23 แข้งช้างศึกยู 17 ปี ตบเท้าเข้ารายงานตัวเพื่อเข้าแคมป์โค้งสุดท้าย 10 วันก่อนถึงทัวร์นาเมนต์แข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี รอบสุดท้าย ที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพในช่วงระหว่างวันที่ 15 มิ.ย. - 2 ก.ค.66 โดยทาง "โค้ชโบ้" จักรพันธ์ ปั่นปี ผช.กุนซือใหญ่ เผยช่วงเวลาที่เหลือนี้จะติวเข้มซ้อมเช้า-เย็น ลงลึกเน้นแทคติกและความเข้าใจเกม วางคิวอุ่น ทาจิกิสถาน 1 แมตช์ เพื่อเช็กความพร้อมครั้งสุดท้าย ตอนนี้ไม่มีความกังวลอะไร ส่วนเป้าหมายจะพยายามพาทีมผ่านไปเล่นฟุตบอลโลกยู 17 ปี รอบสุดท้าย ให้ได้
"ช้างศึก" ฟุตบอลชายทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี ซึ่งมีโปรแกรมเตรียมลงทำศึกฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี รอบสุดท้าย ที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพในช่วงระหว่างวันที่ 15 มิ.ย. - 2 ก.ค.66 โดยทีมชาติไทยนั้นจับสลากอยู่ในกลุ่ม เอ ร่วมกับ สปป.ลาว, มาเลเซีย และ เยเมน ภายใต้การคุมทัพของโค้ชพิภพ อ่อนโม้ หัวหน้าผู้ฝึกสอนและทีมงานอย่าง "โค้ชโบ้" จักรพันธ์ ปั่นปี
ล่าสุด ทัพนักเตะ "ช้างศึก" ยู 17 ปี ที่ประกาศรายชื่อไปก่อนหน้านี้ 23 คน ได้เดินทางมารายงานตัวที่สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยกันอย่างพร้อมเพรียง เพื่อเข้าแคมป์ฝึกซ้อมช่วงโค้งสุดท้ายประมาณ 10 วันก่อนเข้าสู่ทัวร์นาเมนต์แข่งขัน
โดยรายชื่อนักเตะที่เข้ารายงานตัวทั้งหมดประกอบด้วย
ผู้รักษาประตู : ธฤษณุ คุปตนาวิน (ชลบุรี เอฟซี), ศุภณัฐ สุดาทิพย์ (ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด) , ธนกฤต อุทรักษ์ (หนองบัว พิชญ เอฟซี)
กองหลัง : จิรพงศ์ แช่มสกุล (ชลบุรี เอฟซี) , กิติพัฒน์ บุญด้วง (เมืองทอง ยูไนเต็ด) , ธนกฤต ล้อมนาค (ชลบุรี เอฟซี) , ชนสรณ์ โชคลาภ (อัสสัมชัญ ธนบุรี), สิรภพ นิลแสง (บีจี ปทุม ยูไนเต็ด), ศรัณยวัตร น้าประเสริฐ (สุพรรณบุรี เอฟซี) ,สุรชัย บุญชารี (ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด)
กองกลาง : พัชรพล เหล็กกุล (ชลบุรี เอฟซี), พรรธวัตร เขตชมภู (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด), รัฐธรรมนูญ ดียิ่ง (ชลบุรี เอฟซี) , พงศกร สังขโสภา (หัวหิน ซิตี้), นันทิพัฒน์ ใจมั่น (อัสสัมชัญ ศรีราชา), นที ตามประดับ (โปลิศ เทโร เอฟซี), พิชญะ คงศรี (ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด) , ดุษฎี บูรณะจุฑานนท์ (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด)
กองหน้า : ชโนทัย คงเหม็ง (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด) , ต้นตะวัน ปุนทะมุณี (ชลบุรี เอฟซี), จิรพงษ์ พึ่งวีรวงศ์ (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด), ธีรภัทร ปรือทอง (ปตท. ระยอง) , คงณัฐ ท้วมทองดี (โรงเรียนกีฬากรุงเทพฯ)
