ทีมชาติไทยอกหักชวดแชมป์คิงส์คัพ พ่ายจุดโทษอิรักหวุดหวิด

ทีมชาติไทยอกหักชวดแชมป์คิงส์คัพ พ่ายจุดโทษอิรักหวุดหวิด
ทีมชาติไทย อกหักชวดแชมป์คิงส์คัพสมัย16 หลังพลาดท่าพ่ายดวลจุดโทษ อิรัก ไปหวุดหวิด 4-5 หลังเสมอกันเวลา 90 นาทีท 2-2 ส่งผลให้ อิรัก คว้าแชมป์คิงส์คัพ เป็นสมัยแรก

ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 49 รอบชิงชนะเลิศ 

วันอาทิตย์ที่ 10 กันยายน 2566 

ทีมชาติไทย 2-2 อิรัก

(อิรัก ชนะจุดโทษ 5-4 )

ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 49 รอบรองชนะเลิศ ประจำวันอาทิตย์ที่ 10 กันยายน 2566 ที่สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี รอบชิงชนะเลิศ เวลา 23.30 น. เป็นการพบกันระหว่าง ทีมชาติไทย พบกับ อิรัก 

โดยรายชื่อผู้เล่นตัวจริงทีมชาติไทย ประกอบด้วย 1.ฉัตรชัย บุตรพรม (GK),4.พรรษา เหมวิบูลย์,5.กฤษดา กาแมน,3.ธีราทร บุญมาทัน (C),12.นิโคลัส มิคเกลสัน,22.วีระเทพ ป้อมพันธุ์,6.สารัช อยู่เย็น,14.เอเลียส ดอเลาะ ,11.บดินทร์ ผาลา,7.สุภโชค สารชาติ,10.ธีรศิลป์ แดงดา

ประกาศเลื่อนเวลาการแข่งขันออกไปอีก 15 นาที เป็นเริ่มการแข่งขันเวลา 20.45 น. เนื่องจากฝนตกหนักที่สนาม จนมีน้ำขัง ก่อนจะมีการเลื่อนแข่งขันเพิ่มออกไปอีก 15 นาที เป็นเริ่มการแข่งขันเวลา 21.00 น.

เริ่มเกมมาในนาทีที่ 4 ทีมชาติไทย มีโอกาสลุ้นก่อนจากจังหวะที่ ธีราทร บุญมาทัน เปิดบอลเข้ามาในกรอบเขตโทษ กองหลังอิรักโหม่งสกัดมาเข้าทาง วีระเทพ ป้อมพันธุ์ ได้โอกาสยิงโล่งๆ จากหน้ากรอบเขตโทษ แต่บอลเหินข้ามคานออกหลังไป 

หลังจากนั้นอีก 2 นาที จากจังหวะบอลชุลมุนในเขตโทษของฝั่งไทย ก่อนที่บอลจะมาเข้าทาง อายมัน ฮุสเซน เก็บตกยิงด้วยขวาส่งบอลเข้าไปตุงตาข่าย ส่งให้ อิรัก ออกนำ ทีมชาติไทย 1-0 

นาทีที่ 22 นิโคลัส มิคเกลสัน ตัดบอลได้ทางฝั่งขวา ก่อนจ่ายมาให้ สุภโชค สารชาติ ไพาบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษ ก่อนพยายามจะยิง แต่โดนผู้เล่นอิรักเข้าสกัดล้มลง แต่ผู้ตัดสินไม่ได้เป่าเป็นจังหวะและปล่อยให้เกมดำเนินต่อไป 

เกมดำเนินถึงนาทีที่ 35 ทีมชาติไทยได้เตะมุม ก่อนเป็น ธีราทร บุญมาทัน ที่รับหน้าที่เปิดบอลเข้ามา แล้วเป็น เอเลียส ดอเลาะ ที่ได้ขึ้นโหม่งเต็มๆ บอลไปแฉลบกองหลังอิรักก่อนเปลี่ยนทางลอยโด่งเกือบจะเข้าประตู แต่โกลอิรักปัดบอลข้ามคานออกหลังไปได้

นาทีที่ 37 ธีราทร บุญมาทัน ครอสบอลมาจากฝั่งซ้ายเข้ามาในเขตโทษ นิโคลัส มิคเกลสัน โฉบเข้ามาโหม่งเต็มๆส่งบอลเข้าไปอย่างสวยงาม และเป็นลูกแรกในนามทีมชุดใหญ่ของ "ลูกโซ่" อีกด้วย และจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์นี้ ช่วยพา ทีมชาติไทย ตามตีเสมอ อิรัก 1-1  และจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์นี้ 

เข้าสู่ครึ่งหลัง น.65 อิรัก มาได้ประตูขึ้นนำ ไทย อีกครั้งเป็น 2-1 จากจังหวะโต้กลับ อิบราฮิม คามิล พาบอลลากขึ้นมาทางริมเส้นฝั่งขวา ก่อนจะปาดเข้ากลางและเป็น อัมจัด อัตต์วาน วิ่งเข้ามาตะบันด้วยขวาส่งบอลเข้าไปตุงตาข่าย

น.77 ไทย มาได้ลูกจุดโทษจากจังหวะผู้เล่นอิรักถูกจับแฮนด์บอล ทว่า ธีรศิลป์ แดงดา ดันยิงไม่เข้า ไปติดเซฟผู้รักษาประตูของอิรักที่เดาทางได้ถูก ก่อนที่ น.82 แฟนบอลไทยเฮลั่นเมื่อทีมมาได้ประตูตีเสมอ 2-2 สุภโชค สารชาติ พาบอลลากถึงสุดเส้นหลังฝั่งขวา ก่อนเปิดเข้ากลาง บดินทร์ ผาลา วิ่งเข้ามาสะบัดโหม่งส่งบอลเข้าไปอย่างสวยงาม

จบเกม 90 นาที ทีมชาติไทย ยังเสมอ อิรัก 2-2 ต้องดวลจุดโทษตัดสินเพื่อหาแชมป์ ก่อนจะเป็นอิรักที่แม่นยำกว่าจะเอาชนะจุดโทษไป 5-4 สกอร์รวมเอาชนะทีมชาติไทย 7-6 ทำให้ "ช้างศึก" จบอันดับ 2 พลาดการเป็นแชมป์คิงส์คัพ 4 ครั้งติดต่อกันต่อจากปี 2018, 2019, 2022 ส่วนอิรัก คว้าแชมป์บอลคิงส์คัพได้เป็นครั้งแรก

รายชื่อผู้เล่นทีมชาติไทย

ฉัตรชัย บุตรพรม (ผู้รักษาประตู), พรรษา เหมวิบูลย์, เอเลียส ดอเลาะ (ปรเมศย์ อาจวิไล แทน น.71), ธีราทร บุญมาทัน, นิโคลัส มิคเกลสัน (นิติพงษ์ เสลานนท์ แทน น.76), กฤษดา กาแมน, วีระเทพ ป้อมพันธุ์, สารัช อยู่เย็น (ปกเกล้า อนันต์ แทน น.89), บดินทร์ ผาลา (ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ แทน น.89), สุภโชค สารชาติ, ธีรศิลป์ แดงดา (ปฐมพล เจริญรัตนาภิรมย์ แทน น.89)




ที่มาของภาพ : -
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport