เสร็จสิ้นไปเป็นที่เรียบร้อยสำหรับการแข่งขันฟุตบอลกรมพลศึกษา ประจำปี 2565 ผลงานของ "เจ้าสัวน้อย" รร.อัสสัมชัญธนบุรี สามารถคว้าแชมป์ได้ถึง 2 จาก 3 รุ่น ไล่ตั้งแต่ รุ่น 18 ปี ก. คว้ารางวัลชนะเลิศ รุ่น 16 ปี ก. คว้ารองชนะเลิศอันดับ1 และล่าสุดที่เพิ่งซิวแชมป์ในรายการนี้ไปหมาดๆคือ รุ่น 14 ปี ก. ที่เฉือนชนะ รร.กรุงเทพคริสเตียนไปอย่างสุดมันส์ ด้วยสกอร์ 3-2 เมื่อวันจันทร์ที่ 27 ก.พ 66 ที่ผ่านมา
ปฎิเสธไม่ได้เลยว่า อัสสัมชัญธนบุรี จะเป็นจ้าวมหาอำนาจแห่งวงการลูกหนังขาสั้นในยุคนี้ที่แท้จริง เพราะผู้เล่นพร้อมที่จะขยับขึ้นไปแทนในรุ่นต่อรุ่น และมีการค้นหาแข้งเยาวชนที่มีทักษะทางด้านฟุตบอลและช้างเผือกรายใหม่เข้ามาทดแทนในรุ่นที่เติบโตขึ้นไปในปีต่อปี ทำให้ "เจ้าสัวน้อย" ไม่เคยขาดผู้เล่นที่ฝีเท้าดีที่มีทั้งพรสวรรค์และพรแสวงในแต่ละรุ่นเลยซักครั้ง
และล่าสุด รุ่น 14 ปี ที่เพิ่งคว้าแชมป์ ฟุตบอลกรมพลศึกษา 14 ปี ก. ไปหมาดๆ ยิ่งแสดงให้เห็นว่า อัสสัมชัญธนบุรี นั้นแกร่งจริงๆ และผู้เล่นทุกคนพร้อมที่จะทำผลงานให้ดีและทำเป้าหมายให้สำเร็จคือการเป็นแชมป์
โดยตั้งแต่รอบแรกถึงรอบชิง อัสสัมชัญธนบุรี ถลุงตาข่ายคู่ต่อสู้ไปถึง 13 ประตู และเสียเพียงแค่ 5 ประตูเท่านั้น และเกมที่ยิงเยอะที่สุดคือรอบ 8 ทีมสุดท้ายที่ไล่อัด รร.กีฬาจังหวัดขอนแก่น ไปแบบขาดลอย 5-1 ส่วนเกมที่เสียประตูมากที่สุดคือ รอบชิงชนะเลิศ ที่เฉือนชนะ รร.กรุงเทพคริสเตียน 3-2
จุดเด่นของแข้งขาสั้นชุดนี้คงจะหนีไม่พ้นในเรื่องของความสามารถเฉพาะตัวรวมถึงทีมเวิร์คที่ดี และเข้าใจในรูปแบบการเล่นที่ "โค้ชโต้" ประพจน์ ทั่งพรม และ "โค้ชทอม" สุรศักดิ์ ใจมั่น ได้วางพื้นฐานการเล่นไว้
อย่างไรก็ตาม มีอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ดูจะได้เปรียบคู่ต่อสู้โรงเรียนอื่นคือ สรีระร่างกายของเจ้าหนู อัสสัมชัญธนบุรี รุ่น 14 ปี ชุดนี้ หลายๆคนมีรูปร่างค่อนข้างที่จะสูงใหญ่กว่าผู้เล่นทีมอื่นในวัยเดียวกัน บวกกับทักษะฝีเท้าที่ยอดเยี่ยมทำให้ฝ่าฟันอุปสรรค ไปจนถึงชูถ้วยแชมป์
โดย "โค้ชโต้" ประพจน์ ทั่งพรม หัวหน้าผู้ฝึกสอนโรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี รุ่น 14 ปี ได้เผยถึงความสำเร็จในครั้งนี้ว่า "ในครั้งนี้ผมดีใจและภูมิใจในตัวของเด็กๆ ที่ได้แชมป์ และเด็กๆเล่นได้ดีมาก ทำได้ตามเป้าหมายที่พวกเราได้วางเอาไว้ในทัวร์นาเมนต์นี้ ในหลายๆครั้ง ผู้เล่นที่ผมตัดสินใจส่งลงไปในสนาม เป็นผู้เล่นที่ไม่ค่อยได้รับโอกาสลงสัมผัสเกมมากนัก แต่เวลาลงไปเล่นแล้วพวกเขาทำได้ดี และเราก็จะได้เห็นอะไรเพิ่มขึ้นไปอีกสำหรับผู้เล่นชุดนี้"
"สำหรับชุดนี้จะก้าวขึ้นไปรุ่น 15 ปี ในปีนี้ ผมคิดว่าถ้ายังรวมตัวกันอยู่ตรงนี้ รวมถึงพฤติกรรมหรือทัศนคติพวกเขายังเป็นแบบนี้ ผมคิดว่าพวกเขายังไปได้อีกไกล เพราะชุดนี้เล่นได้ดีและความสามารถเฉพาะตัวก็ทำได้ดี"
ผู้เล่นชุดนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าไม่ได้รับการสนับสนุนจากทางครอบครัว ผู้บริหารโรงเรียน รวมถึงทีมงานผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จในครั้งนี้ และวิชาลูกหนังต่างๆที่ถูกบ่มเพาะมาจนถึงเด็กๆชุดนี้ รวมถึงความสำเร็จต่างๆที่เด็กๆชุดนี้ ได้สร้างขึ้นมา อาจเป็นจุดเริ่มต้นที่จะทำให้พวกเขาได้เริ่มคิดและเริ่มเดินตามความฝันในเส้นทางสายฟุตบอลอาชีพได้ต่อไปในอนาคต และจะทำให้ "เจ้าสัวน้อย" อัสสัมชัญธนบุรี ได้อยู่บนวัฏจักรสูงสุดแห่งวงการลูกหนังขาสั้นต่อไป