กกท.เอาจริง! นักกีฬาก่อเรื่องฉาว ทะเลาะวิวาท ทำภาพลักษณ์ประเทศและวงการกีฬาไทยเสื่อมเสียชื่อเสียงระหว่างเป็นตัวแทนทีมชาติไปแข่งขันต่างประเทศ จะถูกลงโทษ เช่นเดียวกันกับสมาคมกีฬานั้นๆที่เป็นผู้ดูแลและควบคุมจะมีโทษและต้องแสดงความรับผิดชอบด้วย "ดร.ก้อง" ยันเตรียมร่างหลักเกณฑ์ที่ชัดเจน ประกาศใช้จริงเร็วๆนี้ เผยสมาคมฟุตบอลฯ ส่งเอกสารแจงปม "ช้างศึก" ทะเลาะวิวาทในซีเกมส์ ครั้งที่ 32 แล้ว ระบุขอเวลาตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างละเอียด ก่อนนำเสนอบอร์ดกกท.พิจารณา และจ่ายเงินสนับสนุนที่ถูกชะลอเอาไว้ย้อนหลังเป็นลำดับต่อไป
สืบเนื่องจากที่ทีมฟุตบอลชาย ชุดทำศึกซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่กัมพูชา เป็นที่พูดถึงหลังเป็นทีมกีฬาเดียวที่วืดรางวัลเงินอัดฉีด ในงานมอบรางวัลสนับสนุนทัพนักกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 และอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 12 ที่กัมพูชา ที่รัฐบาลไทย จัดขึ้น เมื่อ 6 ก.ค.66 ที่ทำเนียบรัฐบาล ต่อมา ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ได้เปิดเผยถึง
เหตุผลว่า การไม่ได้รับเงินสนับสนุนนั้น เป็นการชะลอจ่ายเงินรางวัลให้กับทีมฟุตบอลชาย เพราะต้องการเอกสารชี้แจงอย่างละเอียดถึงเหตุการณ์อื้อฉาวที่เป็นข่าวดังไปทั่วโลก หลังนักฟุตบอลและสตาฟโค้ชทีมชาติไทยก่อเหตุทะเลาะวิวาทกับทีมนักกีฬาอินโดนีเซีย ในการแข่งขัน นัดชิงชนะเลิศ ฟุตบอลชาย กีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 เมื่อกลางเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา
ล่าสุด ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการกกท. ได้ออกมาเผยว่า สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้ทำหนังสือชี้แจง ตามที่กกท.ได้มีการส่งหนังสือขอคำชี้แจงอย่างละเอียดไปกลับมาแล้ว ซึ่งขั้นตอนต่อไปหลังจากนี้ กกท.จะมอบหมายให้ฝ่ายพัฒนากีฬาเป็นเลิศ รวบรวมข้อเท็จจริงต่างๆ เพื่อนำเสนอกลับไปยังบอร์ดการกีฬาแห่งประเทศไทย (บอรด์ กกท.) เพราะในการประชุมล่าสุดนั้น ที่ประชุมได้หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นประเด็นสำคัญ ซึ่งพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะประธานบอร์ดกกท.เน้นมากในการรักษาชื่อเสียงของประเทศ
"ไม่ว่าสมาคมไหนที่ทำให้ภาพลักษณ์ของวงการกีฬาไทยเสื่อมลงไป ก็จะต้องมีมาตรการเดียวกันหมด ไม่ใช่สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ซึ่งในที่ประชุมดังกล่าว ท่านประธานบอร์ด ก็ได้กำชับให้กกท.ช่วยตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างละเอียด เพราะสิ่งเหล่านี้บอร์ดอยากจะให้สังคมกีฬาได้รับทราบ และเมื่อเหตุการณ์เป็นแบบนี้ สมาคมต้องแสดงความรับผิดชอบด้วย ซึ่งบอร์ดกกท.ไม่ได้มองเฉพาะตัวบุคคล แต่มองในภาพรวม บทบาทในการควบคุม กำกับดูแลของสมาคม ซึ่งต้องมีความชัดเจน และต้องมีความรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น"
ผู้ว่าการกกท. ยังเผยอีกว่า กรณีนี้จะถือเป็นบรรทัดฐาน และนำไปสู่การออกกฎและกติกาว่า ก่อนที่เราจะส่งตัวแทนเข้าไปในนามทีมชาติ จะมีกฎ กติกา เรื่องของ วินัย ภาพลักษณ์ และการมีน้ำใจนักกีฬา ซึ่งก็จะเกี่ยวข้องกับการไม่ได้รับเงินรางวัลด้วย และถ้านักกีฬาคนใดไปก่อเหตุการณ์ในลักษณะนี้ ต่อไปในอนาคตก็จะมีปัญหาไม่เฉพาะตัวบุคคลนั้น แต่ตัวสมาคมก็จะต้องรับผิดชอบกับเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าวที่เกิดขึ้น โดยในอนาคตเราจะมีเกณฑ์ที่ชัดเจน เพราะสิ่งที่เกิดขึ้น ต้องยอมรับว่า เราไม่มีกฎ กติกา และกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนในเรื่องนี้ แต่ต่อไปจะเป็นในเชิงนโยบาย หากสมาคมไหนไม่สามารถควบคุม กำกับ ดูแลนักกีฬาของตัวเองได้ สมาคมจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งกฎนี้จะใช้กับนักกีฬาที่ได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนทีมชาติไทย ออกไปแข่งขันในระดับมหกรรมกีฬาและระดับนานาชาติ