แม้ว่า อเล็กซานเดร โพลกิ้ง จะเรียก 26 ผู้เล่นทีมชาติไทย ก่อนจะตัดเหลือ 23 คน ในภายหลัง แต่ด้วยความที่การแข่งขันฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย กำลังจะเริ่มต้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ว่าแล้ว 'SIAMSPORT' จึงขันอาสามา 'จัดทีม' ในระบบ 4-3-3 มาให้คุณผู้อ่านได้ทราบโดยทั่วกัน!!
ผู้รักษาประตู
นักเตะที่เรียกติดทีม: กัมพล ปฐมอรรฆย์กุล (ราชบุรี เอฟซี), สรานนท์ อนุอินทร์ (ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด), ปฏิวัติ คำไหม (แบงค็อก ยูไนเต็ด)
3 จอมหนึบที่ อเล็กซานเดร โพลกิ้ง เรียกตัวมา คงไม่มีใครถูกตัดชื่อออกไปแน่ แต่คนที่ผลงานดีจาก ฟีฟ่า เดย์ เดือนตุลาคม อย่าง กัมพล ปฐมอรรฆย์กุล มีเปอร์เซ็นต์สูงที่จะยึดมือหนึ่งแบบต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ในระยะหลัง หากเป็นทีมชุดจัดเต็ม ปฏิวัติ คำไหม คือตัวเลือกแรกๆ ของกุนซือเชื้อสายเยอรมัน-บราซิล ทว่าการที่ กัมพล ผลงานแจ่มแบบนี้ น่าจะสร้างความยากลำบากไม่น้อยว่าคนใดจะลงเฝ้าเสา
เมื่อวัดถึงผลงาน ทั้งสามรายนั้นถือว่าพอฟัดพอเหวี่ยงทีเดียว - กัมพล ฟอร์มเปล่งประกายกับทีมชาติ, ปฏิวัติ มาตรฐานต่อเนื่อง แถมยังไปได้สวยกับการเซฟพา แบงค็อก ยูไนเต็ด ลิ่วลอยลม ส่วน สรานนท์ อนุอินทร์ ก็ทำไปถึง 5 คลีนชีต สูงที่สุดในจำนวนคนที่ติดทีมมาด้วย
หากต้องเลือก คาดว่าน่าจะเป็น ปฏิวัติ ที่เล่นลูกเท้าได้ดีกว่าใครเพื่อน น่าจะได้โอกาส โดยมีคู่แข่งอย่าง กัมพล ที่พร้อมสอดแทรกได้ทุกเมื่อ
ตัวจริงที่คาด: ปฏิวัติ คำไหม
เซนเตอร์ฮาล์ฟ
นักเตะที่เรียกติดทีม: กฤษดา กาแมน (ชลบุรี เอฟซี), เอเลียส ดอเลาะ (บาหลี ยูไนเต็ด), พรรษา เหมวิบูลย์ (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด), สุพรรณ ทองสงค์ (แบงค็อก ยูไนเต็ด), เฉลิมศักดิ์ อักขี (การท่าเรือ เอฟซี), มานูเอล ทอม บีร์ห (แบงค็อก ยูไนเต็ด)
ในเกมกับสิงคโปร์ - อเล็กซานเดร โพลกิ้ง จัดระบบ 4-3-3 ค่อนข้างแน่ แต่นัดแรกที่จะพบจีน ยังไม่ชัดเจนว่าจะใช้แท็กติกกองหลัง 3 คนหรือไม่ แต่จากรายชื่อที่เขาเรียกมา คนที่น่าสนใจที่สุดคือ สุพรรณ ทองสงค์ เซนเตอร์ฮาล์ฟฟอร์มดีจาก แบงค็อก ยูไนเต็ด
กว่า 2 ปีครึ่งที่แนวรับวัย 29 ปี หายหน้าจากทัพช้างศึก แต่ด้วยผลงานอันยอดเยี่ยมกับต้นสังกัด ทำให้เขามีโอกาสสอดแทรกสู่ 11 คนแรกไม่น้อย
อย่างไรก็ตาม ด้วยประสบการณ์ในเกมนานาชาติ คู่ขาที่น่าจะได้ออกสตาร์ตเป็นตัวจริง คงหนีไม่พ้น พรรษา เหมวิบูลย์ และ กฤษดา กาแมน แต่ถ้าเน้นการป้องกันลูกกลางอากาศ เอเลียส ดอเลาะ กับ มานูเอล ทอม บีร์ห ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ
แต่ถ้าเอาฟอร์มอย่างเดียวเพียวๆ ยังไง สุพรรณ ก็ต้องได้รับเลือก แต่ทั้งนี้ต้องวัดใจ โพลกิ้ง ว่าเขาจะเลือกแท็กติกใดในการเผชิญหน้ากับทั้งจีน และรวมไปถึงสิงคโปร์
