ผิดซ้ำหน3! ส.บอลไทย อาจโดนโทษมากกว่าปรับเงินหลังแฟนบอลจุดพลุแฟร์

ผิดซ้ำหน3! ส.บอลไทย อาจโดนโทษมากกว่าปรับเงินหลังแฟนบอลจุดพลุแฟร์
ผิดซ้ำซาก ! ส.บอลไทย หัวจะปวดไม่ไหว ต้องจ่ายค่าปรับเกิน 1 ล้าน จากเหตุกองเชียร์หนึ่งกลุ่มมือบอนไม่หยุด ดันจุดพลุแฟร์เต็มคาราเบลในสนามช่วงท้ายเกมที่ ช้างศึก ชนะ ฟิลิปปินส์ 4-0 ศึกอาเซียนคัพ 2022 เผยอาจโดนมากกว่าปรับเงินเพราะเป็นความผิดซ้ำซากเป็นหนที่ 3 แล้ว ด้าน "เอเอฟซี" ระบุกฏชัดเจนห้ามจุดพลุแฟร์ในสนามเด็ดขาดเนื่องจากมีความอันตรายสูง แต่ยังไม่วายฝืนกฏอีก เตรียมประชุมหลังจบรายการดังกล่าวก่อนแจ้งบทลงโทษกลับมายัง ส.บอลไทย อีกครั้งช่วงปีหน้า

ควันหลงหลังจากทีมชาติไทย เปิดบ้านเอาชนะ ฟิลิปปินส์ 4-0 ในศึกเอเอฟเอฟ มิตซูบิชิ อิเล็คทริก คัพ 2022 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม เอ นัดที่ 2 ที่สนามธรรมศาสตร์ สเตเดี้ยม เมื่อวันจันทร์ที่ 26 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยเกมดังกล่าวมีแฟนบอลเข้าไปชมที่สนามจำนวน 6,567 คน

ทว่าในช่วงท้ายเกมได้มีกลุ่มกองเชียร์หนึ่งกลุ่มบริเวณอัฒจันทร์หลังประตูฝั่งทิศใต้ (โซน S) ได้จุดพลุแฟร์ ซึ่งถือเป็นความผิดทางวินัยของระเบียบข้อบังคับสหพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย หรือ "เอเอฟซี" ที่กำหนดไว้ว่าห้ามมีการจุดพลุแฟร์ในสนามเด็ดขาดเนื่องจากมีความอันตรายสูง เช่นเดียวกับรายการอื่นๆ ทั่วโลก ที่มีบทลงโทษสำหรับการจุดพลุเช่นเดียวกัน

จากกรณีดังกล่าวเป็นเหตุให้ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เตรียมถูกลงโทษจากฝ่ายจัดการแข่งขัน และจะถูกปรับเงินมากกว่า 1,000,000 บาท เพราะถือเป็นความผิดซ้ำจากการที่เคยถูกลงโทษเพราะแฟนบอลจุดพลุแฟร์มาแล้วถึง 2 หนก่อนหน้านี้

ทั้งนี้ ส.บอลไทย เคยถูกคณะกรรมการวินัยสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย ลงโทษจากเหตุแฟนบอลจุดพลุแฟร์ในสนามถึง 2 ครั้ง ครั้งแรกในปี 2014 วันที่ 6 ก.ย.57 ถูกปรับเงิน 11,000 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 363,000 บาท) จากเหตุแฟนบอลจุดพลุในเกมที่ ไทย แพ้ มาเลเซีย 0-1 ศึกยู-16 ชิงแชมป์เอเชีย รอบคัดเลือก ที่สนามธันเดอร์โดม สเตเดี้ยม

ขณะที่ครั้งที่สองปี 2016 วันที่ 17 ธ.ค.59 ถูกปรับเงิน 30,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1,076,790 บาท) แฟนบอลจุดพลุแฟร์ในสนาม เกมที่ ไทย ชนะ อินโดนีเซีย 2-0 ศึกชิงแชมป์อาเซียน 2016 ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน 

สำหรับครั้งที่ 3 หรือครั้งล่าสุดเมื่อวันจันทร์ที่ 26 ธ.ค.65 จะมีการแจ้งบทลงโทษหลังจากจบศึกเอเอฟเอฟ มิตซูบิชิ อิเล็คทริก คัพ 2022 โดยคณะวินัยของ "เอเอฟซี" จะมีการประชุมอีกครั้งในช่วงปีหน้า


ที่มาของภาพ : -
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport