การประกาศแต่งตั้ง มาซาทาดะ อิชิอิ เข้ามานั่งประธานเทคนิคทีมชาติไทย "ชุดใหญ่" เพื่อเข้ามาช่วยงาน อเล็กซานเดร โพลกิ้ง กุนซือใหญ่ทัพ "ช้างศึก" ในการตะลุยภารกิจสำคัญคือ 2 เกมในคัดบอลโลก 2026 ช่วงเดือพฤศจิกายนนี้
แน่นอนว่าด้วยประสบการณ์ของ "มาซะ" ที่ได้รับการการันตีว่าเป็นเฮดโค้ชระดับ "อ๋อง" คุมทีมเป็นแชมป์อย่างมากมาย น่าจะช่วยยกระดับขุนพลลุ่มน้ำเจ้าพระยาไม่มากก็น้อย แม้ว่าจะมีเสียงตามสายจากแฟนบอลว่า เข้ามานั่งแค่ "ปธ.เทคนิค" จริงหรือ!
เพราะหากมองอีกมุมนึง อาจเป็นการกดดัน "มาโน่" ที่ผลงานช่วงหลังไม่สู้ดีนักรึเปล่า แม้เขาจะเคยพาทีมชาติไทย ผงาดเป็นแชมป์อาเซียน 2 สมัยติดต่อกันก็ตาม ทว่าพอไปเจอทีมระดับเอเชีย กับถูกเล่นงานมาโดยตลอด
ด้วยเป้าหมายของ "ช้างศึก" โดยเฉพาะ 2 แมตช์คัดบอลโลกปีนี้ ที่ต้องชนะทั้งสองเกมเพื่อเก็บ 6 แต้มเต็มทั้ง เจอ จีน ในบ้านวันที่ 16 พ.ย.2566 และบุกเยือน สิงคโปร์หรือกวม วันที่ 21 พ.ย.2566
แต่ก่อนหน้านั้น "มาโน่" จะต้องพา "ช้างศึก" ลุยฟีฟ่าเดย์ถึง 4 เกม เริ่มจากฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 49 ที่ จ.เชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 4-10 ก.ย.2566 และฟีฟ่าเดย์ ระหว่างวันที่ 9-17 ต.ค.2566 ที่จะบุกยุโรปเยือน เอสโตเนีย และ จอร์เจีย
กระแสนึงบอกว่า หาก "มาโน่" ไม่ประสบความสำเร็จใน "คิงส์คัพ" หรือผลงานล้มเหลวไม่เป็นท่าแม้จะเป็นแค่เกมอุ่นเครื่อง ก็อาจถูกปลดออกจากกุนซือใหญ่ และดัน "มาซะ" เข้ามารับไม้ต่อกุมบังเหียนแทนที่ เพื่อให้มีเวลาเตรียมทีมเกือบ 2 เดือนก่อนเตะคัดบอลโลก
แต่บางกระแสบอกว่า "มาโน่" อยู่จนครบสัญญาถึงเดือนมีนาคมปีหน้าแน่นอน ตามที่ "มาดามแป้ง" นวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการทีม เคยแสดงเจตนารมณ์เอาไว้ว่ายังไว้ใจให้คุมทัพ ไม่เช่นนั้นคงไม่ต่อสัญญาออกไปอีก 3 เดือนเพื่อทัวร์นาเมนต์เอเชียน คัพ ต้นปีหน้าหรอก
แต่ถึงตรงนี้ยังไม่มีใครสามารถการันตีอนาคตของ "มาโน่" ได้ ว่าสุดท้ายแล้ว จะอยู่จนครบสัญญา หรือปลิวจากเก้าอี้ไปก่อน แต่การที่ได้ 'อิชิอิ' เข้ามาช่วยงานคอยสเก๊าท์คู่แข่งที่ทีมชาติไทยจะเจอ รวมทั้งช่วยวิเคราะห์ผู้เล่นไทย บอกเลยว่าดีทั้งระยะสั้น และระยะยาว
