กู้ศักดิ์ศรี! "ทีมชาติไทย" จัดชุดที่ดีสุด บู๊ เอสโตเนีย หลังพิงฝาไร้ชัยมา 7 นัด

กู้ศักดิ์ศรี! "ทีมชาติไทย" จัดชุดที่ดีสุด บู๊ เอสโตเนีย หลังพิงฝาไร้ชัยมา 7 นัด
ทีมชาติไทย หวังกู้ศรัทธาแฟนบอล คืนผลงานเยี่ยมส่งท้ายฟีฟ่าเดย์ โดย "โค้ชมาโน่" เตรียมส่งชุดดีสุดเท่าที่มีลงสนามนำทัพโดย "กัปตันและห์" กฤษดา กาแมน, วีระเทพ ป้อมพันธุ์ โดยมี ธีรศักดิ์ เผยพิมาย ประจำการหน้าเป้า เกมไปเยือนเอสโตเนีย ที่เพิ่งปราชัยในคัดยูโรมาหมาดๆ แถม 7 นัดหลังในเกมทางการไม่ชนะใคร ซึ่้งเจ้าถิ่นหวังปลดล็อกชัยรอบ 8 นัดต่อหน้าสาวกตัวเองให้ได้ พร้อมส่ง "พี่เบิ้ม" เฮนรี่ อานิเยร์ อดีตหอก "กิเลนผยอง" ล่าตาข่าย คู่นี้เตะ 5 ทุ่มตรง ไทยรัฐทีวี ช่อง 32 รับหน้าที่ยิงสดเช่นเดิม

การแข่งขันฟุตบอลอุ่นเครื่องฟีฟ่าเดย์ FIFA International 'A' Match ประจำวันอังคารที่ 17 ต.ค.2566 ที่สนามอา เลอ ค็อก อารีน่า, กรุงทาลลินน์ ประเทศเอสโตเนีย เวลาไทย 23.00 น. เป็นเกมคู่ระหว่าง เอสโตเนีย ทีมอันดับ 115 ของโลก เปิดบ้านรับมือ ทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ทีมอันดับ 112 ของโลก ถ่ายทอดสดทางช่อง ไทยรัฐทีวี หมายเลข 32

ความพร้อมของเจ้าถิ่นเอสโตเนีย ที่มี "โทมัส เฮแบร์ลี" คุมทัพ เพิ่งลงเตะในศึกฟุตบอลยูโร 2024 รอบคัดเลือก กลุ่ม เอฟ เปิดบ้านแพ้ อาเซอร์ไบจาน 0-2 เมื่อวันศุกร์ที่ 13 ต.ค.ที่ผ่านมา ทำให้พวกเขาลงเตะ 6 นัด มีแค่แต้มเดียว อดเข้าไปเล่นในรอบสุดท้ายที่ประเทศเยอรมนี เป็นเจ้าภาพแน่นอนแล้ว

นอกจากนี้ผลงานของเอสโตเนีย ตลอดปี 2023 ไม่ดีเอาเสียเลย เพราะตลอดทั้งปีที่ผ่านมาลงเล่นในเกมอย่างเป็นทางการ 9 นัด ชนะเกมเดียว ที่เหลือเสมอ 2 แพ้ 6 ยิงได้เพียง 4 ประตู เสีย 20 ประตู  โดย 7 เกมหลังสุดไม่ชนะใคร แถม 4 เกมหลังสุดยิงประตูคู่แข่งไม่ได้เลย และเสียไปถึง 15 ประตูอีกด้วย

โดยเกมนี้เฮดโค้ชชาวสวิตเซอร์แลนด์ วัย 49 ปี พร้อมจัดทัพสู้เพื่อหวังปลดล็อกชัยชนะรอบ 8 เกมต่อหน้าแฟนบอลของตัวเอง นำทัพโดย เฮนรี่ อานิเยร์ อดีตกองหน้าของสโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ด ที่ปัจจุบันเล่นอยู่กับ ลีแมน เอฟซี ทีมในศึกฮ่องกง พรีเมียร์ลีก นอกจากนี้ยังมีผู้รักษาประตูอย่าง คาร์ล เฮน มือกาวดาวรุ่งวัย 21 ปี ที่เฝ้าเสาอยู่กับอาร์เซน่อล ทีมแกร่งแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ พร้อมลงเช่นกัน

ขณะที่ทีมเยือนทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ภายใต้การคุมทีมของ มาโน่ โพลกิ้ง  โดยมี "มาดามแป้ง" นวลพรรณ ล่ำซำ เป็นผู้จัดการทีม เกมนัดแรกฟีฟ่าเดย์เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 12 ต.ค.ที่ผ่านมา ไปเยือนพ่าย จอร์เจีย ทีมอันดับ 79 ของโลก ไปแบบเละเทะถึง 0-8

โดยเกมนี้เฮดโค้ชชาวบราซิลเชื้อสายเยอรมนี หวังทำผลงานให้ดีมากกว่าเกมแรกด้วยขุมกำลังเท่าที่มี ซึ่งสภาพอากาศที่เอสโตเนียในช่วงการซ้อมครั้งสุดท้ายค่อนข้างหนาว อุณหภูมิอยู่ที่ 8 องศาเซลเซียส อย่างไรก็ตามการเดินทางจากจอร์เจีย มาถึงเอสโตเนียใช้เวลาเดินทางรวมมากกว่า 11 ชั่วโมง นั่นอาจเป็นอุปสรรคเรื่องสภาพร่างกายของผู้เล่นในเกมนี้เช่นกัน

สำหรับ 11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนามมาในระบบ 4-2-3-1 ประกอบด้วย กัมพล ปฐมอรรฆย์กุล (ผู้รักษาประตู), กฤษดา กาแมน (กัปตันทีม), เอเลียส ดอเลาะ, ทริสต็อง โด, ฉัตรมงคล เรืองฐณโรจน์, พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล, วีระเทพ ป้อมพันธุ์, พิชา อุทรา, ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว, บดินทร์ ผาลา, ธีรศักดิ์ เผยพิมาย

ทั้งนี้ สถิติการดวลกันของทั้งสองทีมเคยเจอกัน 2 ครั้ง ปรากฏว่า ไทย ชนะ 1 นัด เสมอ 1 นัด ไม่เคยแพ้ เอสโตเนีย ในเวลาปกติ 90 นาที โดยครั้งแรกเกิดขึ้นในศึกฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 31 เมื่อวันที่ 25 ก.พ.2543 ไทย ชนะ เอสโตเนีย 2-1 จากการเหมาคนเดียว 2 ลูกของ พิพัฒน์ ต้นกันยา และครั้งที่ 2 ในรายการเดียวกันเมื่อครั้งที่ 35 วันที่ 30 พ.ย.2547 เสมอกันในเวลา 0-0 ก่อนดวลจุดโทษ ไทย ชนะ เอสโตเนีย 4-3


ที่มาของภาพ : gettyimages, ช้างศึก - ฟุตบอลทีมชาติไทย
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport