ทีมชาติไทย มีโปรแกรมอุ่นเครื่องระดับ International 'A' Match ตามปฏิทิน ฟีฟ่า เดย์ กับซีเรีย และสหรัฐอาหรับ เอมิเรตส์ ในวันที่ 25 และ 28 มีนาคม 2023 ซึ่งล่าสุด อเล็กซานเดร โพลกิ้ง เฮดโค้ชช้างศึกได้ประกาศ 25 ผู้เล่นที่จะบินไปห้ำหั่นกับยอดทีมแห่งอาหรับ ออกมา ว่าแล้ว 'SIAMSPORT' จึงขันอาสาหา 5 ข้อ ที่น่าสนใจของทีมชุดนี้มาให้คุณได้อ่านกัน!!
1. มิคเคลสัน กับการติดทีมชาติชุดใหญ่ครั้งแรก
นิโคลัส มิคเคลสัน ฟูลแบ็กเชื้อสายไทย-นอร์เวย์ เป็นชื่อที่ถูกกล่าวถึงมายาวนานกับผลงานในทัวร์นาเมนต์ อาเซียน คัพ 2022 รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ที่ทำได้ยอดเยี่ยมกับการประจำการทางฝั่งขวา แม้ว่าสุดท้ายทัพช้างศึกจะจอดแค่รอบแรกก็ตาม
กองหลังคนนี้มีประสบการณ์ในลีกยุโรป พอสมควร แม้จะอายุเพียง 23 ปี แต่เขากลายเป็นตัวหลักให้กับ สตรอม ก็อดเซ็ต สโมสรในลีกสูงสุดนอร์เวย์ ก่อนจะย้ายมา โอบี โอเดนเซ่ บิ๊กทีมของเดนมาร์ก และก็ยังคงได้รับความไว้วางใจให้ลงอย่างต่อเนื่อง
ความเก่งกาจและฟอร์มการเล่นที่สม่ำเสมอของ มิคเคลสัน ทำให้เขาถึงกับเคยมีข่าวว่า เบรนท์ฟอร์ด สโมสรใน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซึ่งมีแกนหลักเป็นผู้เล่นจากโซนสแกนดิเนเวียน เนื่องจากโค้ชคือ โธมัส แฟร้งค์ นั้นเป็นชาวเดนมาร์ก สนใจอยากได้ฟูลแบ็กเชื้อสายไทย ไปเสริมทัพ
ด้วยผลงานในลีกยุโรป บวกกับรูปร่างที่สูง 1.85 เมตร น่าจะทำให้เขาเข้ามาสร้างความแข็งแกร่งให้กับเกมทางฝั่งขวาของทีมชาติไทย ได้แน่ๆ
อย่างไรก็ตาม แม้โปรไฟล์ของ มิคเคลสัน จะอยู่ในระดับเยี่ยมยอด แต่ต้องอย่าลืมว่าฟุตบอลนั้นไม่ได้วัดที่ใบประกาศนียบัตร หากแต่วัดกันที่การเล่นในสนามเท่านั้น ซึ่งตรงจุดนี้แหละที่แฟนฟุตบอลชาวไทย จะได้ยลฟอร์มของกองหลังวัย 23 ปี คนนี้เต็มๆ ในช่วง ฟีฟ่า เดย์
2. พัฒนาการของ ชนาธิป - สุภโชค
เข้าสู่ปีที่ 7 ของ ชนาธิป สรงกระสินธุ์ ที่ใช้ชีวิตนักฟุตบอลอาชีพอยู่ใน เจลีก ประเทศญี่ปุ่น และเป็นซีซั่นที่ 2 ที่เขากำลังต่อสู้ฝ่าฟันกับการแย่งตำแหน่งในทีม คาวาซากิ ฟรอนตาเล่
แม้ว่า เจลีก 2023 จะผ่านมาแล้ว 4 นัด โดยไร้ชื่อของเพลย์เมเกอร์ชาวนครปฐม ซึ่งมันคงสร้างความขุ่นเคืองให้กับแฟนฟุตบอลแดนสยามไม่น้อย รวมถึงเจ้าตัวเองก็คงจะท้อใจไม่น้อยที่ไม่ได้รับโอกาสเสียที
แต่ยี่ห้อ ชนาธิป เขาไม่มีทางยอมแพ้ง่ายๆ เป็นแน่ แววตาของเขามันฟ้องออกมาชัดเจนว่าตนเองจะสู้ให้ถึงที่สุด จะสู้จนหยดสุดท้ายแน่นอน
และด้วยการที่ได้ซ้อมกับผู้เล่นชั้นนำของญี่ปุ่น ในทุกๆ สัปดาห์ และทำมาเป็นปีๆ แล้ว มันจึงน่าสนใจว่าเราจะได้เห็นว่าเขาเก่งกาจขึ้นเพียงใด หลังจากทัวร์นาเมนต์ อาเซียน คัพ 2022 เจ้าตัวขอเว้นวรรคชั่วคราว เพื่อเปิดโอกาสให้กับนักเตะรุ่นใหม่