ฝีไม้ลายมือเฮดโค้ชจากแดนอาทิตย์อุทัย เป็นที่ประจักษ์ไปทั่ว ก่อนบินข้ามน้ำข้ามทะเลมาทำงานที่เมืองไทย เขาเคยโชว์ผลงานพา "กวางเขาเหล็ก" คาชิม่า แอนท์เลอร์ส ครองความยิ่งใหญ่ที่ประเทศญี่ปุ่นมาแล้ว
พาคาชิม่า แอนท์เลอร์ส คว้า 4 แชมป์ทั้ง ลูวาน คัพ ปี 2015, ดับเบิ้ลแชมป์ปี 2016 (เจลีก, เอ็มเพอเรอร์ส คัพ), แชมป์ซูเปอร์คัพ ปี 2017 รวมทั้งพาทีมจบรองแชมป์สโมสรโลก แพ้จุดโทษ เรอัล มาดริด ทีมยักษ์ใหญ่จากสเปน ในรอบชิงชนะเลิศไปแบบหวุดหวิด
กระทั่งเข้ามาจับงานคุมสโมสรที่แดนสยามทีมแรกคือ สมุทรปราการ ซิตี้ ก่อนจะมารับหน้าที่คุมทีมแกร่งของเมืองไทยอย่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และพาทัพ 'ปราสาทสายฟ้า' คว้าทริปเปิลแชมป์ (ไทยลีก, ช้าง เอฟเอ คัพ, รีโว่ คัพ) 2 ฤดูกาลติดต่อกัน (2021/22, 2022/23) เป็นประวัติศาสตร์วงการลูกหนังไทยลีก
กุนซือวัย 56 ปี ดีกรี "ยูฟ่า โปร ไลเซนส์" ยังเคยกวาดรางวัลส่วนตัวไม่ว่าจะเป็น หัวหน้าผู้ฝึกสอนยอดเยี่ยมแห่งปี 2016 (J.League Manager of the Year), หัวหน้าผู้ฝึกสอนยอดเยี่ยมไทยลีกประจำฤดูกาล 2021/22 เป็นต้น
หากว่ากันตามตรงเมื่อเทียบผลงานกับ "มาโน่" แล้ว ต้องยอมรับว่า "อิชิอิ" นั้นดีกว่ามาก เนื่องจาก "มาโน่" อย่างที่ทราบกันว่าสมัยคุมสโมสรยังไม่เคยพาทีมคว้าโทรฟี่ได้เลย ก่อนจะมาคุมทีมชาติ ก็มีเพียง 2 แชมป์อาเซียนเท่านั้น
คนที่หายใจไม่ทั่วท้องอย่าง "มาโน่" คงแอบคิดในใจบ้างแหละว่า ถ้าพาทีมทำผลงานไม่ดี คงหลุดจากตำแหน่งแน่ แต่ทางด้าน 'อิชิอิ' ในฐานะ ปธ.เทคนิค อาจจะคิดอีกแบบ เพื่อให้เกียรติกุนซือใหญ่ชาวบราซิลเชื้อสายเยอรมนี ได้ตัดสินใจทำทีมแบบเต็ม ๆ เหมือนเดิม ส่วนตนแค่ไปช่วยงานด้านอื่น ๆ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อทีมชาติดีกว่า
เชื่อว่าแฟนฟุตบอลชาวไทยคงจะฉงนใจอยู่กับเรื่องแม่ทัพใหญ่ "ช้างศึก" อยู่มิใช่น้อย แต่หากมองโลกในแง่ดี ถ้า 2 คนนี้ผนึกร่วมงานกันได้แน่นปึ้ก ผลลัพธ์อาจจะออกมาดีเกินคาดชนิดที่ผู้เล่นคนที่ 12 ไม่คาดฝันก็เป็นไปได้เช่นกัน!
" กอล์ฟ เบนเทเก้ "