1.1 เปอร์เซ็นต์ คือค่าความน่าจะเป็นที่ จอร์แดน จะได้แชมป์ เอเชียน คัพ 2023 จากการคำนวณด้วยซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของทาง Opta สื่อด้านวิเคราะห์เกมกีฬาชื่อดัง ซึ่งมันไม่น่าแปลกใจอะไรเมื่อพิจารณาถึงเรื่องที่ว่าพวกเขาไม่ได้มีสตาร์ดังมากนัก และในช่วง 9 เกมก่อนถึงศึก เอเชียน คัพ 2023 นั้น จอร์แดน ชนะแค่เกมเดียวจากการลงเล่นในทุกรายการ
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้มันกลับกลายเป็นว่า จอร์แดน อยู่ห่างจากการได้สัมผัสกับถ้วยแชมป์ เอเชียน คัพ 2023 แค่ก้าวเดียวเท่านั้น หลังล่าสุดพวกเขาชนะ เกาหลีใต้ 2-0 ในรอบรองชนะเลิศ ซึ่งเครดิตส่วนหนึ่งก็ต้องยกให้ ฮุสเซน อัมมูตะ เทรนเนอร์ชาวโมร็อกกันที่ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมทั้งที่เริ่มงานกับทีมเมื่อช่วงเดือนมิถุนายน ปีก่อนเท่านั้น และวันนี้เราก็จะมาพูดถึงเรื่องราวบางอย่างของเขาเพื่อที่หลายคนจะได้รู้จักชายคนนี้มากขึ้นสักนิด
- อดีตแข้งฝีเท้าดี
อัมมูตะ อยู่ในกลุ่มกุนซือที่เคยเป็นนักฟุตบอลมาก่อน โดยตำแหน่งของเขาคือกองกลาง แต่มันก็ไม่น่าแปลกใจที่หลายคนจะไม่รู้จักเขาเท่าไหร่ เพราะเขาเคยเล่นให้แค่ อิตติฮัด เซมมูริ เคมิสเซ็ต ทีมในโมร็อกโก, ฟาธ อูเนี่ยน สปอร์ต ทีมในบ้านเกิด, อัล-ริยาดห์ สโมสรในซาอุดีอาระเบีย, อัล-ซาดด์ ทีมในกาตาร์, ชาร์ยาห์ สโมสรจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และ กาตาร์ เอสซี เท่านั้น
ถึงกระนั้น บรรดาแฟนบอล อัล-ซาดด์ บางคนคงจะลืมชื่อของ อัมมูตะ ได้ยาก เพราะเขาเคยพาทีมได้แชมป์หลายรายการ อย่างเช่น กาตาร์ สตาร์ส ลีก หรือลีกสูงสุดของ กาตาร์ ในซีซั่น 1999-2000 มาแล้ว ขณะที่ตอนซีซั่น 1997-1998 เขาถึงขั้นเคยเป็นดาวซัลโวสูงสุดร่วมของลีกด้วย เพราะทำได้ 10 ประตูจากการลงเล่น 15 นัด ทั้งที่เป็นกองกลาง
อัมมูตะ ยังเคยได้โอกาสเล่นให้ทีมชาติโมร็อกโกชุดใหญ่ 5 นัดด้วยกัน และทำได้ 1 ประตู ขณะที่ก่อนหน้านั้นเขาก็เคยเล่นให้ โมร็อกโก ชุดทำศึก โอลิมปิก เกมส์ 1992 ด้วย ก่อนที่จะแขวนสตั๊ดไปตอนปี 2003
- กุนซือผลงานเยี่ยม
อัมมูตะ เริ่มต้นการคุมทีมตั้งแต่ปี 2003 โดยตอนนั้นเป็นการรับบทกุนซือควบกับนักเตะที่ เซมมูส เอสซี แต่เขาเริ่มสร้างชื่อให้ตัวเองในด้านนี้กับที่ อัล-ซาดด์ ทีมที่เขาเคยเล่นด้วย เพราะเขาพาทีมได้แชมป์ลีกสูงสุดของ กาตาร์ ตั้งแต่ซีซั่นแรกที่อยู่ในตำแหน่ง หรือก็คือในฤดูกาล 2012-13
