ในที่สุด สารัช อยู่เย็น ตกลงย้ายจากบีจี ปทุม ไป เรโนฟา ยามากุจิ สโมสรในระดับ เจลีก 2
'SIAMSPORT' จึงขันอาสาไปค้นคว้าข้อมูลทีมใหม่ของ สารัช อยู่เย็น มิดฟิลด์ทีมชาติไทย ว่ามีสิ่งใดน่าสนใจบ้าง ซึ่งเราครอบคลุมเรื่องราวของพวกเขาตั้งแต่อดีต กระทั่งถึงปัจจุบัน!!
[ 1 ] สโมสรจากแดนใต้
พวกเขาคือทีมที่อยู่ทางตอนใต้ของญี่ปุ่น โดยมีจุดเริ่มต้นจากการที่บรรดาครูพละภายในจังหวัดยามากุจิ รวมตัวกัน ก่อนจะค่อยๆ ก่อร่างสร้างตัวเป็นสโมสรในเวลาต่อมา (ก่อตั้งสโมสรปี 1949)
[ 2 ] ที่มาของชื่อ
ก่อนจะมาเป็น เรโนฟา ยามากุจิ พวกเขาใช้ชื่อ 'ยามากุจิ ทีเชอร์ส' หรือในภาษาไทย คือสโมสรคุณครูแห่งจังหวัดยามากุจิ ก่อนจะเปลี่ยนเป็น เรโนฟา ในปี 2006 ซึ่งเป็นปีแรกที่พวกเขาถูกบรรจุเข้าเป็นสมาชิกของ เจลีก
สำหรับ เรโนฟา นั้นเป็นคำญี่ปุ่น ที่มีรากศัพท์ภาษาอังกฤษ ที่ประกอบด้วย 3 ความหมายคือ การบูรณะ (Renovation), ต่อสู้ (Fight) และ ดี (Fine)
[ 3 ] คู่แค้น โทคูชิมะ วอร์ติส
แม้จะมีระยะห่างกันถึง 400 กว่ากิโลเมตร แถมยังอยู่กันคนละฟากฝั่งทางภาคใต้ของญี่ปุ่น ทว่า เรโนฟา ยามากุจิ กับ โทคูชิมะ วอร์ติส ก็เป็นทีมคู่กัดกัน ประมาณ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด - ลิเวอร์พูล หรือ เรอัล มาดริด - บาร์เซโลน่า โดยเกมการแข่งขันของทั้งสองทีมถูกขนานนามว่า 'ดาร์บี้แห่งเกาะชิโกกุ'
[ 4 ] ไม่เคยเฉียดใกล้ เจลีก
นับตั้งแต่ก่อตั้งสโมสรเมื่อ 75 ปี ที่แล้ว รวมไปถึงเปลี่ยนชื่อมาเป็น เรโนฟา ยามากุจิ - พวกเขายังไม่เคยเฉียดเข้าใกล้การเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดของญี่ปุ่น เลยสักหน โดยผลงานดีที่สุดคือการจบอันดับ 8 เมื่อซีซั่น 2018 แต่ก็มีแต้มตามหลังทีมที่ได้ตั๋ว เจลีก มากถึง 10 คะแนน
[ 5 ] พาร์ตเนอร์ระดับโลก
แม้จะไม่ใช่สโมสรใหญ่ และยังไม่เคยไต่ไปเล่น เจลีก ทว่า เรโนฟา ยามากุจิ กลับมี แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมเบอร์หนึ่งอังกฤษ เป็นพันธมิตร รวมไปถึง ซังต์ เพาลี ของเยอรมัน
[ 6 ] อดีตกุนซือยู-23 ญี่ปุ่น ก่อน เทกูระโมริ เคยคุมที่นี่
มาซาฮิโระ ชิโมดะ กุนซือทีมชาติญี่ปุ่น รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี เคยเป็นเฮดโค้ชของ เรโนฟา ยามากุจิ ระหว่างปี 2018-2020 ซึ่งเป็นช่วงที่พวกเขามีผลงานดีที่สุด
