กล้าที่จะทำกล้าที่จะลุย น่าจะเป็นคำจำกัดความที่ดีของหนุ่มวัยที่เพิ่งจะเข้าสู่หลักสี่บนเส้นทางชีวิต ได้ไม่นาน แต่วันนี้หลายๆคนเรียกเขาว่า เสี่ย"บอย" หรือที่คุ้นหูดีกับฉายาลูกหนัง ว่า "บอย เจียงฮาย" นั่นเอง
วสันต์ นาทะสัน อดีตกองหน้า ที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไข เชียงราย แท้ๆ ปัจจุบัน อายุ 41 ปี วันนี้ถ้าจะบอกว่า เขาควรได้รับฉายา อายุน้อยร้อยล้าน ก็คงไม่ผิด
ที่สำคัญสุดคือเขาสามารถฉีกกฎเดิมๆของอดีตนักเตะที่เล่นอาชีพในอดีตที่หลายคน ลำบากตอนเลิกเล่น กับประโยคเด็ดที่ว่า หมาล่าเนื้อ ไปได้
วสันต์ นาทะสัน เริ่มเล่นฟุตบอลมาตั้งแต่เขาจำความได้ ก่อนจะพัฒนาฝีเท้าจนติดทีมจังหวัด ตั้งแต่ระดับยุวชน จากนั้นเข้ามาแข่งในกทม. ในนามทีม จ.พะเยา และ สถาบันอย่าง พ.ราชดำเนิน นั่นเอง ที่เป็นจุดเริ่มต้นการเป็นพ่อค้าแข้งของเขา โดยได้ติดทีม นร.ไทย รุ่น 18 ปี ลุยศึกนร.เอเซีย เมื่อปี พ.ศ. 2540
"บอย เจียงฮาย" ผ่านการเล่นอาชีพมากับหลายสโมสร ทั้ง ธ.กรุงเทพ , พนักงานยาสูบ , โอสถสภา และไปเล่นให้บ้านเกิด เชียงราย ยูไนเต็ด เมื่อปี ค.ศ. 2010 เมื่อครั้งทีมขึ้นมาเล่น ดิวิชั่น 1 เป็นครั้งแรก และเขาก็อยู่ในทีมชุดเลื่อนชั้นสู่ไทยลีก 1 เมื่อปี ค.ศ. 2012 อีกด้วย โดยรับใช้ "กว่างโซ่ง" 1 ฤดูกาล และ ค.ศ. 2013 ไปเล่นกับ บางกอกกล๊าส โดยเขาที่เล่นให้บ้านเกิด 3 ฤดูกาล 2010-2013 บอกว่า เขาไม่ใช่ตำนานของทีมแต่ทุกนัดที่เขาเล่นให้บ้านเกิดนั้นจะทุ่มเทเกิน 100 ทุกนัด
หลังเลิกราการเป็นพ่อค้าแข้ง "บอยเจียงฮาย" ก็ได้โฟกัสกับอาชีพ เซียนพระ ที่เขาทำมาตั้งแต่ยังไม่เลิกเล่น
"บอย เจียงฮาย" ถือเป็นต้นแบบจากนักเตะก้าวสู่เซียนพระ ที่หลังจากเขาแล้วก็มีนักเตะหลายคนเดินตามรอยอีกหลายคน โดยที่มีเขาเป็นคนให้คำปรึกษา ในฐานะที่สนิทกับเซียนพระดังระดับประเทศ ไม่ว่าจะเป็น บอย ท่าพระจันทร์ , โทน บางแค ฯลฯ ที่ปัจจุบัน ก็ร่วมเล่นฟุตบอลกันเป็นประจำอยู่ด้วย
จุดเริ่มต้นของการเป็นเซียนพระ ที่มีร้านรับเช่าพระเครื่อง ที่ชั้น 3 ห้าง พันธ์ทิพย์ งามวงศ์วาน นั้น วสันต์ นาทะสัน บอกว่า เขาชอบมาตั้งแต่เด็กๆ ได้พระที่แจกมาจากการที่ไปเล่นฟุตบอล
หลังจากนั้นเขาก็พยายามศึกษาอย่างหนักจากผู้มีความรู้จนพัฒนาตัวเองมาเรื่อยๆ การมีรายได้จากการเป็นเซียนพระเริ่มทำให้เกิดแรงบันดาลใจหลายๆอย่างตามมา จนถึงขั้นเข้าเส้นเลือดลมหายใจเข้าออกเป็นพระเครื่องแทบทั้งหมด เจอที่ไหน แวะที่นั่น จนสุดท้ายเปิดร้านเช่าพระเครื่องในที่สุด
โดยมีบางช่วงสมัยเล่นพระใหม่ๆ วสันต์ บอกว่า เขาเคย ปล่อยพระไปเพราะมีปัญหาเรื่องเงิน พอจะไปซื้อกลับคืนมาก็ไม่ได้ เพราะคนที่เคยไปปล่อยให้เขาได้ปล่อยคนอื่นเช่าไปแล้ว
"บอยเจียงฮาย" บอกว่า ที่เจ็บปวดคือเรื่องของการที่กะว่าจะซื้อคืนแต่โดนตั้งราคาสูงลิบลิ่วจนซื้อกลับคืนมาไม่ได้ ตอนนั้นก็ต้องยอมรับว่าไม่รู้เรื่องกฎกติกาพระเครื่องทำให้ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนคนโดนหลอกจึงกลายเป็นแรงบันดาลใจที่จะก้าวเดินบนวงการพระเครื่องที่เราชอบอยากให้แนะนำให้คนดูพระเป็นอยากให้คนรู้จักพระแต่ละรุ่นถ่องแท้
ถ้าเทียบรายได้จากสมัยที่ "บอย เจียงฮาย" ยังเป็นพ่อค้าแข้ง ในวันวานกับ วันนี้ที่ต้องบอกว่า อดีตค่าเหนื่อยไม่ได้มากเช่นทุกวันนี้ แต่วันนี้ หากจะบอกว่า เซียนพระอย่าง "บอยเจียงฮาย" เป็นเสี่ยระดับร้อยล้านก็ไม่ผิด ล่าสุดได้ซื้อบ้านหลังงามใหม่ ที่ ถ.ราชพฤกษ์ เป็นมูลค่า หลักสิบล้านบาท ที่เห็นตัวเลขแล้วต้อง ร้องว้าวๆๆๆ OMG ไม่รวมรถหรู ที่เจ้าตัวก็มีขับ
เส้นทางชีวิตที่พลิกผันเพราะหันมาเป็นเซียนพระ ของ "บอยเจียงฮาย" น่าจะทำให้หลายๆคนเกิดแรงบันดาลที่จะก้าวสู่วงการนี้ แม้จะไม่ง่ายก็ตาม
ใครผ่านไปงามวงศ์วาน ลองขึ้นไปชั้น 3 พันธ์ทิพย์ ถ้าจะไปสนทนาเรื่องพระเครื่อง หนุ่มบอย พร้อมให้คำแนะนำคำปรึกษาดีๆให้แน่นอน และอาจได้เจอเขาตามสนามฟุตบอลด้วยเพราะปัจจุบัน ยังเล่นฟุตบอลกับกลุ่มเซียพระด้วยกัน รวมถึงฟุตบอลการกุศลต่างๆอีกด้วย
เรื่องโดย "สิงห์นก Hk vp 9 "