ตัวจริงที่คาด: กฤษดา กาแมน จับคู่ พรรษา เหมวิบูลย์
ฟูลแบ็ก
นักเตะที่เรียกติดทีม: ทริสต็อง โด (เมืองทอง ยูไนเต็ด), ศุภนันท์ บุรีรัตน์ (การท่าเรือ เอฟซี), นิติพงษ์ เสลานนท์ (แบงค็อก ยูไนเต็ด), ธีราทร บุญมาทัน (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด), เควิน ดีรมรัมย์ (การท่าเรือ เอฟซี)
ในตำแหน่งแบ็กซ้าย หากว่า ธีราทร บุญมาทัน ไม่ถูกขยับไปยืนเป็นมิดฟิลด์ ยังไงเขาก็จองสัมปทานตรงนี้แน่ แม้ว่า เควิน ดีรมรัมย์ จะจัดจ้าน และโดดเด่นทั้งรับและรุกก็ตาม
ดังนั้นการขับเคี่ยวจึงมีเพียงฟากขวาที่แต่ละรายก็ทำผลงานในฤดูกาล 2023-24 ได้เยี่ยมยอดทั้งนั้น โดยเฉพาะ นิติพงษ์ เสลานนท์ ที่กลับมาร้อนแรงมากๆ กับ แบงค็อก ยูไนเต็ด พละกำลังเหลือล้น, เติมเกมไม่มีพัก แถมเกมรับก็วินัยเข้มข้นอีกต่างหาก
อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่ ทริสต็อง โด คือนักเตะที่ อเล็กซานเดร โพลกิ้ง รู้ใจเป็นอย่างดี อีกทั้งมาตรฐานของฟูลแบ็กเชื้อสายฝรั่งเศส ก็อยู่ในระดับสูง แม้จะถูกตำหนิในเรื่องจังหวะครอสบอล แต่ด้วยความเข้ากับระบบของทีม จึงน่าจะได้ออกสตาร์ตเป็นตัวจริง
ขณะที่ในรายของ ศุภนันท์ บุรีรัตน์ ที่ผลงานดีไม่แพ้ใครเช่นกัน แต่ด้วยความที่เรียกแบ็กขวามาพร้อมกัน 3 คน จึงต้องมีหนึ่งที่ถูกตัดออก และอาจจะเป็นเขานี่แหละ ที่มีสิทธิ์ถูกกาชื่อในวินาทีสุดท้าย
ตัวจริงที่คาด: ทริสต็อง โด ฝั่งขวา - ธีราทร บุญมาทัน ฝั่งซ้าย
กองกลาง
นักเตะที่เรียกติดทีม: วีระเทพ ป้อมพันธุ์ (เมืองทอง ยูไนเต็ด), สารัช อยู่เย็น (บีจี ปทุม ยูไนเต็ด), พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล (บีจี ปทุม ยูไนเต็ด), ชนาธิป สรงกระสินธ์ (บีจี ปทุม ยูไนเต็ด), ปกเกล้า อนันต์ (แบงค็อก ยูไนเต็ด)
น่าเสียดายที่ ฐิติพันธุ์ พ่วงจันทร์ ได้รับบาดเจ็บจนต้องพักยาว ไม่เช่นนั้นการขับเคี่ยวแย่งตำแหน่งในแผงมิดฟิลด์คงจะระอุทะลุปรอท เพราะแต่ละรายกำลังทำผลงานได้ดีกันทั้งนั้น
อย่างไรก็ตาม ที่จองตัวจริงแน่ๆ คือ ชนาธิป สรงกระสินธ์ กับบทบาทเพลย์เมเกอร์อยู่หลังแนวรุก ดังนั้นจึงเหลืออีกเพียง 2 ที่นั่ง หรืออาจจะ 3 ขึ้นอยู่กับว่า อเล็กซานเดร โพลกิ้ง จะใช้ระบบใด
แต่ถ้าเอา 4-3-3 เป็นที่ตั้ง คนที่จะได้เล่นแน่ๆ ต้องเป็น สารัช อยู่เย็น ด้วยประสบการณ์และความเจนจัดในเวทีทีมชาติ ฉะนั้นจึงเหลืออีกเพียงหนึ่งตำแหน่งที่ว่างอยู่ และแคนดิเดตก็คือ พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล, วีระเทพ ป้อมพันธุ์ รวมไปถึง ปกเกล้า อนันต์
หากเอาผลงานกับต้นสังกัด ปกเกล้า คือคนที่โดดเด่นที่สุด แต่ถ้าเลือกเอาเกมรับ ต้องเป็น พิธิวัตต์ และถ้าเอาความชื่นชอบส่วนตัวของ โพลกิ้ง รวมไปถึงความต่อเนื่อง วีระเทพ นี่แหละคือคนที่จะได้ลงสนาม
