มาซาทาดะ อิชิอิ : เขาคือ "โค้ช" ไม่ใช่ "เทวดา"

มาซาทาดะ อิชิอิ : เขาคือ "โค้ช" ไม่ใช่ "เทวดา"
แต่งตั้งอย่างเป็นทางการ สำหรับ "มาซาทาดะ อิชิอิ" เข้ามากุมบังเหียนทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ภายใต้สัญญาระยะสั้นตามกรอบการดำรงตำแหน่งประมุขบอลไทยของ "บิ๊กอ๊อด" พล.ต.อ.ดร. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง

 อดีตเฮดโค้ชคาชิม่า แอนท์เลอร์ส ที่เคยพาทีมประสบความสำเร็จอย่างมาก คว้าแชมป์เมเจอร์ทุกรายการที่ญี่ปุ่น บวกกับมาสร้างชื่อที่เมืองไทยด้วยการนำ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ครองเทรเบิ้ลแชมป์ 2 ฤดูกาลติดต่อกัน เป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ลีกลูกหนังไทย

 ทว่า การเข้ามารับงานคุมทัพ "ช้างศึก" ครานี้ไม่ง่าย หากแฟนบอลต้องการเห็นความสำเร็จในระยะเวลาอันสั้น เรียนตามตรงไม่มีทางไปถึงเป้าหมายแน่นอน เพราะการสร้างทีมเจเนอเรชั่นใหม่ ต้องใช้เวลา ต้องมีความอดทนสูง อย่าเป็นเหมือนที่ผ่าน ๆ มา "ใจร้อน!"

 เส้นทางจากนี้ของ "โค้ชมาซะ" จะประเดิมพาทีมชาติไทย ไปเตะเกมอุ่นเครื่องที่แดนอาทิตย์อุทัยกับ ทีมชาติญี่ปุ่น นัมเบอร์วันของทวีปเอเชีย ในวันปีใหม่หรือ วันจันทร์ 1 มกราคม 2567 ช่วงเที่ยงตรงเวลาไทย 

 กระชับมิตรหนนี้สิ่งที่แฟนบอลไทยอยากเห็นไม่ใช่เรื่องของผลการแข่งขัน แต่เป็นรูปแบบ วิธีการเล่น แท็กติกการเล่น และสไตล์ยุคใหม่ในแบบ "เจแปน เวย์" ว่าจะเห็นแตกต่างจากยุคของ "มาโน่ โพลกิ้ง" มากน้อยแค่ไหน

  แล้วขอฝากปรมาจารย์ลูกหนังทั้งหลายหน่อยนะครับว่า กรุณาอย่าอุปโลกน์ว่า เจอญี่ปุ่นไทยสู้ได้, จัดตัวดีเลือกตัวดีมีลุ้นบุกชนะแน่, ทำไมอิชิอิไม่จัดแบบนี้ ถ้าจัดแบบนี้ไทยชนะญี่ปุ่นแน่ ฯลฯ 

 ถึงได้บอกว่า ทำไมแฟนบอลไทยหลายคนเขาไม่ได้หวังกับผลการแข่งขัน แต่เขาอยากเห็นสไตล์ที่เปลี่ยนไปเท่านั้นในยุค "อิชิอิ" จงอยู่บนโลกความเป็นจริง สู้ไม่ได้ก็คือสู้ไม่ได้ และรายการสำคัญจริง ๆ คือเอเชียนคัพ ไม่ใช่กระชับมิตรกับญี่ปุ่น!

 ในส่วนของการเลือกตัวผู้เล่น "โค้ชมาซะ" เตรียมแบโผรายชื่อ 18 ธันวาคมนี้ แน่นอนว่าแข้งหน้าใหม่คงจะพาเหรดติดทัพพอสมควร จากการที่ได้เห็นกุนซือวัย 56 ปี เดินสายตระเวนดูฟอร์มนักเตะช่วงที่ผ่านมา เพื่อมองหากลุ่มผู้เล่นที่จะเข้าระบบของตัวเองมากที่สุด

 และการไปเตะกับญี่ปุ่นหนนี้ เหมือนเป็นการเตรียมตัวขั้นสุดท้าย ก่อนไปลุยศึกเอเชียนคัพ 2023 รอบสุดท้าย ที่ประเทศกาตาร์ ระหว่างวันที่ 12 มกราคม - 10 กุมภาพันธ์ 2567 กับคู่แข่งในกลุ่มที่ต้องเจอทั้ง คีร์กีซสถาน, โอมาน และซาอุดิอาระเบีย

 มีโจทย์ให้ "โค้ชมาซะ" ทำการบ้านเพียบ กับช่วงระยะเวลาอันสั้น (สั้นจริง ๆ) ที่เหลือน้อยลงขึ้นทุกที แต่ด้วยกึ๋นและประสบการณ์ที่ผ่านมาอย่างโชกโชนนั้น เชื่อว่ากุนซือชาวญี่ปุ่นรายนี้ จะพาทีมชาติไทย ฝ่ามรสุมไปได้ แม้จะต้องยอมรับอุปสรรคที่จะเกิดขึ้นในช่วง 3 เดือนนี้ก็ตาม

 มีเวลาให้พิสูจน์อีกเยอะสำหรับ "โค้ชมาซะ" จะเป็นคนที่ใช่สำหรับทีมชาติไทยหรือไม่ ฝากแฟนบอลไทยอย่าเพิ่งรีบตัดสินเพียงเพราะผลงานสั้น ๆ หากว่าฟอร์มในเอเชียนคัพเดือนหน้าไม่ดี ก็ไม่ใช่สักแต่จะไปไล่ตะเพิดอย่างเดียว

 ทีมฟุตบอลไม่สามารถชนะเกมการแข่งขันได้ทุกนัด แพ้บ้าง เสมอบ้าง มันเป็นธรรมดาของกีฬานี้ อย่าเอาแต่ใจตัวเองเป็นที่ตั้งมากเกินไป ไทยต้องชนะทุกนัด ไม่ใช่แพ้มานัดเดียวก็ไปไล่เขาแล้ว

 ทุกคนวิจารณ์ได้ในสิ่งที่ถูกต้อง แต่อยู่ในขอบเขตหน่อยมันก็จะดีไม่ใช่น้อย และช่วยมองดูความเป็นจริงว่า ที่ท่านบ่นมันใช่หรือไม่ใช่ มองภาพกว้าง อย่ามองอะไรแคบ ๆ จนเกินไป

 เอาเป็นว่า "โค้ชมาซะ" คือคนธรรมดาที่เป็นกุนซือ ไม่ใช่ "เทวดา" ที่จะมาเสกให้ได้ดั่งใจสมหวังทุกอย่าง ขอแค่รอเวลา และให้โอกาส "โค้ชมาซะ" ได้พิสูจน์ฝีมือตัวเองก่อน เรื่องแบบนี้ต้องดูกันยาว ๆ หวังว่าแฟนบอลจะเข้าใจ!

" กอล์ฟ เบนเทเก้ "


ที่มาของภาพ : ที่มาของภาพ : SIAMSPORT
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport