กุนซือทีมชาติจีนไม่หวั่น มีข้อมูลทีมชาติไทยแน่นก่อนเปิดหัวคัดบอลโลก

กุนซือทีมชาติจีนไม่หวั่น มีข้อมูลทีมชาติไทยแน่นก่อนเปิดหัวคัดบอลโลก
อเล็กซานดาร์ ยานโควิช กุนซือทีมชาติจีน เผยมีข้อมูลทีมชาติไทยอยู่ในหัวแล้ว ก่อนประเดิมศึกฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก 2026 รอบสอง ในวันพฤหัสบดี เพื่อเดินหน้าเข้ารอบสุดท้ายเป็นสมัยที่สองให้สำเร็จ

กุนซือทีมชาติจีน ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซินหัว ในค่ายซ้อมที่เซินเจิ้น เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ก่อนออกเดินทางมาเยือนไทย เป็นเกมแรกในรอบสอง โดยเฮดโค้ชชาวเซอร์เบีย ยืนยันเป้าหมายเดิมในการนำทีมเข้ารอบสุดท้ายที่สหรัฐฯ, เม็กซิโก และแคนาดา จะเป็นเจ้าภาพในปี 2026 ซึ่งจะเป็นสมัยที่สองของทีมแดนมังกร ต่อจากปี 2002 ให้ได้ 

"ผมมั่นใจมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะผมได้พบกับทีมงาน นักเตะ และทุกคนที่เกี่ยวข้อง ทุกคนกระตือรือล้น คิดเร็ว ทำเร็ว และเดินหน้าไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมากๆ เรามีผู้เล่นที่พร้อมจะเสียสละเพื่อทีม" กุนซือชาวเซิร์บ วัย 51 ที่มารับตำแหน่งเมื่อเดือน ก.พ. ระบุ โดยผลงานปัจจุบันคุมทีมอุ่นแข้ง ชนะ 3 เสมอ 2 แพ้ 3 

"เราเจอกับคู่แข่งที่หลากหลาย ดังนั้นเราจึงพร้อมสำหรับทุกทางเลือกและแท็คติกที่จะใช้ในรอบคัดเลือกนี้ เราพร้อมสำหรับทุกอย่าง" ยานโควิช ที่เรียกแข้งเก๋าอย่าง อู๋ เหล่ย นำทัพ 

"หากเราตั้งเป้าหมายในการไปฟุตบอลโลก นั่นก็คือเป้าของเราตั้งแต่เริ่มต้น เราต้องรู้ว่าจะใช้นักเตะแบบไหนที่พร้อมสำหรับระบบการเล่นที่เข้มข้นของเรา ไม่ใช่แค่เกมเดียว 90 นาที แต่ต้องทำให้ได้ในช่วงเวลาห่างกันไม่กี่วันด้วย นั่นคือสิ่งสำคัญ"

ส่วนการเจอกับทีมชาติไทย คู่แข่งร่วมกลุ่ม ซี ในวันที่ 16 พ.ย. นี้ ยานโควิช เผยว่ามีข้อมูลของทีมช้างศึกอยู่แล้ว และพร้อมสำหรับการพบกันครั้งแรกนับแต่ปี 2019 แน่นอน

"เรารู้ข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับทีมไทย พวกเขามีประสบการณ์ระดับยุโรปมาเหมือนกัน เช่นเดียวกับการไปอุ่นเครื่องในยุโรปเมื่อเร็วๆ นี้ แต่นั่นคือข้อมูลของผม ซึ่งผมจะถ่ายทอดสิ่งที่จำเป็นแก่ลูกทีม เราจะเล่นในสไตล์ของเรา นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเราถึงอุ่นเครื่องถึง 8 นัด เพื่อสร้างระบบที่คุ้นเคย เราจะยึดแนวทางของเรา และปล่อยให้คู่ต่อสู้หาทางรับมือเอง" 

ถัดจากเกมเยือนไทย ขุนพลทีมชาติจีนจะมีคิวหนัก เปิดรังรับเกาหลีใต้ที่เซินเจิ้น ในอีก 5 วันถัดไป ซึ่งยานโควิช มองว่าเป็นงานท้าทายในการเจอทีมระดับโลก แต่ก็พร้อมเต็มที่สำหรับการลงเตะในรังนัดแรกเช่นกัน


ที่มาของภาพ : gettyimages
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport