ทีมชาติไทย ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ คิงส์ คัพ 2023 ได้ตามเป้าหมาย หลังเบียดชนะเลบานอน ไปหวุดหวิด ด้วยสกอร์ 2-1 โดยสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างการแข่งขันนั้นมีมากมาย และนี่คือสิ่งที่ 'SIAMSPORT' อยากแชร์ให้คุณได้อ่านกัน!!
[ 1 ] มาโน่ จัดทัพเซอร์ไพรส์
ด้วยความที่ไม่มี ชนาธิป สรงกระสินธ์ เพลย์เมเกอร์ชาวนครปฐม ที่ได้รับบาดเจ็บจากเกม ไทยลีก จนจำเป็นต้องถอนตัวออกไป ทำให้ อเล็กซานเดร โพลกิ้ง จัดการปรับโฉมช้างศึกเพื่อรับมือเลบานอน
อย่างไรก็ตาม ตามที่สื่อต่างๆ คาดการณ์ ระบบ 4-3-3 หรือไม่ก็ 4-4-2 น่าจะถูกนำมาใช้เผชิญหน้ากับ เดอะ เซดาร์ส แต่กลายเป็นว่ากุนซือเชื้อสายบราซิล-เยอรมัน เลือกแท็กติก 3-5-2 แบบสุดเซอร์ไพรส์
ตำแหน่งเซนเตอร์ฮาล์ฟ กฤษดา กาแมน กับ พรรษา เหมวิบูลย์ ยืนพื้น เพิ่มเติมด้วย วีระเทพ ป้อมพันธุ์ ที่ถูกขยับมายืนเป็นกองหลังอีกครั้ง ส่วนฟูลแบ็กเป็น นิโคลัส มิคเคลสัน และ บดินทร์ ผาลา
ในรายของ วีระเทพ หลายๆ คนคงจะคุ้นเคยกันอยู่แล้วในบทบาทนี้ เพราะก่อนหน้า โพลกิ้ง ก็มักจะจับมิดฟิลด์ เมืองทอง ยูไนเต็ด มาเล่นเกมรับ ทว่า บดินทร์ นั้นน้อยนักที่จะได้เห็น เพราะปกติแล้ว เขามักจะอยู่ริมเส้นด้านบนมากกว่า
ส่วนแดนกลาง ธีราทร บุญมาทัน รับบทกองกลางตัวโฮลด์บอล ผู้มีหน้าที่แจกจ่ายซ้าย-ขวา และมี ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ กับ สารัช อยู่เย็น คอยขับเคลื่อนเกม
ดังนั้นการจัดทัพในลักษณะนี้บ่งชี้ได้ชัดเจนว่าเฮดโค้ชวัย 47 ปี ต้องการให้ลูกทีมเดินหน้าบุกเต็มสูบ เพราะแดนบนก็มีทั้ง ธีรศิลป์ แดงดา และ สุภโชค สารชาติ
โพลกิ้ง ใช้แผนนี้อยู่เกือบครบทั้ง 90 นาที เพราะกว่าจะปรับระบบ ก็เป็นช่วงใกล้ทดเวลาการแข่งขัน ที่ตอนนั้นต้องการรักษาสกอร์เอาไว้ และจากผลที่ออกมา ก็นับว่า 3-5-2 ของเขาใช้งานได้ดีทีเดียว
[ 2 ] มิคเคลสัน จองตัวจริงถาวร
เวลานี้ตัวเลือกในตำแหน่ง 'แบ็กขวา' ของทีมชาติไทย มีมากมาย และแต่ละรายก็เก่งกาจไม่แพ้กัน ไล่ตั้งแต่ นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม, ศุภนันท์ บุรีรัตน์, นิติพงษ์ เสลานนท์, ทริสต็อง โด, สุพร ปีนะกาตาโพธิ์ และคนอื่นๆ อีกเพียบ