โดยในการมารายงานครั้งนี้ ทางโค้ชใหญ่ พิภพ อ่อนโม้ ติดภารกิจเรียนโปรไลเซนส์ มอบหมายให้ "โค้ชโบ้" จักรพันธ์ ปั่นปี ผู้ช่วยผู้ฝึกสอนมารับการรายงานตัวแทน ซึ่งได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับความพร้อมของทีมว่า "จากที่เรามีการเก็บตัวมาหลายๆแคมป์ รวมถึงการได้ไปฝึกซ้อมที่ญี่ปุ่น และได้อุ่นเครื่องกับเกาหลีใต้ ได้ผลสกอร์ไม่ดีเท่าไหร่ แต่ตอนนี้เราจะได้ตัวนักเตะที่ดีที่สุดและพร้อมที่สุดมาเข้าแคมป์"
"ตัวผมก็ได้คุยกับโค้ชโม้ ที่กำลังอบรมโปรไลเซนส์ ซึ่งก็มีการวางแผนงานมาตลอด ตอนนี้ทีมเราก็ใกล้จะพร้อมสมบูรณ์ หลังจากที่หลายคนไปแข่งขัน ฟุตบอล ยูธ ลีก เราก็ต้องพยายามฟื้นฟูร่างกายนักกีฬา และด้วยระยะเวลาที่เหลือในการเก็บตัวก่อนการแข่งขัน ประมาณ 10 วัน ก็น่าจะพร้อมเต็มที่ ซึ่งเราวางแนวทางว่าจะซ้อมวันละ 2 มื้อเช้า-เย็น ช่วงเวลาหลังจากนี้ก็พยายามให้น้องๆ ปรับตัวให้เข้ากับแทคติกให้มากที่สุด เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับแต่ละเกม เราอาจจะไม่ได้ใส่ เรื่องพลกำลัง เพราะหลายคนต่างมีเกม แต่ต้องทำให้เขาเข้าใจแทคติกและวิธีการเล่นมากที่สุด"
"ส่วนทีมคู่แข่งนั้นทางทีมงานเราก็มีการทำการบ้านร่วมกันเก็บข้อมูลมาโดยตลอด เพื่อที่จะหาทางรับมือ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ตอนนั้นเราไม่ได้กังวลเรื่องอะไร เพราะทุกอย่างได้เตรียมความพร้อมเอาไว้ทั้งหมดแล้ว"
"โค้ชโบ้" ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า "ในช่วงของการเตรียมความพร้อมโค้ชสุดท้าย 10 วันนี้ ก็จะมีเกมอุ่นเครื่อง 1 นัดกับทีมชาติทิจิกิสถาน เพื่อทบทวนแทคติกและความพร้อมด้านต่างๆของทีม ขณะที่เป้าหมายของเราในการแข่งขันครั้งนี้หวังที่จะผ่านเข้ารอบไปเล่นฟุตบอลโลกยู 17 ปีให้ได้ ก็อยากเชิญชวนแฟนบอลมาให้กำลังใจนักกีฬาทีมชาติไทยยู 17 ซึ่งถือเป็นรุ่นเล็กสุดในการแข่งขันชิงแชมป์เอเชียครั้งนี้ ก็ฝากเป็นกำลังใจให้น้องๆด้วยนะครับ"
ทั้งนี้การแข่งขันศึกฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี รอบสุดท้าย แบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม ซึ่งนอกจากกลุ่มของไทยแล้วยังประกอบด้วยกลุ่มบี เกาหลีใต้, อิหร่าน, อัฟกานิสถาน, กาตาร์ / กลุ่มซี ทาจิกิสถาน, ออสเตรเลีย, ซาอุดีอาระเบีย, จีน และ กลุ่มดี ญี่ปุ่น, อินเดีย, เวียดนาม, อุซเบกิสถาน โดยรายการนี้จะหา 4 ชาติที่ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศเป็นตัวแทนทวีปเอเชีย ไปแข่งขันฟุตบอลเยาวชนโลก ยู17 ซึ่งจะมีการประกาศเจ้าภาพอีกครั้ง
สำหรับโปรแกรมของฟุตบอลชายทีมชาติไทย ในรอบสุดท้าย ซึ่งอยู่ในกลุ่มเอ ร่วมกับ สปป.ลาว, มาเลเซีย และ เยเมน จะลงสนาม รอบแบ่งกลุม รอบแรก นัดที่ 1 วันที่ 15 มิ.ย.66 พบ สปป.ลาว, นัดที่ 2 วันที่ 18 มิ.ย.66 พบ มาเลเซีย และนัดที่ 3 วันที่ 21 มิ.ย.66 พบ เยเมน ทุกนัดแข่งขันเวลา 19.00 น. ที่สนามปทุมธานี สเตเดี้ยม หรือ สนามบีจี ปทุม ยูไนเต็ด และทุกนัดที่ทีมชาติไทย ลงทำการแข่งขันจะถ่ายทอดสดทาง True ID TV