อัมมูตะ ยังเคยพา วีดัด คาซาบลังก้า ได้แชมป์ลีกสูงสุดของ โมร็อกโก ในซีซั่น 2016-17 รวมถึงได้แชมป์ ซีเอเอฟ แชมเปี้ยนส์ ลีก หรือเทียบเท่ากับศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ของทวีปแอฟริกาในปี 2017 ด้วย จากการชนะ อัล อาห์ลี ทีมดังจากอียิปต์ด้วยสกอร์รวม 2 นัด 2-1
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังเคยนำทีมชาติโมร็อกโก ชุดพิเศษ ได้แชมป์ แอฟริกัน เนชั่นส์ แชมเปี้ยนชิพ เมื่อปี 2020 ด้วย โดยรายการที่ว่านั้นต่างจาก แอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ เพราะว่า แอฟริกัน เนชั่นส์ แชมเปี้ยนชิพ เป็นรายการที่แต่ละชาติจะใช้งานได้เฉพาะนักเตะที่เล่นอยู่ในลีกของตัวเองเท่านั้น
นอกจากนี้ เชื่อหรือไม่ว่าก่อนจะมาลงเอยกับ จอร์แดน นั้น อัมมูตะ มีเปอร์เซ็นต์พาทีมชนะเกิน 50 เปอร์เซ็นต์กับทุกงานของเขา หากนับตั้งแต่ตอนคุม อัล-ซาดด์ เป็นต้นมาอีกต่างหาก***
ผลงานการคุมทีมของ ฮุสเซน อัมมูตะ ตั้งแต่กับ อัล-ซาดด์ เป็นต้นมา |
ทีม | เริ่ม | จบ | จำนวนเกม | ชนะ | เสมอ | แพ้ | เปอร์เซ็นต์ชนะ |
อัล-ซาดด์ | 2012 | 2015 | 104 | 59 | 27 | 18 | 56.73% |
วีดัด คาซาบลังก้า | 2017 | 2018 | 45 | 24 | 9 | 12 | 53.33% |
โมร็อกโก | 2019 | 2022 | 10 | 8 | 1 | 1 | 80.00% |
วีดัด คาซาบลังก้า | 2022 | 2023 | 11 | 7 | 3 | 1 | 63.64% |
จอร์แดน | 2023 | - | 15 | 5 | 3 | 7 | 33.33% |
- เรื่องฉาว
แน่นอนว่าชีวิตของคนเราไม่ได้มีแต่เรื่องดีๆ เสมอไป อัมมูตะ ก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน เพราะในภาค 2 ของเขากับ วีดัด คาซาบลังก้า นั้น เจ้าตัวเคยโดนปลดออกจากตำแหน่งแบบกะทันหันมาแล้ว ทั้งที่เพิ่งกลับมารับงานกับทีมเมื่อตอนกลางปี 2022 รวมถึงมีผลงานดีพอตัว
สาเหตุน่ะหรือ ? นั่นเป็นเพราะบอร์ดบริหารของ วีดัด คาซาบลังก้า ไม่พอใจที่จู่ๆ เขาเดินทางไปยังประเทศกาตาร์เพื่อชมศึก ฟุตบอลโลก 2022 โดยที่ไม่ได้รับอนุญาตจากสโมสรนั่นเอง แถมเขายังไม่กลับมาทำงานกับทีมที่สนามซ้อมด้วย ซึ่งหลังจากตกงานกับ วีดัด คาซาบลังก้า แล้วนั้นเขาก็ไปรับงานผู้บริหารกับ อาแอส ฟาร์ อีกทีมใน โมร็อกโก ก่อนจะมาลงเอยกับงานกุนซือของ จอร์แดน
- เด็กเกร็ดบอล -