5 สิ่งที่ทีมชาติไทย ได้จากการทัวร์ยุโรป??

5 สิ่งที่ทีมชาติไทย ได้จากการทัวร์ยุโรป??
ทีมชาติไทย เสร็จสิ้นภารกิจการตะลุยยุโรป 2 นัด โดยเป็นความพ่ายแพ้ต่อจอร์เจีย 0-8 กับเสมอเอสโตเนีย ไป 1-1 ซึ่งมีหลายสิ่งอย่างเกิดขึ้นระหว่างการแข่งขันมากมาย

และนี่คือ 5 สิ่งที่ทัพช้างศึกได้จากการออกนอกทวีปครั้งนี้!!

[ 1 ] ได้ออกนอกทวีปเป็นหนแรกในรอบ 13 ปี

เมื่อย้อนสถิติ นับตั้งแต่ปี 1970 เป็นต้นมา ทีมชาติไทย ไม่เคยได้ออกไปแข่งขันที่ทวีปยุโรป เลยสักครั้ง เพราะส่วนใหญ่จะอยู่ในเอเชีย ซึ่งก็ไปไกลหน่อยเพียงคูเวต (1981), ซาอุดีอาระเบีย (1984), สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (1988) และอิหร่าน (1989) ก่อนจะได้รับเชิญไปแข่งขันที่โซนนั้นอยู่ประปรายในเวลาต่อมา

ส่วนที่ออกนอกทวีป หนล่าสุดคือปี 2010 ที่ไปเจอกับแอฟริกาใต้ และก็โดนถลุงเละเทะ 4-0 และหลังจากนั้นมาที่จะไกลหน่อยคือออสเตรเลีย (2011) ในศึกคัดเลือกฟุตบอลโลก ซึ่งตอนนั้นทัพ ซอคเกอร์รูส์ โยกมาอยู่โซนเอเชีย แล้วนั่นเอง

ดังนั้นเท่ากับว่าการไปทัวร์ยุโรป รอบนี้เป็นครั้งแรกในรอบ 13 ปี เลยทีเดียว ที่ได้ออกนอกภูมิภาค แถมยังเป็นการไปดินแดนที่มีแต่ผู้คนคลั่งไคล้ในกีฬาลูกหนังอีกต่างหาก

แม้ว่าไทย จะไม่ได้เผชิญหน้ากับชาติใหญ่ๆ ในยุโรป แต่การได้พบจอร์เจีย หรือเอสโตเนีย นั้นถือเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ที่หาได้ยากยิ่งจริงๆ

[ 2 ] ได้ทดลองผู้เล่นหน้าใหม่

ทีมชาติไทย ชุด ฟีฟ่า เดย์ ตุลาคม 2023 มีนักเตะที่ยังไม่เคยลงสนามให้ทัพช้างศึกมาก่อนจำนวน 7 คน ไล่ตั้งแต่ จิรวัฒน์ วังทะพันธ์ (ผู้รักษาประตู), สุเมธี โคกโพธิ์ (ผู้รักษาประตู), เจมส์ เบเรสฟอร์ด (กองหลัง), เบน เดวิส (กองกลาง), ปุรเชษฐ์ ทอดสนิท (กองกลาง), อาทิตย์ เบิร์ก (กองหน้า) และ ยศกร บูรพา (กองหน้า) 

ผู้เล่นกลุ่มนี้มีเพียง จิรวัฒน์ จอมหนึบจาก ขอนแก่น ยูไนเต็ด เท่านั้นที่ได้ร่วมซ้อมกับทีมชุดใหญ่บ้างแล้ว นอกนั้นคือแข้งหน้าใหม่ทั้งหมด แต่ในราย เดวิส,  ปุรเชษฐ์ และ ยศกร นั้นเคยเล่นให้รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี มาบ้างแล้ว

ดังนั้นเมื่อประกอบกับ ฉัตรมงคล เรืองฐณโรจน์, พิชา อุทรา,ชานุกูล ก๋ารินทร์, จักรกฤษ ลาภตระกูล, ธีรศักดิ์ เผยพิมาย และรวมไปถึง กัมพล ปฐมอรรฆย์กุล ที่จำนวนเกมกับชุดใหญ่ไม่ถึง 10 นัด มันจึงทำให้ทีมชาติไทย ชุดนี้ยังอ่อนพรรษาพอสมควร