เมื่อประมวลจากหลายปัจจัย ในระบบกองกลาง 3 คน - วีระเทพ น่าจะได้รับเลือกให้เล่นร่วมกับ สารัช และ ชนาธิป
ตัวจริงที่คาด: สารัช อยู่เย็น, วีระเทพ ป้อมพันธุ์, ชนาธิป สรงกระสินธ์
ปีก
นักเตะที่เรียกติดทีม: บดินทร์ ผาลา (การท่าเรือ เอฟซี), รุ่งรัฐ ภูมิจันทึก (แบงค็อก ยูไนเต็ด), เอกนิษฐ์ ปัญญา (อุราวะ เร้ด ไดม่อนด์ส, ญี่ปุ่น), สุภโชค สารชาติ (คอนซาโดเล่ ซัปโปโร, ญี่ปุ่น)
เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่การแย่งชิงตำแหน่งค่อนข้างจะระอุแตก แม้ว่า เอกนิษฐ์ ปัญญา แนวรุกที่ อุราวะ เร้ด ไดม่อนด์ส ยืมตัวมาจาก เมืองทอง ยูไนเต็ด จะไม่ได้ลงสนามอย่างสม่ำเสมอ แต่จากสิ่งที่เขาแสดงออกมาที่ เจลีก ต้องยอมรับว่าเด็กหนุ่มจากเชียงราย พัฒนาขึ้นมากทีเดียว
ส่วนคนอื่นๆ ก็มีดีแตกต่างกันออกไป - บดินทร์ ผาลา หวือหวา, ไปกับบอลดี และมักจะมีทีเด็ดในการสอดไปทำสกอร์ ซึ่งจุดนี้นี่แหละทำให้หมอนี่มีภาษีดีกว่าคนอื่นๆ
ขณะที่ สุภโชค สารชาติ ซึ่งเป็นแนวรุกริมเส้นตัวเลือกแรกๆ ของทีมก็ไม่น่าจะหลุดจากตำแหน่งตัวจริง เพราะฟอร์มที่ดีกับ คอนซาโดเล่ ซัปโปโร รวมไปถึงทีเด็ดทีขาดที่สามารถพลิกเกมได้ในชั่วพริบตา
ในราย รุ่งรัฐ ภูมิจันทึก อีกคนที่เพิ่งกลับมาติดทีมชาติอีกครั้ง หลังหายหน้าไปนานถึง 6 ปี ด้วยผลงานอันเจิดจรัสกับ แบงค็อก ทำให้ อเล็กซานเดร โพลกิ้ง ไม่อาจปฏิเสธการเรียกตัวสู่ทัพช้างศึก อย่างไรก็ตาม น่าเสียดายที่เขาได้รับบาดเจ็บจากเกมลีกนัดล่าสุด ทำให้ยังไม่แน่ว่าจะไหวหรือไม่
หาก รุ่งรัฐ ไม่ไหวจริงๆ จึงเหลือตัวเลือกในตำแหน่งนี้ 3 รย ดังนั้นคนที่น่าจะได้ออกสตาร์ตก่อน น่าจะเป็น บดินทร์ กับ สุภโชค โดยที่มี เอกนิษฐ์ เป็นตัวสอดแทรก
ตัวจริงที่คาด: บดินทร์ ผาลา ฝั่งขวา, สุภโชค สารชาติ ฝั่งซ้าย
กองหน้าตัวเป้า
นักเตะที่เรียกติดทีม: ธีรศิลป์ แดงดา (บีจี ปทุม ยูไนเต็ด), ศุภชัย ใจเด็ด (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด), ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา (โอเอช ลูเวิน, เบลเยียม)
ธีรศิลป์ แดงดา ไม่มีชื่อแม้กระทั่งตัวสำรองของ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด มาตั้งแต่เดือนกลางเดือนตุลาคม หรือรวมถึงปัจจุบันก็ 4 เกม ติดต่อกันแล้วที่อดีตหัวหอก อัลเมเรีย ไม่ได้สัมผัสเกมในสนาม
ด้วยเหตุนี้เอง ทำให้ ศุภชัย ใจเด็ด มีโอกาสสูงทีเดียวที่จะได้ลงมาทำหน้าที่แทนในฐานะศูนย์หน้าตัวเป้า แม้ว่า ธีรศิลป์ จะกลับมาฟิตสมบูรณ์ก็ตาม แต่ก็น่าจะไม่ได้เล่นในทันที
ส่วนในรายของ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ก็น่าจะต้องอยู่บนม้านั่งสำรองไปก่อน แต่ก็จะเป็นตัวทีเด็ดที่ที่พร้อมจะลงมาสร้างความแตกต่างให้ทีมชาติไทย ได้เช่นกัน
ตัวจริงที่คาด: ศุภชัย ใจเด็ด