ประมุขบอลไทย เอาจริงสั่งฝ่ายกฎหมาย รวบรวมหลักฐานเข้าแจ้งความเอาผิดมือดีจุดพลุแฟลร์แล้ว หลังสร้างความเสียหายอาจถูกเอเอฟเอฟสั่งปรับเงิน แบนไม่ให้แฟนบอลเข้าชม และถูกโยกไปเตะสนามกลางอาเซียนคัพหนต่อไป
เมื่อช่วงบ่ายวันศุกร์ที่ 13 ม.ค. 2566 เวลา 13.00 น. ที่สถานีตำรวจภูธรคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ โดย พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฯ ได้สั่งการพร้อมมอบอำนาจให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายสมาคมฯ เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษมอบคดีต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดไม่ว่าจะเป็นความผิดอาญาข้อหาหรือฐานใด จนกว่าคดีจะถึงที่สุด
โดย ส.บอลไทย ได้รวบรวมหลักฐานจำนวนหนึ่งจากกรณีที่เกิดเหตุการณ์กระทำผิดระเบียบในการแข่งขันกีฬาฟุตบอลเอเอฟเอฟ มิตซูบิชิ อิเล็คทริก คัพ 2022 ระหว่าง ทีมชาติไทย กับ ทีมชาติฟิลิปปินส์ ในวันที่ 26 ธ.ค.65 และวันที่ 10 ม.ค.66 ระหว่าง ทีมชาติไทย กับ ทีมชาติมาเลเซีย ที่สนามธรรมศาสตร์ สเตเดี้ยม อยู่ในท้องที่ สถานีตำรวจภูธรคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี
ได้ปรากฏเหตุการณ์ผู้เข้าชมกีฬาฟุตบอลรายการดังกล่าวบางราย มีการจุดพลุแฟลร์ เกิดระเบิดและเพลิงไหม้แก่วัตถุ จนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่นหรือทรัพย์ของผู้อื่น ทำให้สมาคมฯ ได้รับความเสียหายต่อชื่อเสียงและอาจจะต้องชดใช้ค่าเสียหายที่มีต่อสถานที่จัดการแข่งขันให้กับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ทั้งอาจจะถูกสหพันธ์ฟุตบอลอาเซียน ลงโทษปรับเงิน, ต้องจัดการแข่งขันแบบไม่มีแฟนบอล หรือต้องโดนคำสั่งให้ไปเตะในสนามกลาง อีกด้วย
สำหรับการแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษครั้งนี้ สมาคมฯ ได้มอบข้อบังคับลักษณะการปกครองของสมาคมฯ พร้อมมอบแผ่นภาพรูปถ่ายแสดงการกระทำและสถานที่เกิดเหตุให้แก่พนักงานสอบสวนไว้ด้วย ทั้งนี้ หากพนักงานสอบสวนมีความประสงค์จะสอบสวนพยานผู้รู้เห็นเหตุการณ์ จะได้นำพยานไปให้การสอบสวน ต่อไป
โดยก่อนหน้านี้ ส.บอลไทย เคยโดน เอเอฟซี ปรับเงิน 2 ครั้ง ครั้งแรก เป็นจำนวน 11,000 ดอลลาร์สหรัฐสำหรับเหตุการณ์ที่มีแฟนบอลจุดพลุแฟลร์ ที่สนาม ธันเดอร์โดม ในศึกฟุตบอล เอเอฟซี รุ่น อายุไม่เกิน 16 ปี ที่ ทีมชาติไทย U16 พบกับ ทีมชาติมาเลเซีย เมื่อวันที่ 6 ก.ย.2557
ส่วนครั้งที่สอง จำนวน 30,000 ดอลลาร์สหรัฐ สำหรับเหตุการณ์ที่มีแฟนบอลจุดพลุแฟลร์ ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ในเกมฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน รอบชิงชนะเลิศ นัดที่สอง ที่ทีมชาติไทย พบ ทีมชาติอินโดนีเซีย ในวันที่ 17 ธ.ค.59