เบนจามิน เดวิส กับโอกาสทองที่รออยู่

  กฤษดา กาแมน, ฉัตรมงคล เรืองฐณโรจน์, ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว และล่าสุด พงศกร ตรีศาสตร์ คือแข้งอายุน้อยที่มาจากระบบเยาวชของสโมสร ก่อนจะกลายเป็นตัวหลักของฉลามชล

   ไม่นับรวม ชนินทร์ แซ่เอียะ, นพนนท์ คชพลายุกต์, สหรัฐ สนธิสวัสดิ์ และ บุคฆอรี เหล็มดี ที่ลงเล่นในช่วง 3 นัดแรก

   นักเตะเหล่านี้คือความภาคภูมิของ ชลบุรี เพราะเป็นผลิตผลที่พวกเขาเฝ้าฟูมฟักมานานปี กระทั่งเติบโตสู่ทีมชุดใหญ่ของสโมสร

   น่าเสียดายที่ผลงานใน 3 นัดแรกนั้นไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ทั้งๆ ที่รูปแบบการเล่น รวมไปถึงแท็กติกต่างๆ ก็ไปได้ดี 

   อย่างไรก็ตาม มีอีกหนึ่งผู้เล่นที่เข้ามาเติมเต็มความเข้มข้นในแนวรุกให้กับฉลามชล แม้จะไม่ใช่เด็กปั้นของสโมสร แต่ด้วยเซ้นส์ฟุตบอล บวกกับชั้นเชิงลูกหนัง ทำให้เขากลมกลืนได้อย่างรวดเร็ว

   คนๆ นั้นคือ เบนจามิน เดวิส กองกลางตัวรุกเชื้อสายไทย-อังกฤษ 

   เด็กหนุ่มชาวภูเก็ต ผู้ย้ายตามครอบครัวไปอยู่สิงคโปร์ ตั้งแต่อายุเพียง 5 ขวบ ก่อนจะเริ่มเล่นฟุตบอลที่นั่นจนติดทีมชาติชุดเยาวชน และเก่งกาจถึงขั้นไปเข้าอะคาเดมี่ของ ฟูแล่ม 

   ด้วยความที่การแข่งขันสูง เดวิส ไม่ได้ไปต่อกับทีมเจ้าสัวน้อย แต่ก็ถูก อ็อกซ์ฟอร์ด สโมสรในระดับ ลีก วัน ซึ่งมีเจ้าของเป็นคนไทย ดึงตัวมาร่วมทัพ ทว่าเขาก็ยังไม่ได้รับการเหลียวแลจากสตาฟฟ์โค้ชที่อังกฤษ

   สุดท้ายเจ้าตัวเลยตัดสินใจออกไปหาความท้าทายใหม่ในดินแดนขวานทอง โดยมีปลายทางคือ การท่าเรือ เอฟซี

   ตอนที่ เดวิส ย้ายมาเมืองไทย กระแสโซเชียลมีเดียต่างตื่นตัว เพราะนี่คือหนึ่งในดาวจรัสแสงของวงการลูกหนังสยาม ผู้คนส่วนใหญ่จึงคิดว่าเขาน่าจะเล่นอยู่ในลีกมาตรฐานสูงกว่านี้

   ทว่าการโยกสู่แผ่นดินเกิดของตนเองก็ใช่ว่าจะสวยงาม เพราะผลงานของเขากับสิงห์เจ้าท่าก็ไปได้ไม่ดีนัก หลายต่อหลายเกมที่ลงสนาม แนวรุกเชื้อสายอังกฤษ ไม่ได้สำแดงฤทธิ์เดชอย่างที่คาดหวัง จนกระทั่งค่อยๆ หลุดไปเป็นตัวสำรองในที่สุด

   แม้กระทั่ง สัมฤทธิ์ ธนะกาญจนสุต ประธานสโมสร อ๊อกซ์ฟอร์ด ยังต้องออกมาเตือนสติ เดวิส ให้โฟกัสกับเรื่องฟุตบอลเป็นลำดับแรก

