กลับมาอีกครั้งกับกิจกรรมดีๆจากคาราบาว กับ โครงการ "โค้ช เดอะ โค้ช ซีซั่น 3" ซึ่งคาราบาว จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 3 หลังจากในครั้งที่ 1 และ 2 มีกระแสตอบรับอย่างดีเยี่ยม ทว่าน่าเสียดายที่ต้องว่างเว้นไปในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19
หนนี้ คาราบาว จัดหนักจัดเต็มด้วยการยกทัพทีมโค้ชมากฝีมือจากแดนผู้ดี มาร่วมถ่ายทอดความรู้ลูกหนังให้กับโค้ชฟุตบอลเยาวชนทั่วประเทศไทยที่ผ่านการคัดเลือก โดยการอบรมครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก กมลดิษฐ สมุทรโคจร รองกรรมการ คาราบาว กรุ๊ป เป็นประธานเปิดกิจกรรมอย่างเป็นทางการ เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมาด้วย ที่ราชประชา สปอร์ตชูเล่ย์ ปากช่อง จ.นครราชศรีมา
สำหรับกิจกรรม "โค้ช เดอะ โค้ช ซีซั่น 3" กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 23 มี.ค. - 6 เม.ย.66 หนี้มีโค้ชฟุตบอลจากทั่วประเทศไทยเดินทางมาร่วมกิจกรรมทั้งสิ้น 360 คน โดยเข้ามาร่วมอบรมทั้งภาคทฤษฎีสีและปฏิบัติ ซึ่งในแต่ละเซสชั่น มี แลร์รี่ แม็คอวอย, ดอม คอลแมน, ลอว์เรน แอสควิธ และ จอช บัตเลอร์ ทีมโค้ชยอดฝีมือ จากสโมสรชั้นนำของประเทศอังกฤษคอยติวเข้มศาสตร์ลูกหนัง ทั้งเรื่องการวางระบบเกมรุก-เกมรับ, การวางแผนซ้อมตลอดซีซั่น, การเตรียมตัวก่อนและหลังแมตช์การแข่งขัน รวมไปถึงเรื่องโภชนาการของนักกีฬาที่มีความสำคัญมากกับโลกกีฬาสมัยใหม่
กมลดิษฐ สมุทรโคจร รองกรรมการ คาราบาว กรุ๊ป เปิดเผยว่า โครงการ "คาราบาว โค้ช เดอะ โค้ช" ถือเป็นโครงการที่คาราบาววางเป็นแผนระยะยาว โดยคาราบาวอยากจะเห็นการพัฒนาของโค้ชไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็จะส่งผลดีต่อเยาวชนในแต่ละท้องถิ่นที่หวังจะก้าวไปเป็นนักกีฬาหรือนักเตะอาชีพ ผ่านการเรียนรู้เทคนิคขั้นสูงจากโค้ชที่ผ่านการอบรมหลักสูตรนี้
สำหรับความพิเศษในปีนี้ ทางฝ่ายจัดยังได้ทาบ ปกเกล้า อนันต์ นักฟุตบอลทีมชาติไทยมาร่วมโชว์ทักษะในช่วงภาคปฏิบัติด้วย ซึ่งหลังจบการสาธิต เจ้าตัวได้เปิดใจพร้อมแสดงความเห็นว่า โครงการนี้ถือว่าเป็นโครงการที่สร้างประโยชน์กับโค้ชไทยและวงการฟุตบอลไทย และเชื่อว่าผู้ที่เข้าร่วมจะได้รับประสบการณ์อันล่ำค่า และนำเทคนิคต่างๆกลับไปพัฒนาเยาวชนต่อไป
ด้าน จอช บัตเลอร์ ที่ปรึกษาและหนึ่งในสตาฟโค้ชของทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ ดาร์บี้ เคาน์ตี้ เปิดเผยว่า สำหรับเยาวชนไทยที่จะเลือกเริ่มต้นในเส้นทางฟุตบอลนั้น สิ่งสำคัญที่ตนอยากแนะนำและอยากให้โค้ชที่เข้าร่วมโครงนี้ กลับไปสร้างความเข้าใจกับเด็กๆทุกคนว่า หากในการทำสิ่งที่รัก หรือมีความชอบในสิ่งที่ทำ สิ่งที่จะตามมาก็คือความสุข ซึ่งหากมั่นใจและพบว่าตัวเองสนุกและมีความสุขกับการเล่นฟุตบอล ก็ขอให้เชื่อได้เลยว่าสิ่งนี้ก็จะทำให้เด็กๆแต่ละคนนั้นจะสามารถก้าวเดินต่อไปในเส้นทางนี้ได้อย่างสนุกและมั่นคง
ส่วน ลอว์เรน แอสควิธ โค้ชสาวที่ทำหน้าที่ เพลเยอร์ แคร์ เมเนเจอร์ หรือ ผู้จัดการฝ่ายสวัสดิการนักเตะกับอะเคเดมี่สโมสรมิลล์วอลล์ เปิดเผยกับทีมข่าวสยามกีฬาว่า สำหรับหน้าที่ที่ตนทำนี้ ก็ถือเป็นสิ่งที่สำคัญต่อตัวนักเตะเยาวชน ซึ่งในประเทศไทย เท่าที่ตนทราบมานั้น ยังมีไม่มากนักสำหรับคนที่จะมาดูแลเรื่องนอกสนามของนักเตะ ทั้งเรื่องการให้คำแนะนำ การศึกษา สุขภาพจิต ความเครียด ทักษะการใช้ชีวิต รวมถึงการบริโภค ดังนั้นตนก็อยากจะเห็นเมืองไทย สร้างและพัฒนาบุคลากรที่ทำหน้าที่ขึ้นมาเยอะๆ เพื่อรองรับการพัฒนา
"สำหรับหน้าที่นี้ ก็จะมีหน้าที่ในการจัดการปัญหานอกสนาม ซึ่งผู้เล่นก็หมดกังวลและมองเรื่องในสนามเป็นหลัก ทำให้นักเตะมีเวลาที่จะฝึกฝนและพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อเตรียมตัวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ" ลอว์เรน แอสควิธ กล่าวทิ้งท้าย
ทั้งนี้โค้ชที่เข้าร่วมการกิจกรรม "คาราบาว โค้ช เดอะ โค้ช ซีซั่น 3" ต่างตอบรับกลับเป็นเสียงสะท้อนเดียวกันว่า นี่เป็นอีกหนึ่งคอร์สการอบรมที่อัดแน่นไปด้วยสาระความรู้ลูกหนัง พร้อมหวังว่า "คาราบาว" จะจัดกิจกรรมดีๆแบบนี้ขึ้นอย่างต่อเนื่องให้โค้ชรุ่นต่อๆไปได้มีโอกาสเข้ามาสัมผัสประสบการณ์แบบนี้ เพื่อนำความรู้ไปต่อยอด พัฒนาทักษะของเยาวชนไทย และผลิตนักเตะที่มีคุณภาพให้กับวงการฟุตบอลไทยได้อย่างต่อเนื่อง
สำหรับภาพบรรยากาศของกิจกรรมหรือผู้ใดที่สนใจ สามารถคลิกเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เพจเฟซบุ๊ค "Carabao Sports"