อาทิตย์ที่ 10 ก.ย.นี้ ทีมชาติไทยจะลงเตะนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงสคัพ หลังจากวืดเข้าชิงเมื่อปีที่แล้ว
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าบรรยากาศน่าจะเนืองแน่นไปด้วยแฟนบอลทั้งที่เชียงใหม่ และใกล้เคียงรวมถึงกทม.ที่ไม่น่าพลาด
เห็นกระแสแฟนบอลในนัดแรกกับเลบานอนแล้วชื่นใจ อัฒจันทร์อัดแน่นไปด้วยผู้คน ส่งเสียงเชียร์กันสนุกสนาน
ถ้าจะติก็ตรงสภาพสนามที่ยังไม่เนี้ยบอย่างที่น่าจะเป็น เพราะนี่คือสังเวียนระบบที่เคยจัดบอลรายการใหญ่ ๆ ทั้งซีเกมส์, บอลชิงแชมป์เอเชีย ในหลายรายการมาแล้ว
อายุอาจจะเก่าแก่ เพราะสร้างมาใช้งานแรกตั้งแต่เมื่อปี 2538 หรือ 28 ปีที่แล้ว แต่ กกท. น่าจะเจียดงบมหาศาลมารีโนเวทใหม่ และให้ กกท.เชียงใหม่ ที่ดูแลสนาม หารายได้ในการมาทำนุบำรุง ไม่ใช่ปล่อยปะละเลยจนมาเร่งทำก็ไม่ทัน
ส่วนเกมนัดชิงกับอิรัก ของ ช้างศึกไทย ด้วยการเล่นในบ้านท่ามกลางเสียงเชียร์นับหมื่น ไทยเราสู้ได้อยู่แล้ว แต่สู้ด้วยฟอร์มสวยงามหรือตะกุกตะกักเท่านั้น
เล่นกับเลบานอน เราไร้ตัวทะลุทะลวง พอเจอเกมรับแบบประชิดติดตัวแถมตัวใหญ่ของเลบานอน ก็ไปกันไม่เป็น จังหวะควรเร่งก็ผ่อนจนคู่แข่งถอนตัวไปรับกันทัน
เจอกับบอลเพรส แถมตัวใหญ่และไว ยิ่งไม่มีตัวลากกินตัวอย่าง "เจ" ชนาธิป ไป ก็ยิ่งต้องออกบอลกันให้เร็ว เคลื่อนที่กันให้เยอะ โดยเฉพาะตัวไม่มีบอล เพื่อสร้างความพะวักพะวงให้กับกองหลัง แต่นี่ไม่เลย เคลื่อนกันอยู่แค่คนใกล้บอล บางทีคนอยู่ไกลลองวิ่งขึ้นมา คนได้บอลก็ไม่ทันมอง มัวแต่มองใกล้ ๆ ก็ตีรถเปล่าไปซิครับ
ยิ่งเล่นก็ยิ่งดูน่าอึดอัด ต้องอาศัยความสามารถเฉพาะตัวในการเข้าทำของนักเตะ โดยเฉพาะลูกที่ มิคเคลสัน เปิดให้ธีรศิลป์ ก็มาจากลีลาเฉพาะตัวของคนเปิดและสัญชาตญาณของคนทำประตูเท่านั้น
มาดูกันว่าเกมกับอิรัก ในวันอาทิตย์นี้ มาโน่ จะมีแผนอย่างไร เพราะอิรักจะเขี้ยวกว่า เลบานอน ในทุก ๆ ด้าน
ตัวที่เรียกมาแต่ยังไม่ลองใช้ ก็หาโอกาสใช้ซะ แม้จะเป็นนัดชิง อาจมองว่าไม่ควรเสี่ยง แต่บางครั้งการปรับเปลี่ยนมันอาจได้ผลลัพธ์ทางบวกแบบไม่น่าเชื่อก็ได้
ที่สำคัญเล่นให้เร็วในจังหวะที่ตัดบอลได้ ตัวไม่มีบอลต้องเคลื่อนไปพร้อม ๆ กัน กล้าเล่น กล้าต่อบอล เลือกตัวสด ห้าว ที่พร้อมปะทะลงไป
ลงไปเล่นให้สนุก ประทับใจ ผลแพ้ชนะแม้สำคัญ แต่สำคัญกว่าคือโชว์ฟอร์มให้คนไทยประทับใจ
ดีกว่าชนะแล้วร้องยี้นะครับ
-กระจกเงา-