ทว่าฟอร์มการเล่นของ นิโคลัส มิคเคลสัน ที่ค่อยๆ เข้าขารู้ใจกับเพื่อนร่วมทีมมากขึ้นเรื่อยๆ บวกกับคลาสฟุตบอลระดับยุโรป ทำให้เขาได้ออกสตาร์ตเป็นตัวจริงนัดที่ 5 ติดต่อกันในนามทัพช้างศึก
ผลงานของแบ็กขวาจาก โอบี โอเดนเซ่ จัดว่ายอดเยี่ยมทีเดียว เกมรับไว้ใจได้ เกมรุกก็เติมได้สุดเส้น แถมตลอดทั้ง 90 นาที ในสนาม เขาวิ่งขึ้น-ลงแบบไม่มีเหน็ดเหนื่อยเลยสักนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับแท็กติกของ อเล็กซานเดร โพลกิ้ง ที่เน้นให้บุกทางฝั่งกองหลังวัย 24 ปี ก็ยิ่งตอกย้ำให้เห็นถึงคุณภาพที่มีในตัว
เท่านั้นไม่พอ ประตูชัยที่ ธีรศิลป์ แดงดา โหม่งเข้าไป ก็มาจากการแอสซิสต์ของ มิคเคลสัน คนนี้นี่เอง
ฟอร์มแบบนี้ มาตรฐานสูงแบบนี้ เห็นทีตำแหน่งแบ็กขวาทีมชาติไทย เขาคงจะจองยาวๆ แล้วแหละ
[ 3 ] ธีรศิลป์ ยังไว้ใจได้เสมอ แต่อย่าหักโหมใช้งาน
เป็นอีกครั้งที่ ธีรศิลป์ แดงดา ผู้ทำประตูชัยให้ทีมชาติไทย เอาชนะเลบานอน ไปหวุดหวิด 2-1 ยังคงเป็น 'ตัวความหวัง' สูงสุดของทัพช้างศึก
ตลอดทั้ง 89 นาที ที่อดีตหัวหอก อัลเมเรีย อยู่ในสนาม 'คลาส' ของเขาสามารถสร้างประโยชน์ให้กับทีมได้เสมอ ทั้งในเรื่องของการพักบอล, วิ่งตัวเปล่า, ประสานงานหรือแม้กระทั่งจ่ายให้เพื่อนร่วมทีม ศูนย์หน้าวัย 35 ปี ก็ทำได้ดีเสมอ
น่าเสียดายที่จังหวะหลุดเดี่ยวในครึ่งแรกนั้นเขายิงไปติดเซฟผู้รักษาประตูเลบานอน ไม่เช่นนั้นคงจะหล่อยิ่งกว่านี้
อย่างไรก็ตาม ด้วยอายุ 35 น่าจะต้องใช้งานเขาอย่างเหมาะสม เพราะระยะหลัง กับต้นสังกัดอย่าง บีจี ปทุม ยูไนเต็ด - ธีรศิลป์ ลงเล่นเต็มเกม 4 จาก 5 นัดหลังสุด กระทั่งมาต่อเนื่องกับทีมชาติไทย ที่ก็อยู่ในสนามเกือบครบ 90 นาที เช่นกัน
ดังนั้นถ้าจะให้ศูนย์หน้าหมายเลขหนึ่งของประเทศเล่นในระดับสูงได้เรื่อยๆ คงจะต้องให้เขาพักบ้าง ไม่ใช่ส่งลงเล่นแบบไม่มียั้งเช่นนี้
[ 4 ] สุภโชค บทบาทน้อยไปนิด
สุภโชค สารชาติ ถูกส่งลงสนามในบทบาทกองหน้าตัวต่ำเพื่อคอยสนับสนุน ธีรศิลป์ แดงดา ที่ยืนเป็นหัวหอกตัวเป้า ซึ่งก็ไม่ใช่หนแรกที่แนวรุกจาก คอนซาโดเล่ ซัปโปโร ต้องมาเล่นในตำแหน่งนี้
