ความสำเร็จในอดีต, สไตล์การเล่น, ผลงานในถ้วย เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก, โควตาต่างชาติ, เฮดโค้ช, นักเตะเด่นและผู้เล่นน่าจับตามอง นี่คือสิ่งที่ 'SIAMSPORT' ขอแนะนำคุณผู้อ่านให้รู้จักกับคู่แข่ง บีจี ปทุม ยูไนเต็ด อย่าง คาวาซากิ ฟรอนตาเล่ เพิ่มมากยิ่งขึ้น!!
โดยศึก เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก 2023-24 รอบแบ่งกลุ่ม กรุ๊ปไอ ระหว่าง บีจี ปทุม กับ คาวาซากิ ฟรอนตาเล่ จะแข่งขันกันที่ บีจี สเตเดี้ยม สเตเดี้ยม ในวันอังคารที่ 24 ตุลาคม 2023 เวลา 19.00 น.
[ 1 ] ความสำเร็จในอดีต
คาวาซากิ ฟรอนตาเล่ คือสโมสรที่ประสบความสำเร็จกับการคว้าแชมป์ เจลีก มากที่สุดในรอบ 10 ปีหลังสุด โดยฟาดโทรฟี่อันทรงเกียรติไปถึง 4 สมัย พ่วงด้วย เอ็มเพอร์เรอร์ส คัพ และ เจลีก อย่างละ 1 หน
พวกเขาเลื่อนชั้นจาก เจลีก 2 สู่ลีกสูงสุดในฤดูกาล 2005 ก่อนจะหยัดยืนแบบยิ่งยงยาวๆ และยังมีพัฒนาการที่ดีขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งก้าวไปเป็นทีมแนวหน้าของญี่ปุ่น
นอกเหนือไปจากความสำเร็จในเรื่องของถ้วยรางวัล - ฟรอนตาเล่ ยังมีโครงสร้างระบบเยาวชนที่แข็งแรงกับการผลิตนักเตะขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ ต่อยอดถึงทีมชาติ และแน่นอนว่ารวมไปถึงการส่งออกไปยังต่างประเทศ
คาโอรุ มิโตมะ แนวรุกเนื้อหอมฟุ้งจาก ไบรท์ตัน คือผลิตผลของ 'การสร้าง' อย่างจริงจังที่ทำมาตลอดหลายสิบปี และยังมีอีกหลายๆ รายที่จ่อขึ้นมาเป็นซูเปอร์สตาร์ในอนาคต
[ 2 ] สไตล์การเล่น
เกรมิโอ แห่งญี่ปุ่น มีสไตล์การเล่นที่ชัดเจน นั่นคือการเพรสซิ่งตั้งแต่แดนของคู่ต่อสู้ ดังนั้นผู้เล่นของพวกเขาที่นอกจากจะต้องอุดมไปด้วยเบสิกลูกหนังที่ยอดเยี่ยมแล้ว ยังต้องมีพละกำลังที่จะวิ่งกวดฝั่งตรงข้ามได้ตลอดทั้ง 90 นาที
การรับ-ส่งบอลกับพื้น เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของ ฟรอนตาเล่ ซึ่งนั่นเป็นพื้นฐานฟุตบอลที่เจ้าของแชมป์ เจลีก 4 สมัย วางรากฐานมาตั้งแต่ระบบเยาวชน เพราะไม่ว่าจะรุ่นอายุใด พวกเขาก็จะเล่นในรูปแบบเดียวกันทั้งหมด
แน่นอนว่าการเล่นในลักษณะนี้ ทีมดังแห่งคานากาวะ จึงเน้นหนักพิเศษในเรื่องเกมบุก และนั่นเองจึงเป็นเรื่องยากที่คู่แข่งของพวกเขาจะหยุดยั้งได้
[ 3 ] ผลงานในถ้วย เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก
ฟรอนตาเล่ เป็นขาประจำของ เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ในระยะหลัง ทว่าผลงานไม่ค่อยโดดเด่นเหมือนเล่นในประเทศนัก เพราะไปไกลที่สุดเพียงรอบ 8 ทีม สุดท้าย ในซีซั่น 2007 กับ 2009 และเมื่อปี 2017 โดยตอนนั้นผ่าน เมืองทอง ยูไนเต็ด ในรอบ 16 ทีม
ตลอด 9 หน ที่พวกเขามีส่วนร่วมกับถ้วยใหญ่ของเอเชีย มีแค่ 4 ครั้ง เท่านั้นที่ทะลุรอบน็อก-เอาต์ เพราะนอกนั้นมักจะร่วงตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม ซึ่งถือเป็นเรื่องเหลือเชื่อมากๆ กับสโมสรที่มีผลงานใน เจลีก ยอดเยี่ยมเช่นนี้
ส่วนการเผชิญหน้ากับสโมสรจากไทย - ฟรอนตาเล่ เคยเจอ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ (2007) และ เมืองทอง (2017) พร้อมกับสถิติชนะ 3 และเสมอ 1 นัด
[ 4 ] เฮดโค้ช
โทรุ โอนิกิ กุนซือผู้มีความผูกพันกับสโมสรมาตั้งแต่สมัยเป็นนักเตะ เพราะเล่นให้ ฟรอนตาเล่ นานกว่า 7 ฤดูกาล กระทั่งแขวนสตั๊ดที่ คาวาซากิ โทโดโรกิ สเตเดี้ยม ก่อนจะผันตนเองมุ่งสู่ทางโค้ชอย่างเต็มตัว
