รีโว่ คัพ 2023-24 ถือว่าน่าดูที่สุดซีซั่นหนึ่ง เนื่องจากสโมสรที่ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศล้วนแล้วแต่สูสีดู๋ดี๋ด้วยกันทั้งนั้น โดยเฉพาะการเผชิญหน้าระหว่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กับ เมืองทอง ยูไนเต็ด คู่แค้นตลอดกาลของสยามประเทศ
ปราสาทสายฟ้าคือเจ้าของตำแหน่งเบอร์หนึ่งของถ้วยใบนี้ กับการฟาดแชมป์มาแล้วถึง 7 สมัย (ปี 2016 เป็นแชมป์ร่วม) ขณะที่กิเลนผยองได้มา 2 หน (ปี 2016 เป็นแชมป์ร่วมเช่นกัน)
ทว่าสถิติดังกล่าวคงไม่มีผลสำหรับการพบกันของทั้งสองทีม เพราะแฟนฟุตบอลทั่วทั้งไทยแลนด์ต่างรู้ดีว่า บุรีรัมย์ กับ เมืองทอง นั้นคือคู่ขนานที่ไม่มีทางจะบรรจบกันได้แน่นอน
ด้วยปัจจัยหลายหลาก ทำให้ปราสาทสายฟ้าและกิเลนผยองไม่มีทางลงรอยกันได้ ไล่ตั้งแต่ความสำเร็จที่ต่างฝ่ายต่างก็เป็นสโมสรที่คว้าแชมป์ ไทยลีก ได้มากที่สุดของประเทศลำดับที่ 1-2
ความตรงกันข้ามในเรื่องสไตล์การเชียร์
ความแตกต่างทางขั้วการเมือง
ความไม่เหมือนกันในเรื่องปรัชญาสโมสร
หลายสิ่งอย่างหล่อหลอมให้ทั้งสองสโมสรเพิ่มดีกรีความเกลียดชังกันมากขึ้นเรื่อยๆ
แม้ว่าระยะหลัง บุรีรัมย์ ดูจะทิ้งห่าง เมืองทอง ไปไกลในเรื่องความสำเร็จ แต่ถึงอย่างนั้น ทุกครั้งที่เผชิญหน้ากันก็ยังเป็นที่สนใจของแฟนๆ ทั่วทั้งประเทศอยู่เช่นเคย
ไม่ว่าครั้งไหนหรือเมื่อไหร่ มักจะมีประเด็นหลังการแข่งขันให้ถกเถียงอยู่ร่ำไป ขนาดหนล่าสุดที่กิเลนผยองบุกไปปราชัย 1-3 ก็ยังมีเรื่องของการตัดสินที่คาใจฝ่ายที่ได้รับความพ่ายแพ้
เรียกได้ว่าถ้า บุรีรัมย์ ปะทะ เมืองทอง หนใด เกมระดับ 5 ดาว บวกบวกจะรอคุณอยู่เสมอ
ปัจจุบันปราสาทสายฟ้าอาจจะได้แชมป์ ไทยลีก ไปครองเป็นสมัยที่ 9 และเป็นซีซั่นที่ 3 ติดต่อกันที่พวกเขาครองบัลลังก์เบอร์หนึ่ง แต่ก็ใช่ว่าจะเอาชนะกิเลนผยองได้ในเกมวันพุธที่ 22 พฤษภาคมนี้ได้โดยง่าย
ข้อได้เปรียบของทัพเซราะกราวคือการที่มีแข้งนำเข้าเกรดเออยู่ล้นทีม ไม่ว่าจะโควตาต่างชาติ, เอเชีย หรืออาเซียน ที่ล้วนแล้วแต่คัดสรรมาอย่างดี คือย้ายมาปุ๊บ แล้วเล่นได้ทันที
ส่วนนักเตะไทย ในทีมก็ระดับทีมชาติทั้งนั้น โดยเฉพาะ ธีราทร บุญมาทัน ที่สามารถพลิกสถานการณ์ของเกมได้ในเสี้ยววินาที
ขณะเดียวกัน กิเลนผยองอาจจะไม่มีซูเปอร์สตาร์มากมายเหมือนเก่าก่อน โดยใช้นโยบายผลักดันผู้เล่นจากอะคาเดมี่ขึ้นมาเป็นแกนหลัก และผลงานการรั้งอันดับ 5 ของตาราง ทั้งๆ ที่งบประมาณเป็นรองทีมอื่นๆ อยู่พอสมควร ก็พิสูจน์ให้เห็นว่าสถาบันเยาวชนของพวกเขาแข็งแรงเพียงใด
การพบกันในฤดูกาล 2023-24 อาจจะเป็น บุรีรัมย์ ที่มีสถิติดีกว่า แต่รูปเกมทั้งสองนัดในลีกนั้นสูสีกันสุดๆ คือใครที่ได้ชมการแข่งขันก็ไม่อาจคาดเดาว่าสกอร์จะจบลงที่ตรงไหน ขึ้นอยู่ที่ฝ่ายใดจะผิดพลาดมากกว่าเท่านั้นเอง
ดังนั้นเกม รีโว่ คัพ รอบรองชนะเลิศในวันพุธนี้จึงเป็นแมตช์ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด เพราะมันไม่ได้เดิมพันเพียงการกรุยทางสู่นัดชิงดำ แต่มันมีเรื่องของ 'ศักดิ์ศรี' ค้ำอยู่บนสองบ่า
ฝั่ง บุรีรัมย์ ไม่ต้องการให้กิเลนผยองหวนคืนสู่ถ้วยแชมป์ โดยที่ตัวเองก็ปรารถนาจะล่าโทรฟี่ต่อไปแบบไม่ลดละ
ฝั่ง เมืองทอง เองก็ต้องการหยุดความสำเร็จของปราสาทสายฟ้า และถ้าพวกเขาไปไกลถึงตำแหน่งแชมป์ นี่จะเป็นหนแรกในรอบ 7 ปี ที่ทำสำเร็จ ซึ่งจะต่อยอดสู่การคัมแบ็กในอนาคตอันใกล้
นี่ไม่ใช่เกมฟุตบอลเกมหนึ่ง แต่มันเหมือน 'สงคราม' การแข่งขันที่ต่างฝ่ายต่างห้ำหั่นกันแบบไม่ไว้ไมตรี
กิเลน-สายฟ้า ไม่ว่าที่ไหนหรือเมื่อใดดีกรีระอุเดือดเสมอ
ชิกกะด้าว