากนัดนี้ กลับไม่มีหัวหอกอันดับหนึ่งของประเทศในทีม
เท่านั้นไม่พอ เอเชียน คัพ 2023 (แข่งขันระหว่าง 12 มกราคม - 10 กุมภาพันธ์ 2024) ก็เป็นที่แน่นอนแล้วว่า ธีรศิลป์ ต้องสละโควตาของตนเองให้รุ่นน้อง
นี่คือปัญหาใหญ่มากๆ ของทีมชาติไทย แม้ปัจจุบันจะมีนักเตะหลายรายออกไปค้าแข้งต่างแดน ไม่ว่าจะเป็น สุภโชค สารชาติ และ เอกนิษฐ์ ปัญญา (ญี่ปุ่น) และ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา (เบลเยียม) แต่ที่ผ่านมาศูนย์หน้าจาก บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาสำคัญต่อทัพช้างศึกเพียงใด
บนวัย 35 ปี ธีรศิลป์ ยังสามารถเล่นได้ในระดับสูง จังหวะฟุตบอลของเขาสร้างประโยชน์ให้กับเพื่อนร่วมทีมได้เสมอ โดยที่ตนเองไม่จำเป็นต้องมีชื่อบนสกอร์บอร์ด ขอแค่มีเขาอยู่ในสนาม คนอื่นๆ ก็อุ่นใจไปด้วย
เรียกได้ว่าเป็นนักเตะที่มีอิทธิพลต่อการแข่งขันอย่างแท้จริง
ตัวอย่างใกล้ๆ คือเกมฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย ที่บุกไปชนะสิงคโปร์ 3-1
ในขณะที่ยังเสมอกันอยู่ 1-1 ด้วยรูปเกมที่อึดอัดสำหรับทีมชาติไทย เพราะไม่สามารถเจาะแนวรับเจ้าถิ่นได้สักที พลันใดนั้น อเล็กซานเดร โพลกิ้ง ตัดสินใจส่ง ธีรศิลป์ ที่ไม่ได้ซ้อมกับ บีจี ปทุม มาเกือบๆ 2 เดือน ลงสนามในฐานะตัวสำรองนาทีที่ 66
เท่านั้นแหละ สถานการณ์ก็พลิกกลับมาเข้าทางช้างศึกเมื่ออดีตศูนย์หน้า อัลเมเรีย จัดการทำ 2 แอสซิสต์ให้ไทย บุกไปควัก 3 คะแนนออกมาได้ตามเป้าหมาย
ไม่ต้องมีชื่อบนสกอร์บอร์ด แต่ก็สามารถสร้างความแตกต่างได้เช่นกัน นั่นคือคำนิยามสั้นๆ ของดาวยิงเชื้อสายจังหวัดสุรินทร์
ทีนี้พอไม่มี ธีรศิลป์ ในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ระดับทวีปมันย่อมส่งผลถึงแท็กติกการเล่นที่ อิชิอิ จะใช้ใน เอเชียน คัพ แบบทันที
กุนซือชาวญี่ปุ่น นิยมระบบ 4-3-3 เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และสไตล์การทำทีมของเขาคือการเน้นบอลจากด้านข้างเป็นหลัก ดังนั้นตำแหน่งความหวังจึงอยู่ที่ศูนย์หน้า ซึ่งเป็นตัวจบสกอร์
ตอนทำทีม คาชิมะ แอนท์เลอร์ส ได้แชมป์ เจลีก และรองแชมป์สโมสรโลกเมื่อปี 2016 เขาก็มี มู คานาซากิ เป็นหัวหอกตัวเป้า ขนาบข้างด้วยปีกที่ครอสแม่นอย่าง ยาซึชิ เอ็นโดะ กับ โชมะ โดอิ
พอโยกมาหาความท้าทายใหม่ในเมืองไทย เริ่มจาก สมุทรปราการ ซิตี้ ที่ถูกมองว่าเป็นทีมกลางกึ่งล่างของตาราง แต่ด้วยมันสมองของเฮดโค้ชเลือดบูชิโด เขาปั้น บาร์รอส ทาร์เดลี่ จนเป็นดาวซัลโวในฤดูกาล 2020-21 โดยมี เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ รับบทตัวเปิดป้อนไป 14 แอสซิสต์ ซึ่งเป็นตัวเลขสูงสุดของปีนั้นเช่นกัน
หรือตอนที่มาสร้างความยิ่งใหญ่กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เขาก็มี ลอนซาน่า ดูมบูญ่า ยืนค้ำอยู่แดนหน้า พร้อมกับขยับ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ไปอยู่ฟากขวา แล้วก็เป็นผลเมื่อแนวรุกทัพช้างศึกกลายเป็นท็อปแอสซิสต์ของลีกในซีซั่น 2022-23 ก่อนจะย้ายไป โอเอช ลูเวิน
จากผลงานที่ผ่านมาของ อิชิอิ เห็นได้ชัดเลยว่าเขาต้องมี 'ศูนย์หน้า' ที่ไว้ใจได้ บวกกับบรรดาตัวริมเส้นที่เปิดบอลได้แม่นยำ ซึ่งเมื่อมองไปที่ทีมชาติไทย ชุดปัจจุบัน เรื่องด้านข้างไม่ใช่ปัญหาแน่ เพราะมีทั้ง ธีราทร บุญมาทัน, สุภโชค สารชาติ และรวมไปถึง เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ ซึ่งก็เป็นศิษย์เก่าที่เคยร่วมงานกับตัวเขามาแล้ว แตกต่างกันที่ระยะเวลามาก-น้อยเท่านั้น
ดังนั้นการขาด ธีรศิลป์ จึงน่าเป็นห่วงเหลือเกินว่าทัพช้างศึกจะไปได้ไกลเพียงใดใน เอเชียน คัพ 2023 เพราะคู่แข่งแต่ละทีมล้วนแล้วแต่แรงกิ้งสูงกว่าเราทั้งหมด
มองในอีกแง่มุมหนึ่ง บางทีสถานการณ์อันบีบคั้นเช่นนี้อาจจะสร้าง 'วีรบุรุษ' คนใหม่ของทีมชาติไทย ก็เป็นได้ เพราะในประเทศก็ยังมีศูนย์หน้าเก่งๆ หลายคนที่เฝ้ารอโอกาสของตนเองอยู่
ปรเมศย์ อาจวิไล, ศุภชัย ใจเด็ด, ธีระศักดิ์ เผยพิมาย หรือ ยศกร บูรพา ที่เพิ่งถูกเรียกตัวติดทีมในเกมพบญี่ปุ่น ก็ต้องเค้นฟอร์มที่ดีที่สุดเพื่อมาเป็นตัวแทนรุ่นพี่ให้ได้ในเร็ววัน
แต่สุดท้ายแล้ว ไร้ ธีรศิลป์ ก็ยังเป็นสิ่งที่น่ากังวลและมันคือปัญหาใหญ่ของไทย และ อิชิอิ จริงๆ
ชิกกะด้าว