เขาเข้ามาสานงานต่อจากยาฮิโระ คาซามะ เมื่อซีซั่น 2017 และใช้เวลาไม่นานในการพาทีมทะยานสู่แชมป์ เจลีก แถมยังทำได้ถึง 4 สมัย เลยทีเดียว
ด้วยความที่รู้จักลึกตื้นหนาบางภายในเป็นอย่างดี โอนิกิ จึงเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของ ฟรอนตาเล่ เพราะทุกความสำเร็จของสโมสรนั้นมาจากการทำงานอันหนักหน่วงของเขานี่แหละ
[ 5 ] โควตาต่างชาติ
ด้วยความที่ เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก 2023 นั้นปรับกฎใหม่ให้ส่งผู้เล่นต่างชาติลงได้ในโควตา 5+1 (นักเตะนอกทวีป 5 + นักเตะเอเชีย 1) ซึ่งทาง ฟรอนตาเล่ นั้นก็ส่งชื่อเต็มพิกัด โดยมีดังนี้
- เชซิล (กองหลัง, บราซิล) เซนเตอร์ฮาล์ฟวัย 29 ปี ผู้ปราดเปรียวและสามารถรับรับมือกับกองหน้าที่มีความคล่องตัวสูงได้เป็นอย่างดี เขามาอยู่กับทีมตั้งแต่ซีซั่น 2019 ในรูปแบบของการยืมตัว ก่อนจะเซ็นสัญญาซื้อขาดจาก แอตเลติโก มิเนยโร่ ในฤดูกาล 2020
- ชูเอา ชมิดต์ (กองกลาง, บราซิล) มิดฟิลด์ตัวรับที่ย้ายมาเล่นที่ญี่ปุ่น ตั้งแต่ปี 2019 โดยแรกเริ่มอยู่กับ นาโกยะ แกรมปัส เอต แต่ผลงานเด่นจนถูกมา ฟรอนตาเล่ เมื่อซีซั่น 2021 และก็มีส่วนสำคัญกับแชมป์ลีกในปีนั้นทันที
- มาร์ซินโญ่ (ปีก, บราซิล) แนวรุกจอมถล่มประตูผู้เป็นคีย์แมนในเกมบุกของ ฟรอนตาเล่ ในปัจจุบัน แม้ฤดูกาล 2022 ผลงานของต้นสังกัดจะไม่ดีนัก แต่เขาก็ได้รับเลือกให้ติดทีมยอดเยี่ยมประจำซีซั่น
- เลอันโดร ดามิเยา (กองหน้า, บราซิล) หัวหอกดีกรีทีมชาติบราซิล ย้ายมาค้าแข้งที่ดินแดนอาทิตย์อุทัยในฤดูกาล 2021 และก็กวาดถ้วยรางวัลทันที แถมตนเองยังควบเกียรติยศส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็น 'ดาวซัลโว' เจลีก หรือ 'ผู้เล่นทรงคุณค่า' ที่ได้มาเพราะผลงานอันกระฉูดแตกนั่นเอง
- บาเฟติมบี้ โกมิส(กองหน้า, ฝรั่งเศส) เพชฌฆาตผู้พกการติดทีมชาติฝรั่งเศส ติดตัวมาด้วย เพิ่งย้ายมาอยู่กับ ฟรอนตาเล่ ในซีซั่น 2023 แม้จะอายุ 38 ปี แต่ประสบการณ์กับ ลีญง, สวอนซี, มาร์กเซย และ กาลาตาซาราย นั้นบ่งบอกได้ชัดเจนว่าเขาสามารถเป็นทีเด็ดของทีมได้ในยามคับขัน
- ช็อง ซ็อง-รยอง (ผู้รักษาประตู, เกาหลีใต้) อดีตมือหนึ่งทีมชาติเกาหลีใต้ วัย 38 ปี และนับตั้งแต่โยกมาเฝ้าเสาให้ ฟรอนตาเล่ เมื่อซีซั่น 2016 เขาก็เป็นหนึ่งในฟันเฟืองสำคัญของความสำเร็จของสโมสร
[ 6 ] นักเตะเด่น
เลอันโดร ดามิเยา ยังคงเป็นผู้เล่นที่อันตรายที่สุดของ ฟรอนตาเล่ แม้ว่าสภาพร่างกายของเขาจะดูเหมือนว่ายังไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ตาม แต่ถ้าปล่อยให้หัวหอกวัย 34 ปี ได้โอกาสในกรอบเขตโทษ เขาก็พร้อมจะแปรเปลี่ยนให้เป็นประตูทันที
ดาวยิงทีมชาติบราซิล มีคุณสมบัติของการเป็นศูนย์หน้าชั้นยอดอยู่ครบถ้วน รูปร่างสูง (1.88 เมตร), ทักษะดี, หาพื้นที่เก่ง, ฉลาด, ไหวพริบเป็นเลิศ และที่สำคัญที่สุดคือจังหวะจบสกอร์ที่เฉียบขาด
[ 7 ] นักเตะน่าจับตามอง
จริงๆ แล้ว ฟรอนตาเล่ มีผู้เล่นที่น่าจับตามองหลายราย โดยเฉพาะแนวรุกที่เติบโตมาจากระบบเยาวชนของสโมสร ไม่ว่าจะเป็น ชิน ยามาดะ หรือ ไทเซอิ มิยาชิโระ ที่รอวันฉายแสง
ทว่านักเตะที่จะสร้างความปั่นป่วนให้กับกองหลังฝั่งตรงข้ามต้องเป็น มาร์ซินโญ่ ปีกตัวจี๊ดที่พร้อมจะลงโทษคู่แข่งได้ทุกวินาที แม้ว่าซีซั่นปัจจุบันเจ้าตัวจะทำประตูได้น้อยไปหน่อย แต่กระนั้นเขาก็ยังเป็นแข้งที่มีพิษสงรอบกาย