เมื่อช่วงสายๆ ของวันศุกร์ที่ 3 พฤษภาคม 2024 สมาคมฟุตบอลเวียดนาม เพิ่งประกาศแต่งตั้งกุนซือคนใหม่ที่จะเข้ามาทำหน้าที่ต่อจาก ฟิลิปป์ ทรุสซิเยร์ ที่ถูกยกเลิกสัญญาไป เนื่องจากผลงานไม่เป็นไปตามความคาดหวัง
เฮดโค้ชที่จะมาสานงานต่อคือ คิม ซัง-ซิค อดีตเซนเตอร์ฮาล์ฟทีมชาติเกาหลีใต้ ผู้ผันตัวสู่งานเทรนเนอร์ก่อนจะประสบความสำเร็จกับการพา ชนบุค ฮุนได มอร์เตอร์ส ฟาดแชมป์ เคลีก 2021 พ่วงด้วยถ้วย เอฟเอ คัพ 2022
แน่นอนว่าตอนที่เถลิงบัลลังก์ฟุตบอลลีกของแดนกิมจิ ตอนนั้นมี ศศลักษณ์ ไหประโคน ฟูลแบ็กชาวไทย อยู่ในทีมชุดนั้นด้วย
การขึ้นสู่บังเหียนเฮดโค้ชทัพดาวทองหนนี้เท่ากับว่าสมาคมฟุตบอลเวียดนาม ยังเชื่อมั่นในแนวทางที่จะเน้นระเบียบวินัยและพละกำลังตามแบบฉบับเกาหลีใต้ ซึ่งเลื่องชื่อลือชาเรื่องนี้อยู่แล้ว
เหมือนที่พวกเขาเคยประสบความสำเร็จตอนที่มี พัก ฮัง-ซอ เป็นกุนซือระหว่างปี 2017-2023 ที่สามารถโค่นไทย ลงอย่างราบคาบ ไม่ว่าจะรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี หรือทีมชาติชุดใหญ่
เหรียญทอง ซีเกมส์ 2 สมัย (2019, 2021), รองแชมป์ เอเชีย ยู-23 ปี 2018 บวกด้วยแชมป์ อาเซียน 2018 ทั้งยังทะลุถึงรอบ 8 ทีม สุดท้าย เอเชียน คัพ 2019 ซึ่งเป็นสถิติที่ไกลที่สุดของชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เท่าที่เคยทำได้
เท่านั้นไม่พอ บิ๊กบอสจอมดุดันยังนำทัพดาวทองผ่านเข้าไปเล่นรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2020 รอบสุดท้ายของโซนเอเชีย ได้เป็นหนแรกในประวัติศาสตร์อีกต่างหาก ทั้งยังเก็บชัยชนะได้ในรอบนี้ ซึ่งถือเป็นประเทศแรกจากอาเซียน ที่ทำได้สำเร็จ
นี่คือห้วงเวลาอันหอมหวานของเวียดนาม ภายใต้เฮดโค้ชที่ชื่อ พัก ฮัง-ซอ
การนำ คิม ซัง-ซิค ซึ่งเป็นชาวเกาหลีใต้ มาทำทีม มันจึงบ่งชี้ได้ชัดว่าพวกเขาปรารถนาที่จะกลับมาผงาดง้ำในอาเซียน ให้ได้อีกครั้ง หลังจากถูกไทย แซงหน้า ทั้งยังมีอินโดนีเซีย ที่แรงขึ้นเรื่อยๆ อีกประเทศ
เทรนเนอร์วัย 47 ปี มีโปรไฟล์ที่เหนือกว่า พัก ฮัง-ซอ เสียด้วยซ้ำ เมื่อเทียบผลงานในช่วงอายุเดียวกัน อีกทั้งยังถือเป็นเฮดโค้ชที่น่าจับตามองมากๆ ในดินแดนโสมขาว