จุดเกาะเกี่ยวของ ชิโมดะ กับเมืองไทย คือการที่เขาเป็นเทรนเนอร์ เดอะ ซามูไร บลู ในปี 2013 ก่อนหน้าที่ มาโกโตะ เทกูระโมริ บิ๊กบอส บีจี ปทุม ยูไนเต็ด จะมาสานต่อปี 2014 ซึ่งพาทีมไปถึงแชมป์ เอเชีย เลยทีเดียว
[ 7 ] โลโก้, สีส้มและมัสค็อต
ในโลโก้สโมสรมีรูปเจดีย์ ได้รับแรงบันดาลใจมาจากวัด รูริโคจิ สถานที่สำคัญของจังหวัดยามากูจิ ส่วนดาว 3 ดวงบนลูกบอลนั้นคือสัญลักษณ์ของแคว้นโชชู ซึ่งเป็นแคว้นศักดินาญี่ปุ่น ในสมัยเอโดะ
ส่วนสีส้มนั้นมาจากการที่พวกขามี สิงโต เป็นมัสคอตประจำสโมสร และมันคือที่มาของสีประจำทีมในที่สุด
[ 8 ] สโลแกนปี 2024
เรโนฟา ยามากุจิ ชูสโลแกนในฤดูกาล 2024 โดยให้ความสำคัญกับ 3 สิ่ง ได้แก่ รวมพลัง, ความสดชื่นและวิ่งไปข้างหน้า
รวมพลัง มาจากการที่สโมสรอยากให้ผู้คนในท้องถิ่นตระหนักถึงความสามัคคี เพราะถ้าทุกฝ่ายร่วมมือกัน อุปสรรคก็จะผ่านไปได้ด้วยดี
ความสดชื่น มาจากการที่นักกีฬาต้องมีร่างกายที่แข็งแรงเพื่อที่จะลงสนามไปโชว์ผลงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
วิ่งไปข้างหน้า มาจากการที่พวกเขามีเป้าหมายเดียวกัน คือพยายามทำผลงานให้ดีที่สุด เพื่อสร้างความภาคภูมิใจในจังหวัดยามากุจิ
[ 9 ] ผลงานปัจจุบัน
ผลงาน ณ ตอนนี้ของ เรโนฟา ยามากุจิ ถือว่ายังมีลุ้นเลื่อนชั้นสู่ เจลีก โดยปัจจุบันรั้งอันดับ 7 มีแต้มตามหลังจ่าฝูง วี วาเรน นางาซากิ 12 คะแนน และตามอันดับ 6 ซึ่งเป็นกลุ่มที่จะได้เล่นเพลย์-ออฟชิงตั๋วเพียงแค่คะแนนเดียวเท่านั้น
ยังเหลืออีกหลายเกมให้ชิงชัยในครึ่งซีซั่นหลังของปี 2024 ซึ่งถ้าพวกเขาสามารถรักษามาตรฐานเอาไว้ได้อย่างต่อเนื่อง มีโอกาสสูงทีเดียวที่ฤดูกาล 2025 จะเป็นซีซั่นประวัติศาสตร์ของสโมสร
[ 10 ] คู่แข่ง สารัช
เรียว ชิกากิ กุนซือคนปัจจุบันของ เรโนฟา ยามากุจิ ใช้ระบบ 4-4-2 เป็นหลัก โดยเขามักจะเลือก โจจิ อิเคกามิ กับ โคเฮ ทานาเบะ ยืนเป็นคู่มิดฟิลด์ในแดนกลาง โดยมี เคนซึเกะ ซาโตะ แข้งวัย 35 ปี คอยสลับสับเปลี่ยนลงสนาม
นอกจาก 3 รายข้างต้น ยังมี โคจิ ยามาเสะ และ ยูกิ อาอิดะ ที่ยืนในตำแหน่งนี้
สิ่งที่น่าสนใจของ เรโนฟา คือการที่คู่กองกลางขาประจำของพวกเขาไม่ใช่นักเตะที่รูปร่างสูงใหญ่ เพราะว่า อิเคกามิ กับ ทานาเบะ มีสัดส่วน 1.68 เมตร เท่านั้น