อย่างไรก็ตาม ด้วยผลงานที่ร้อนแรงในศึก เจลีก ซึ่งเขาถูกจับให้เล่นริมเส้นฝั่งซ้าย ก่อนจะทำไป 2 3 ประตู กับ 1 แอสซิสต์ จาก 2 นัด ล่าสุดที่ญี่ปุ่น
จากฟอร์มกระฉูดแตกที่ออกมา ตำแหน่งที่จะดึงศักยภาพของ สุภโชค ออกมาได้มากที่สุดน่าจะเป็น 'ริมเส้นฝั่งซ้าย'
ทว่าด้วยแท็กติกที่ อเล็กซานเดร โพลกิ้ง ใช้ระบบ 3-5-2 มันจำเป็นที่จะต้องให้แนวรุกชาวศรีสะเกษ หุบเข้ามายืนด้านในมากขึ้น แม้ว่าจะไม่มีข้อผิดพลาดหรือเล่นได้ต่ำกว่ามาตรฐาน แต่ประสิทธิภาพสูงสุดของเขาน่าจะอยู่ที่การออกด้านข้างแบบที่เจ้าตัวคุ้นชิน
พอไม่ได้เล่นตำแหน่งที่เป็นธรรมชาติ ความโดดเด่นของ สุภโชค จึงลดทอนลงไปเป็นธรรมดา ซึ่งก็น่าสนใจว่าในนัดชิงชนะเลิศกับอิรัก ในวันอาทิตย์ที่ 10 กันยายน - โพลกิ้ง จะจัดแผนการใดรับมือกับคู่ปรับจากแดนอาหรับ
โดยเฉพาะ สุภโชค ที่กำลังมั่นใจสุดขีดแบบนี้
[ 5 ] จราดี้ แจ้งเกิดกับ ไทยลีก แน่นอน
เลบานอน แสดงให้เห็นแล้วว่าเหตุใดพวกเขาจึงมีแรงกิ้งสูงกว่าไทย ในการจัดอันดับของ ฟีฟ่า แม้จะไม่ใช่ประเทศที่ประสบความสำเร็จในแง่ของถ้วยรางวัลเลยก็ตาม
ผู้เล่นของพวกเขามีระเบียบวินัยสูง, เทคนิคเยี่ยม, รูปร่างสูงใหญ่, แข็งแรง และยังเล่นฟุตบอลอย่างเป็นระบบตามแท็กติกที่โค้ชวางไว้
หลายๆ คนของเลบานอน ทำผลงานได้ดีมากๆ ในเกมที่แพ้ไทย ไปหวุดหวิด 1-2 ทว่าที่เด่นสุดต้องยกให้ บาสเซล จราดี้ เพลย์เมเกอร์วัย 30 ปี ที่เพิ่งย้ายมาอยู่กับ แบงค็อก ยูไนเต็ด ก่อนปิดตลาดซื้อ-ขายผู้เล่นได้ไม่นาน
ด้วยส่วนสูง 1.87 เมตร ทำให้กองกลางผู้ไปเติบใหญ่ที่เดนมาร์ก ได้เปรียบเรื่องของแรงปะทะ ยิ่งเจอกับนักเตะช้างศึกที่ไม่ได้รูปร่างใหญ่เท่าไหร่ ยิ่งทำให้เขาเล่นง่ายขึ้นกว่าเดิม
ทว่าสิ่งที่ จราดี้ แสดงให้เห็นในเกมนี้คือวิสัยทัศน์ในการเล่นที่สามารถยกระดับเกมการแข่งขันได้ นอกจากนี้บอลจากเท้าของเขาแต่ละครั้งก็หวังผลได้อีกต่างหาก และแน่นอนว่าประตู 1-1 ที่ทำได้ นั้นก็มาจากเซ้นส์การสอดเข้าไปหาพื้นที่ในกรอบเขตโทษนั่นเอง
หากร่างกายฟิตสมบูรณ์และเล่นเข้ากับระบบของ แบงค็อก เมื่อไหร่ รับประกันเลยว่าบียูจะพุ่งทะยานแน่ เพราะนี่คือ 'อาวุธหนัก' ที่เตรียมมาเขย่าขวัญแนวรับใน ไทยลีก