ขณะที่ สุภโชค สารชาติ กับการเข้าสู่ปีที่ 2 ของ เจลีก นั้นก็ค่อยๆ เป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น แม้ว่าล่าสุดจะถูกจับไปเล่นในตำแหน่งที่ไม่ถนัดก็ตาม แต่นั่นคงไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เด็กหนุ่มจากศรีสะเกษ ย่อท้อหรอก เพราะเขาเองก็เป็นอีกหนึ่ง 'นักสู้' เช่นกัน
อดีตแนวรุก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์อันล้นเหลือ เพียงแต่เขายังอยู่ในช่วงปรับตัวให้เข้ากับฟุตบอลญี่ปุ่น เท่านั้น เหมือนอย่างที่ ชนาธิป เองก็เคยผ่านมาก่อน ดังนั้นอดใจรออีกนิด มิไฮโล เปโตรวิช เทรนเนอร์ คอนซาโดเล่ ซัปโปโร จะปลุกปั้นนักเตะคนนี้ให้เก่งขึ้นเอง
ดังนั้น สุภโชค ก็เป็นอีกหนึ่งคนที่น่าชมเหลือเกินว่าเขาจะเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยเพียงใดกับการไปเล่นอยู่ที่ญี่ปุ่น แล้วกลับมารับใช้ทีมชาติไทย
ทั้งสองคนจะยกระดับให้ทัพช้างศึกได้มากแค่ได้ มันคือสิ่งที่อดใจรอแทบไม่ไหวแล้วจริงๆ
3. ธีราทร จะอยู่ในบทบาทใด
หากเป็นเวทีอาเซียน การขยับ ธีราทร บุญมาทัน มายืนเป็นมิดฟิลด์ตัวกลางนั้นสามารถทำได้สบายมาก เพราะฟูลแบ็กฝั่งซ้ายของทีมชาติไทย มีให้เลือกใช้แบบล้นเหลือ
ทว่าเมื่อขยับมาระดับเอเชีย - ดูเหมือนว่าทัพช้างศึกอาจจะต้องใช้อดีตแชมป์ เจลีก 2019 ในบทบาทแบ็กซ้ายตามเดิม เนื่องจากประสบการณ์และเหลี่ยมฟุตบอลของเขาสามารถช่วยทีมได้เยอะ
บวกกับการที่ โพลกิ้ง เองก็เรียกมิดฟิลด์ธรรมชาติติดทีมชุดนี้มาหลายราย ไล่ตั้งแต่ วีระเทพ ป้อมพันธุ์, พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี, ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์, ทศวรรษ ลิ้มวรรณเสถียร, วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ, พิชา อุทรา และน้องใหม่ใสกริ๊งอย่าง ชานุกูล ก๋ารินทร์
ยังไม่นับพวกที่หลุดไปอย่าง สารัช อยู่เย็น, พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล, ธนบูรณ์ เกษารัตน์ และ ศิวกรณ์ เตียตระกูล ที่ต่างก็เป็นกองกลางชั้นนำของสยามประเทศทั้งนั้น
ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้สูงว่า โพลกิ้ง น่าจะเลือกใช้ ธีราทร ในตำแหน่งแบ็กซ้าย เพื่อเปิดโอกาสให้บรรดามิดฟิลด์ที่เรียกมาได้โอกาสลงสนามกันทั้งหมด
อีกทั้งด้วยคลาสฟุตบอลของนักเตะจาก บุรีรัมย์ นั้นอยู่ในระดับทวีป เขาสามารถสร้างความแตกต่างได้ในชั่วพริบตา นอกจากนี้ยังทำให้ฟูลแบ็กทั้งสองฝั่งของทัพช้างศึกสมดุลน่าดูชม เพราะฟากขวาเป็น มิคเคลสัน ส่วนทางซ้ายคือ ธีราทร แค่นึกก็สุขใจแล้ว
4. แผงมิดฟิลด์แน่นเอี๊ยด
ด้วยความที่ โพลกิ้ง ชื่นชอบระบบ 4-3-3 เป็นทุนเดิม ดังนั้นการที่ ชนาธิป กลับมาเล่นให้ทีมชาติไทย อีกครั้ง เขาย่อมจอง 1 ที่นั่งในบทบาทเพลย์เมเกอร์หลังแนวรุก
ดังนั้นจึงเท่ากับว่าจะเหลืออีก 2 คน เท่านั้นที่จะได้ลงสนามในตำแหน่งมิดฟิลด์คู่กลาง
