มิเกล โรดริโก้ เผย ฟุตซอลทีมชาติไทย พบ อิรัก เป็นเกมที่บ้ามาก ตำหนิใบแดงเป็นการตัดสินที่ไม่เป็นใจ แต่เพราะเสียงเชียร์ทั้งประเทศทำให้ผ่านมาได้ และการเล่นเป็นทีมแบบครอบครัวช่วยให้ ฟุตซอลไทย ผ่านเข้าไปเล่น ฟุตซอลโลกรอบสุดท้าย
หลังจากที่ ฟุตซอลทีมชาติไทย เอาชนะ ทีมชาติอิรัก 3-2 ในการแข่งขัน เอเอฟซี ฟุตซอล เอเชียนคัพ 2024 รอบ 8 ทีมสุดท้าย ทำให้ ทีมชาติไทย ได้ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ ไปพบกับ ทาจิกิสถาน ในวันที่ 26 เมษายน 2567 พร้อมคว้าตั๋วไปเล่นฟุตซอลโลก 2024 ที่อุซเบกิสถาน
มิเกล โรดริโก้ เฮดโค้ชฟุตซอลทีมชาติไทย ได้กล่าวหลังจบเกมว่า "มันเป็นเกมที่บ้ามาก เราเล่นเซ็ตเพลย์กันได้ดี ตอนที่เราโดนนำ 2-1 และเราโดนใบแดงท้ายครึ่งแรก เราเกือบแย่"
"ช่วงพักครึ่ง ผมบอกนักเตะให้ผ่อนคลายมากขึ้น ถ้าเราอยากไปฟุตซอลโลก เราต้องไม่กดดันตัวเอง เล่นอย่างผ่อนคลาย ผมบอกลูกทีมว่าในครึ่งหลังเราอาจโดนเล่นเพาเวอร์เพลย์ใส่ ดังนั้นต้องตั้งรับให้ดี และเราก็โดนพวกเขาเล่นแบบนั้นจริงๆ"
"แต่ในนาทีสุดท้ายมันบ้ามาก เราคว้าโอกาสมาได้ ซึ่งต้องชื่นชมแฟนบอลไทยทุกคน มันอเมซิ่งมาก เราโดน 2 ใบแดง และการตัดสินไม่เป็นใจ แต่แฟนบอลช่วยเราไว้ พวกเขามีพลังมาก พวกเขาช่วยให้เรากลับมาได้ ถ้าไม่มีแฟนบอล เราอาจไม่ชนะในนัดนี้"
"เราโดนใบแดง แต่เราก็มีความมั่นใจ เรามีประสบการณ์ในสถานการณ์แบบนี้ ผมพยายามบอกลูกทีมให้ใจเย็น อย่ากดดันกับสถานการณ์ที่สกอร์ตามหลังหรือโดนใบแดง พวกเราจะกลับมาได้ เราเป็นเหมือนครอบครัวเดียวกัน เราเล่นเราไม่โทษกัน"
"สำหรับการทำหน้าที่ของผู้ตัดสิน จังหวะใบแดงแรกผมคิดว่าไม่ควรเป็นใบแดง ผู้เล่นอิรักก้มหัวลงมา เราพยายามเล่นบอล และเขามองไม่เห็นนักเตะอิรักที่วิ่งมาจากด้านหลัง"
"นอกจากนั้นเราก็ควรได้จุดโทษด้วยเพราะเราโดนดึงเสื้อ แต่กรรมการบอกว่าผู้เล่นอิรักพยายามเล่นบอลเท่านั้น ผมไม่เข้าใจกรรมการเลย ผมเคารพกรรมการนะ แต่ไม่เห็นด้วยกับการตัดสินของเขาในหลายจังหวะ ผมพยายามอธิบาย พยายามชี้แจง แต่ไม่เป็นผล"
"สำหรับเกมนี้ ปาณัสม์ กิตติภาณุวงศ์ และ อลงกรณ์ จันทร์พร เล่นได้ดีมากๆ โดยเฉพาะ ปาณัสม์ เขาเฉิดฉายจริงๆ เขามีความกล้า และทำให้เรามีสถานการณ์ที่ได้เปรียบหลายครั้ง และที่เราผ่านเกมนี้มาได้ เพราะเราคือครอบครัว เราเล่นกันแบบครอบครัว และเรามีแฟนบอลเป็นผู้เล่นที่ 6 ที่ช่วยให้เราผ่านมาได้"
สำหรับ ทีมฟุตซอลทีมชาติไทย คว้าสิทธิ์ไปเล่นฟุตซอลโลก เป็นสมัยที่ 7 ติดต่อกัน โดยเริ่มจากปี 2000 ที่กัวเตมาลา , ปี 2004 ที่ไต้หวัน , ปี 2008 ที่บราซิล , ปี 2012 ที่ไทย , ปี 2016 ที่โคลอมเบีย , ปี 2021 ที่ลิทัวเนีย และล่าสุดที่กำลังจะมาถึง ปี 2024 ที่อุซเบกิสถาน