สมัยเป็นนักเตะ เขาผ่านการค้าแข้งกับ ซองนัม อิลวา ชุนมา, กวางจู ซังมู (สโมสรกองทัพ) และไปแขวนสตั๊ดที่ ชนบุค ฮุนได มอร์เตอร์ส
ส่วนทีมชาติ เขาเป็นหนึ่งในขุนพลเกาหลีใต้ ชุด เวิลด์ คัพ 2006 และมีสถิติรับใช้ทัพแดกึกมากถึง 59 เกม โดยทำไปได้ 2 ประตู
พอผันตนเองสู่งานโค้ช คิม ซัง-ซิค เริ่มต้นกับ ชนบุค ฮุนได มอร์เตอร์ส ในเดือนธันวาคมปี 2020 ก่อนจะใช้เวลาไม่นานกับการพาทีมคว้าแชมป์ เคลีก ในปีถัดมา
จากผลงานอันเลอเลิศ ส่งผลให้เขาได้รับเลือกให้เป็น 'โค้ชยอดเยี่ยม' 2 สถาบัน คือ เคลีก พ่วงด้วย สมาคมฟุตบอลเกาหลีใต้ และนั่นเองที่ทำให้ชื่อของพี่แกเป็นที่น่าจับตามองในฉับพลัน
อย่างไรก็ตาม ฟอร์มของ ชนบุค ฮุนได มอร์เตอร์ส ในซีซั่น 2023 ค่อนข้างย่ำแย่ เพราะชนะเพียง 3 เกม จาก 10 เกมแรก มันจึงทำให้ คิม ซัง-ซิค ต้องแยกทางไปในที่สุด
ผ่านพ้นสู่ปี 2024 เจ้าตัวอยู่ในสถานะว่างงาน ขณะที่เวียดนาม ก็เพิ่งปลด ทรุสซิเยร์ กับผลงานที่ตกต่ำ แพ้ถึง 10 นัด จากการลงสนาม 11 แมตช์ โดยมีช่วงหนึ่งที่ปราชัยรวด 6 เกม แถมอันดับใน ฟีฟ่า แรงกิ้ง ตกลงไปต่ำกว่า 100 ทั้งยังโดนไทย กลับมาแซงหน้าอีกครั้ง
ด้วยสถานการณ์ที่เกิดขึ้น คิม ซัง-ซิค จึงลัดฟ้าสู่ดินแดนสกุลเหงียน พร้อมภารกิจ 'กู้ศรัทธา' ทัพดาวทองให้หวนคืนสู่ความเกรียงไกรในอนาคตอันใกล้นี้
ตามรายงานจากสื่อต่างๆ ระบุว่าเขาเซ็นสัญญาถึงปี 2026 โดยจะคุมทีมชาติชุดยู-22, ยู-23 และชุดใหญ่ พร้อมเป้าหมายทวงบัลลังก์เบอร์หนึ่งอาเซียน ให้จงได้
อดีตปราการหลังตัวกลางคนนี้มีสไตล์การทำทีมที่ชัดเจนคือเน้นความรัดกุมไว้ก่อน ตัวเลขการเสียประตูสมัยคุม ชนบุค ฮุนได มอร์เตอร์ส นั้นน้อยมาก เนื่องจากเขาใช้มิดฟิลด์ตัวรับลงเล่นพร้อมกันสองคนอยู่เสมอ
เรื่องระเบียบวินัย, หน้าที่รับผิดชอบ, ความฟิตของร่างกายและพละกำลังคือ 'จุดเด่น' ตามแบบฉบับฟุตบอลแนวทางเกาหลีใต้
สภาพการณ์ที่เกิดขึ้น เชื่อได้เลยว่าทัพดาวทองจะกลับมาเล่นด้วยความดุดันและถึงลูกถึงคนอีกเช่นเคย เหมือนที่ทุกคนเห็นระหว่างปี 2017-2022
จาก พัก ฮัง-ซอ สู่ คิม ซัง-ซิก และเวียดนาม กับก้าวโคเรียนสไตล์ที่กลับมาอีกครั้ง
ชิกกะด้าว