ทว่าทัพช้างศึกชุดนี้นั้น โพลกิ้ง ดันเรียกมามากถึง 7 คน ได้แก่ วีระเทพ ป้อมพันธุ์, พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี, ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์, ทศวรรษ ลิ้มวรรณเสถียร, วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ, พิชา อุทรา และ ชานุกูล ก๋ารินทร์ ซึ่งย่อมทำให้ทั้งหมดต้องแย่งพื้นที่กันอย่างดุเดือดเพื่อลงสนาม
ไม่นับรวม ธีราทร บุญมาทัน ที่ปัจจุบันรับบทมิดฟิลด์ให้กับ บุรีรัมย์ และก็ผลงานเฉิดฉายเสียด้วย
มันจึงน่าสนใจว่ากุนซือวัย 47 ปี จะเลือกใช้งานใครและจะจับใครคู่กับใครจึงจะเกิดประโยชน์สูงสุดให้กับทีม
วีระเทพ น่าจะเป็นตัวเลือกแรกๆ ที่อยู่ในใจ โพลกิ้ง เพราะกองกลางจาก เมืองทอง ยูไนเต็ด เป็นตัวหลักของทีมชุดแชมป์ อาเซียน คัพ ทั้ง 2 สมัย อีกทั้งยังสามารถถอยลงไปเล่นเซนเตอร์ฮาล์ฟได้อีก ส่วนพาร์ตเนอร์ของเขาจะเป็นใคร อันนี้น่าสนใจมากทีเดียว
5. ศุภชัย กับสิ่งที่ต้องก้าวข้ามให้ได้
เวลานี้ยังไม่ศูนย์หน้าสายเลือดใหม่ที่จะก้าวมาแบกความหวังต่อจาก ธีรศิลป์ แดงดา ได้เลย ทั้งๆ ที่อดีตหัวหอก อัลเมเรีย กำลังจะอายุ 35 ในปีนี้แล้ว
ก่อนหน้านี้มีมือสังหารที่ถูกคาดการณ์ว่าจะมาทดแทนดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของ อาเซียน คัพ ไม่ว่าจะเป็น อดิศักดิ์ ไกรษร, ชนานันท์ ป้อมบุปผา, ณัฐวุฒิ สุขสุ่ม, ปรเมศย์ อาจวิไล, ธีรศักดิ์ เผยพิมาย และอีกมากมายก่ายกอง
ทว่าหลายๆ ชื่อที่กล่าวมานั้นยังไม่สามารถรักษามาตรฐานของตนเองให้ได้ในระยะยาว ทั้งในระดับสโมสร รวมไปถึงเมื่อได้รับโอกาสในทีมชาติก็มักจะทำได้ไม่ดีนัก
อย่างไรก็ตาม ชั่วโมงนี้ คนที่น่าจะใกล้เคียงที่สุดนั้นมีเพียง ศุภชัย ใจเด็ด จาก บุรีรัมย์ เท่านั้นที่น่าจะทดแทน ธีรศิลป์ ในอนาคต
ดาวยิงชาวปัตตานี พัฒนาตัวเองแบบต่อเนื่อง ฤดูกาล 2021-22 ยิงไป 14 ประตู แต่น่าเสียดายที่ได้รับบาดเจ็บในช่วงท้ายซีซั่น จนอดทำสกอร์ไปโดยปริยาย
ทว่าฤดูกาลต่อมา (2022-23) เขาก็ยังรักษามาตรฐานเดิมกับการซัดไปแล้ว 13 ประตู เป็นดาวซัลโวร่วมกับ แฮมิลตอน โซอาเรส ของ การท่าเรือ โดยมีเกมเหลืออีก 7 นัด ให้ลุ้นต่อ
จากสถิติที่ออกมา มันจึงพิสูจน์ได้ว่า ศุภชัย ในวัย 24 ปี กำลังอยู่ในช่วงฟอร์มที่ยอดเยี่ยมจริงๆ
แต่ผลงานในทีมชาติไทย ยังคงเป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถก้าวข้ามได้สักที กับการลงเล่นไปแล้ว 27 เกม แต่มีเพียง 5 ประตู เท่านั้น
เขาคือศูนย์หน้าที่คุณสมบัติครบถ้วน หากแต่ยังขาดเรื่องความสม่ำเสมอยามที่ต้องลงสนามรับใช้ทัพช้างศึกที่มักจะหายไปจากเกมเอาดื้อๆ
ดังนั้นในช่วง ฟีฟ่า เดย์ ทั้ง 2 นัด - ยังไงเสีย ศุภชัย น่าจะได้โอกาสออกสตาร์ตเป็นตัวจริงแน่ๆ แต่เขาจะสามารถเค้นความเก่งกาจเหมือนที่เล่นกับ บุรีรัมย์ ออกมาได้มากน้อยเพียงใด อันนี้ต้องขึ้นอยู่กับเรื่องของ 90 oาที ในสนามแล้ว
หากทำได้ดีและรักษามาตรฐานไว้ต่อเนื่อง ทีมชาติไทย ก็จะได้นักเตะที่แบกความหวังคนใหม่ ต่อจาก ธีรศิลป์ สักที