   พอไม่ได้รับโอกาสมากนักกับ การท่าเรือ จบฤดูกาล 2022-23 เขาจึงย้ายมาอยู่ ชลบุรี พร้อมความหวังในการลงเล่นที่มากขึ้น แถมการได้อยู่ภายใต้การกำกับของ เทกูระโมริ ซึ่งเป็นนักปั้นแข้งอายุน้อยมือฉมัง ยิ่งทำให้มั่นใจได้ว่าอนาคตของแนวรุกคนนี้จะต้องดีขึ้นแน่นอน

   และมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เมื่อ เดวิส ฉายฟอร์มเด่น โดยเฉพาะจังหวะลากเลื้อยที่สร้างความปั่นป่วนให้แนวรับทุกทีมที่เผชิญ

   หนึ่งคนก็แล้ว สองคนก็แล้ว ไม่มีกองหลังหน้าไหนเอามิดฟิลด์วัย 22 ปี คนนี้อยู่ แม้จะยังไม่มีแอสซิสต์ และยังไม่ได้ 3 คะแนนแรกของฤดูกาล แต่ผลงานโดยรวมของเขาถือว่าน่าประทับใจมากๆ 

   หลายคนอาจงุนงงปนสงสัยว่าเหตุอันใด อเล็กซานเดร โพลกิ้ง เฮดโค้ชทีมชาติไทย จึงเรียก เดวิส มาแทนที่ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ที่ถอนตัวออกไป เนื่องจากปัญหาบาดเจ็บ เพราะเมื่อกวาดตามองไปที่ตำแหน่งกองกลาง คนที่ผลงานโดดเด่นก็เห็นจะไม่พ้น ศิวกรณ์ เตียตระกูล หรือแม้แต่กระทั่ง ชาญณรงค์ เกลอแก้วในรั้ว ชลบุรี

   ทั้งสองคนนี้ทำไปคนละ 2 แอสซิสต์ โดยเฉพาะรายแรกนั้นมีส่วนสำคัญกับการนำ เชียงราย เกาะกลุ่มหัวตารางด้วยผลงานที่ยังไม่แพ้ใคร แถมรักษา 'คลีนชีต' ได้อีกต่างหาก

   แต่ไฉนหวยจึงมาออกที่ เดวิส ซึ่งยังไม่มีสักแอสซิสต์ แถมประสบการณ์ในทีมชาติก็น้อยนิด และก็เพิ่งจะเล่นใน ไทยลีก เป็นฤดูกาลที่สองเท่านั้น

   ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากความชื่นชอบของ โพลกิ้ง ที่ได้ร่วมงานกับลูกครึ่งอังกฤษ ตอนคุม ซีเกมส์ 2021 อีกทั้งก็ต้องอย่าลืมว่าแม่ทัพใหญ่ของช้างศึกนั้นเป็นกุนซือประเภทนิยมเกมรุกอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงมักจะให้พื้นที่นักเตะที่สกิลสูงๆ ได้โชว์อัตลักษณ์อยู่เสมอ

   ดังนั้นการที่ ชนาธิป ถอนตัวไป บางที่นี่อาจจะเป็น 'โอกาส' ที่ เดวิส จะได้เฉิดฉายและยกระดับตนเองไปเป็นผู้เล่นที่เก่งกาจขึ้นอีก

   การเข้าแคมป์ฝึกซ้อมร่วมกับพี่ๆ ในทีมชาติ เขาจะต้องมุ่งมั่นและเต็มที่กับมันให้มากที่สุด อย่าหลงระเริงว่าตนเองฝีเท้าเหนือกว่าใคร เพราะฟุตบอลคือกีฬาที่เล่นเป็นทีม และที่สำคัญ ต้องตระหนักว่าตอนนี้ตนเองอยู่เมืองไทย หาใช่อิงแลนด์ การใช้ชีวิตย่อมแตกต่างกันเป็นธรรมดา

   เด็กหนุ่มคนนี้ 'มีของ' อยู่แล้ว ขึ้นอยู่ที่ว่าพรสวรรค์ที่ซุกซ่อนอยู่จะเปล่งประกายฉายแสงได้มากน้อยเพียงใด

   เบนจามิน เดวิส กับโอกาสทองที่รออยู่ มีแต่เจ้าตัวเท่านั้น กำหนดเองว่าจะให้มันลงเอยเช่นไร

ชิกกะด้าว