ช้าง เอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศในวันอาทิตย์ที่ 28 พฤษภาคมนี้ ถือเป็นปราการด่านสุดท้ายของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด สำหรับบทพิสูจน์ถึง "ความไร้เทียมทาน" ในฤดูกาล 2022-23
ปราสาทสายฟ้าประกาศศักดาคว้าแชมป์ ไทยลีก และ ลีก คัพ มาครองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และทั้งสองถ้วยที่พวกเขาทำได้ ก็เข้าวินแบบไม่ยากเย็นนัก
ไทยลีก พวกเขาควบตะบึงเป็นจ่าฝูงมาตั้งแต่สัปดาห์ที่ 9 ก่อนจะโขยกอยู่ทีมเดียวไปจนจบซีซั่น โดยมมี แบงค็อก ยูไนเต็ด คู่แข่งในรอบชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ เท่านั้นที่พอจะเลียบเคียง
ขณะที่ถ้วย ลีก คัพ ซึ่งทีแรกดูจะเป็นงานโหดมหาหิน เพราะอีกฝั่งคือ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ที่มาพร้อมปรารถนาอันแรงกล้า เพื่อหวังลบความผิดหวังในฤดูกาล 2022-23 แต่เล่นไป-เล่นมา ปราสาทสายฟ้าก็เอาชนะไปได้นิ่มๆ 2-0
เรียกได้ว่าทั้ง ไทยลีก และ ลีก คัพ - บุรีรัมย์ ฟาดแชมป์ได้แบบไม่ยากเย็นเท่าใดนัก
ยอดทีมแห่งดินแดนตะวันออกเฉียงเหนือกำลังเดินหน้าต่อยอดความสำเร็จแบบไม่ลดละ พวกเขาสะสมโทรฟี่มากมายไว้ที่ตู้โชว์ของสโมสร
ไทยลีก 8 สมัย, ลีก คัพ 6 สมัย และ เอฟเอ คัพ อีก 5 สมัย นี่คือตัวเลขแชมป์ที่ บุรีรัมย์ ทำได้ก่อนหน้านี้
แต่ที่สำคัญคือการได้ "เทรเบิ้ลแชมป์" หรือ "3 แชมป์" ในฤดูกาลเดียวกัน บุรีรัมย์ ทำมาแล้ว 4 ครั้ง คือซีซั่น 2011, 2013, 2015 และล่าสุดสดๆ ร้อนๆ 2021-22
ทว่าไม่มีครั้งใดที่พวกเขาทำได้ติดๆ กัน 2 ฤดูกาล ดังนั้น 2022-23 จึงเป็นอีกหน้าประวัติศาสตร์ที่ปราสาทสายฟ้าต้องการจะจารึกความยิ่งใหญ่ให้ได้
หากสำเร็จดั่งใจหวัง บุรีรัมย์ ก็จะเป็นสโมสรแรกในเมืองไทย ที่ได้ "เทรเบิ้ลแชมป์" 2 ซีซั่นติดต่อกัน
แต่ด่านสุดท้ายของพวกเขาอย่าง แบงค็อก คงไม่ยอมง่ายๆ แน่ และนี่คือคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อกับปราสาทสายฟ้าที่สุด ณ ชั่วโมงนี้
บียูคือทีมแรกของฤดูกาล 2022-23 ที่ยัดเยียดความปราชัยให้ บุรีรัมย์ แถมยังจบอันดับที่สองของ ไทยลีก ทั้งสองสิ่งนี้คือเครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าทัพแข้งเทพนั้นคือศัตรูที่น่ากลัวเพียงใด
เท่านั้นไม่พอ ในนัดชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ ยังแข่งขันกันที่สนามกีฬามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์-รังสิต ซึ่งเป็นรังเหย้าของ แบงค็อก อีกต่างหาก แม้ว่าตั๋วเข้าชมเกม จะแบ่งครึ่ง-ครึ่ง แต่การที่ได้เล่นในสภาพแวดล้อมที่คุ้นชิน บียูจึงได้เปรียบตรงจุดนี้พอสมควรทีเดียว
เรื่องของขุมกำลัง - แบงค็อก เองก็ไม่เป็นสองรองจาก บุรีรัมย์ เลยสักนิด
เกมรับของพวกเขามี ไมเคิ่ล ฟัลเคสการ์ด เจ้าของสถิติ 14 คลีนชีต ใน ไทยลีก ซึ่งเป็นตัวเลขที่มากที่สุดของลีก
ขณะที่แดนหลัง เอแวร์ตอน กับ มานูเอล ทอม บีร์ห สองเซนเตอร์ฮาล์ฟก็เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการเสียไปเพียง 22 ประตู ซึ่งก็เป็นตัวเลขที่น้อยที่สุดใน ไทยลีก อีกเช่นกัน
ในแผงมิดฟิลด์ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์, ปกเกล้า อนันต์ และ ทศวรรษ ลิ้มวรรณเสถียร ก็หาได้เป็นรอง ธีราทร บุญมาทัน หรือ โกรัน เคาซิช
ส่วนแนวรุก ต้องบอกว่าบียูมีอาวุธหนักที่สุดในลีกเลยด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะเป็น เฮแบร์ตี้, วานแดร์ ลุยซ์, มะห์มู๊ด ดาฮัดดา และ วิลเลน โมต้า ต่างก็พลิกสถานการณ์ของการแข่งขันได้ในชั่วพริบตาเช่นกัน
นอกจากนี้ เฮดโค้ชของ แบงค็อก อย่าง ธชตวัน ศรีปาน ก็เป็นกุนซือที่มักจะสร้างความเจ็บปวดให้กับปราสาทสายฟ้าเสียด้วย เพราะนอกจากจะพาทีมหยุดสถิติ 'ไร้พ่าย' ของ บุรีรัมย์ ในฤดูกาล 2022-23 ได้สำเร็จ ด้วยชัยชนะ 4-3
ย้อนกลับไปเมื่อ 7 ปีก่อน ตอนที่เป็นแม่ทัพของ เมืองทอง ยูไนเต็ด - อดีตมิดฟิลด์หมายเลข 10 ทีมชาติไทย ก็นำกิเลนผยองบุกไปถล่ม บุรีรัมย์ 3-0 ถึง ช้าง อารีน่า ทำลายสถิติไม่แพ้ใครในลีกของเจ้าถิ่นยาวนานกว่า 44 เกม ลงอย่างราบคาบ
เรียกได้ว่าหลายๆ สิ่ง หลายๆ อย่างของทีมแข้งเทพนั้นดูจะสูสีคู่คี่กับปราสาทสายฟ้าเหลือเกิน ดังนั้นรอบชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ 2022-23 จึงเป็นแมตช์แห่งฤดูกาลอย่างแท้จริง
แต่ที่สำคัญที่สุด นี่คือ "บทพิสูจน์" ว่า บุรีรัมย์ จะเป็นสโมสรที่ "ไร้เทียมทาน" ไม่มีคู่ต่อกรในยุคนี้หรือเปล่า
อีกไม่กี่อึดใจข้างหน้า คงได้รู้กัน!!
ชิกกะด้าว