ส่วนกลุ่มที่มีชื่อสม่ำเสมอมีเพียง วีระเทพ ป้อมพันธุ์, กฤษดา กาแมน, เอเลียส ดอเลาะ, จักพัน ไพรสุวรรณ และ พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล นอกจากนี้ อดิศร พรหมรักษ์ กับ ทริสต็อง โด ซึ่งเป็นขาประจำของทัพช้างศึกเมื่อ 2 ปีก่อน ก็คัมแบ็กกลับมาสู่ทีมชาติอีกครั้ง

เมื่อมององค์ประกอบของภาพรวมของทีมชุดนี้จึงเปรียบเสมือนการ 'ทดสอบ' ผู้เล่นหน้าใหม่ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะถ้านักเตะเหล่านี้ไม่ได้โอกาสลงสนามในเกมนานาชาติ พวกเขาก็คงไม่สามารถก้าวมาทดแทนรุ่นพี่ได้ในอนาคต

นี่เองอาจจะเป็นสิ่งที่ทีมชาติไทย มองภาพระยะไกลนั่นเอง

[ 3 ] ได้รู้จักตัวเองมากขึ้น

ความฝัน 'ฟุตบอลไทย จะไปฟุตบอลโลก' คงจะยัง 'ค้าง' ต่อไปอีกแสนนาน หากว่าการจัดการต่างๆ ภายในยังคงไม่มั่นคงและเดินหน้าไปแบบสะเปะสะปะ

จอร์เจีย และเอสโตเนีย คือทีมเกรด ซี ของยุโรป ซึ่งในเมื่อเจอกับทีมระดับนี้ แต่ก็ยังไม่สามารถเอาชนะได้ แถมยังแพ้เละเทะถึง 0-8 คงจะเป็นคำตอบได้ดีว่าทัพช้างศึกยังมี 'ปัญหา' ที่ต้องแก้ไขหลายเรื่อง

สภาพร่างกาย, แท็กติก, ความเข้าใจเกม, ความสัมพันธ์ระหว่างผู้เล่น, ทักษะ, เกมรับ, จังหวะสุดท้ายและอื่นๆ อีกมากมายคือสิ่งที่ทีมชาติไทย ยังห่างไกลกับการก้าวไปสู่อีกระดับ

แม้จะไม่ใช่ทีมชุดที่ดีที่สุดที่ไปแข่งขัน แต่กระนั้นต่อให้จัดเต็มก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะกลับมาด้วยชัยชนะ 

ดังนั้นการทัวร์ยุโรป รอบนี้คงจะเป็น 'บทเรียน' อันล้ำค่าของผู้ที่ฝันหวานถึง เวิร์ล คัพ คงไม่ใช่ในระยะเวลาอันใกล้แน่ มันต้องวางแผนยาวๆ, สร้างรากฐานตั้งแต่เยาวชน และที่สำคัญคือต้องเป็น 'คนฟุตบอล' จริงๆ เท่านั้นถึงจะเข้าใจว่าสิ่งใดเหมาะสมสำหรับทีมชาติไทย

[ 4 ] ได้เห็นแรงใจของแฟนฟุตบอลไทยแม้อยู่ห่างไกลนับหมื่นกิโลเมตร

ก่อนการลัดฟ้าสู่ยุโรป เกิดเสียงวิพากษ์-วิจารณ์จากผู้คนในวงการลูกหนังไทย มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของตัวผู้เล่น, การวางโปรแกรมการแข่งขัน และอื่นๆ อีกพอสมควร

ทว่าทุกอย่างต้องเดินหน้ากันต่อ ซึ่งทัพช้างศึกชุดตะลุยจอร์เจีย และเอสโตเนีย ต่างก็ต้องเดินทางกันอย่างทรหดทีเดียว เพราะไปทุกเส้นทาง ทั้งทางบก, ทางน้ำและทางอากาศ

ไม่ได้มีเพียงแค่นักเตะและสตาฟฟ์โค้ชเท่านั้นที่เดินทางกันอย่างสมบุกสมบัน เพราะทั้งที่สนาม มิเคล เมสกี้ (จอร์เจีย) และ ลีเล่คูล่า (เอสโตเนีย) ก็ยังมีแฟนฟุตบอลชาวไทย ไปให้กำลังใจแบบชิดติดขอบ แม้จะยากลำบากเพียงใดในการไปเชียร์ทัพช้างศึก แต่พวกเขาก็ยอม

แฟนๆ ที่ไปหนนี้ มีทั้งที่บินตรงจากสยามประเทศจำนวนไม่น้อย รวมไปถึงคนไทย ในจอร์เจีย และเอสโตเนีย ที่ตามไปส่งเสียงเป็นกำลังใจให้นักเตะตลอดทั้ง 90 นาที

แม้เกมนัดแรกจะพ่ายแพ้ต่อจอร์เจีย เละเทะ 0-8 แต่นัดที่สอง พวกเขาก็ยังเชื่อมั่นในผู้เล่นทุกคนว่าจะกลับมาทำผลงานที่ดีได้อีกครั้ง ซึ่งมันคือ 'พลังใจ' ชั้นยอดที่ส่งไปถึงนักเตะ และเกมที่สองทัพช้างศึกก็ตอบแทน "ความศรัทธา"นั้นด้วยการรวมกันเป็นหนึ่ง จนสามารถบุกเสมอเอสโตเนีย ได้สำเร็จ ด้วยรูปเกมที่ไม่ได้เป็นรองเจ้าถิ่นเลยสักนิด

พลัง "ศรัทธา" ของแฟนๆ ไม่ใช่ของเล่น หากวันใดที่มันเสื่อมลง วันนั้นก็อาจจะถึงคราวที่ฟุตบอลไทย อาจจะต้องถอยตาม

[ 5 ] ได้รู้จักคนรักฟุตบอลไทยจริงๆ

ตามกฎของ ฟีฟ่า หากถึงช่วงเวลาของทีมชาติ - หากว่าสมาคมฟุตบอลของประเทศนั้นๆ ส่งหนังสือขอตัวนักเตะเพื่อไปฝึกซ้อมและเตรียมตัวแข่งขัน สโมสร "ไม่มีสิทธิ์" ปฏิเสธ แต่หากมีเหตุจำเป็นจริงๆ สามารถทำได้

ทว่าทีมชาติไทย ชุด ฟีฟ่า เดย์ ตุลาคม 2023 นั้นดูเหมือนว่าจะมี "เหตุจำเป็น" หลายหลากมากมาย จนทำให้บรรดาผู้เล่นตัวหลักหายหน้าไปจากทัพช้างศึกไม่ต่ำกว่า 10 คน

อย่างไรก็ตาม การขาดหายของนักเตะเหล่านี้ไม่ถือว่าเป็นความผิด เพราะยังปฏิบัติตามกฎของ ฟีฟ่า อย่างเคร่งครัด 

แต่ที่บรรดาผู้เล่นเหล่านั้นไม่ได้ร่วมทัพช้างศึกตะลุยยุโรป นั่นมาจากการที่ อเล็กซานเดร โพลกิ้ง ซึ่งเป็นเฮดโค้ชของทีมชาตินั้นไม่ได้เรียกตัวพวกเขานั่นเอง

จะด้วยเหตุผลใดก็ตามแต่ สิ่งที่สะท้อนออกมามันบ่งชี้อย่างชัดเจน ว่าบางที ทีมชาติไทย คงจะเป็นเรื่องรองๆ ในบางความคิดของบางคราวและบางครั้ง

ฟุตบอลไทย ไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง แต่มันเป็นของประชาชนคนทั้งประเทศที่ต่างก็พร้อมเป็นกำลังใจให้ทุกครายามออกศึก

ดังนั้นผลงานของทีมชาติชุดตะลุยยุโรป หนนี้จึงทำให้ได้เห็นว่าจริงๆ แล้ว ใครบ้าง ที่รักฟุตบอลไทยจริงๆ


ที่มาของภาพ : -
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport