กลายเป็นตำนานไปอีกหนึ่งแข้งดังแห่งวงการฟุตบอลญี่ปุ่น และถือเป็นการอำลาตำนานเท้าซ้ายระดับโลกด้วยที่ค้าแข้งกว่า 20 ปี ชื่อของ ชุนสุเกะ นากามูระ คนแวดวงการลูกหนังไม่มีใครไม่รู้จักเขา เพราะเขาคือตำนานเท้าซ้ายที่ดีที่สุดตลอดกาลของทีมชาติญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้
สำหรับ ชุนสุเกะ นากามูระ จอมสังหารฟรีคิก ที่เริ่มต้นเส้นทางฟุตบอลอาชีพครั้งแรกปี 1997 ก่อนได้รับการยกย่อง ให้เป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุดคนหนึ่งแห่งวงการฟุตบอลญี่ปุ่น รวมถึงมือสังหารลูกนิ่งที่ฉมังที่สุดตลอดกาลอีกด้วย
ย้อนกลับไปชื่อของ ชุนสุเกะ นากามูระ เริ่มเป็นที่รู้จักตั้งแต่สวมยูนิฟอร์มของโยโกฮาม่า เอฟ. มารินอส สโมสรแรกในชีวิตอาชีพฟุตบอล ซึ่งเขาใช้เวลาไม่ถึง 4 ปี จนก้าวขึ้นไปติดทีมชาติญี่ปุ่น ชุดใหญ่ ในปี 2000 พร้อมกับผ่านสมรภูมิเวทีฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายถึง 2 ครั้งในปี 2006 ที่เยอรมัน และปี 2010 ที่แอฟริกาใต้
"นากามูระ" ถือเป็นนักเตะที่ประสบความสำเร็จกับทีมชาติญี่ปุ่นอย่างมาก อยู่ในชุดคว้าแชมป์ฟุตบอลเอเชียนคัพ ถึง 2 สมัยในปี 2000 และปี 2004 ก่อนจะฝากผลงานในระดับทีมชาติไปทั้งหมด 98 นัดทุกรายการ ยิงไป 24 ประตู กับ 23 แอสซิสต์
เช่นเดียวกับในระดับสโมสร "นากามูระ" ลงเล่นในระดับสโมสรรวมทั้งหมด 750 เกม ทำไป 131 ประตู กับอีก 121 แอสซิสต์ โดยหลังจบปี 2002 เขาได้ตัดสินใจไปค้าแข้งนอกประเทศเป็นครั้งแรก ก่อนจะสร้างชื่อในยุโรปกับ เรจจิน่า สโมสรในกัลโช่ เซเรียอา อิตาลี รวมถึงเอสปันญ่อล ในลาลีกา สเปน
แต่สโมสรที่สร้างชื่อให้กับ "นากามูระ" มากที่สุดนั่นคือ กลาสโกว์ เซลติก สโมสรในสกอตแลนด์ เพราะเขาคว้าแชมป์เมเจอร์ในประเทศครบทุกรายการ และผ่านการรับใช้ "ม้าลายเขียวขาว" ไปถึง 147 นัด ยิงไป 31 ประตู กับ 38 แอสซิสต์
ที่สำคัญจอมสังหารฟรีคิกจากแดนอาทิตย์อุทัยรายนี้ สร้างชื่อให้เป็นที่รู้จักกับแฟนบอลทั่วโลกนั่นคือ การยิงฟรีคิกใส่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บนเวทียูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาล 2006/2007 ในเกมรอบแบ่งกลุ่มทั้งไป-กลับ สร้างปรากฏการณ์และความประทับใจให้กับนักเตะจากทวีปเอเชียต่อหน้าแฟนบอลยุโรปเป็นอย่างดีจริง ๆ
หลังจากออกไปผจญภัยบนแผ่นดินยุโรปถึง 9 ปีเต็ม ชุนสุเกะ นากามูระ ตัดสินใจย้ายกลับมาค้าแข้งที่บ้านเกิดอีกครั้งในปี 2010 กับต้นสังกัดแรกนั่นคือ โยโกฮาม่า เอฟ. มารินอส ก่อนช่วยทีมคว้าแชมป์ฟุตบอลถ้วยเอ็ม เพอเรอร์ส คัพ ในปี 2013 ซึ่งถือเป็นโทรฟี่ที่ 2 ของเขากับสโมสรแห่งนี้ ต่อจากฟุตบอลเจลีก คัพ เมื่อปี 2001
แต่ในปี 2017 "นากามูระ" ตัดสินใจย้ายไปร่วมทีมจูบิโล่ อิวาตะ ซึ่งเป็นสโมสรที่ 2 ในประเทศญี่ปุ่น ก่อนปิดจ็อบช่วงบั้นปลายอาชีพโยกซบโยโกฮาม่า เอฟซี ทีมบ้านเกิดเมื่อปี 2019 จนกระทั่งหลังจบศึกฟุตบอลเจลีก 2 ฤดูกาล 2022 ตัดสินใจประกาศแขวนสตั๊ด
โดยเกมนัดสุดท้ายในอาชีพค้าแข้งเกิดขึ้นในวันที่ 23 ตุลาคม ปี 2022 "นากามูระ" ลงตัวจริงให้โยโกฮาม่า เอฟซี ก่อนถูกเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 60 ในเกมที่ต้นสังกัดบุกไปเอาชนะ โรอัสโซ่ คุมาโมโตะ 4-3 และในซีซั่นนี้ โยโกฮาม่า เอฟซีสามารถตีตั๋วเลื่อนชั้นสู่เจลีก 1 ได้สำเร็จอีกด้วย
ด้วยความที่เป็นนักเตะที่ขึ้นแท่นเป็นตำนานของฟุตบอลญี่ปุ่น ทำให้สโมสรโยโกฮาม่า เอฟซี ได้มีการจัดแมตช์พิเศษให้กับ ชุนสุเกะ นากามูระ บนวัย 45 ปี เมื่อวันอาทิตย์ที่ 17 ธันวาคม ปี 2023 ที่ผ่านมา โดยเป็นการพบกันระหว่าง โยโกฮาม่า เอฟซี พบกับ เจ ดรีมส์ ที่มีผู้เล่นตำนานมาร่วมลงสนามอย่างคับคั่งเช่น ฮิเดโตชิ นากาตะ เพื่อส่งท้ายเส้นทางการค้าแข้งที่สวยงามของ "นากามูระ" นั่นเอง
โดยเกมดังกล่าว ชุนสุเกะ นากามูระ ลงสนามให้กับทั้ง 2 ทีมอย่างละครึ่ง และปิดฉากอย่างสวยงามด้วยการซัดแฮตทริกฟรีคิก เครื่องหมายการค้าของ ชุนสุเกะ นากามูระ ก่อนที่เขาจะยิงไปคนเดียว 6 ลูกกับ 2 ทีม ซึ่งผลการแข่งขันจบลงที่ เจ ดรีมส์ เป็นฝ่ายชนะ โยโกฮาม่า เอฟซี ไปด้วยสกอร์ 6-3
อย่างไรก็ตามนักเตะระดับตำนานฟุตบอลญี่ปุ่น สามารถเลือกที่จะปิดฉากอาชีพค้าแข้งกับสนามฟุตบอลระดับโลก เช่น นิสสัน สเตเดี้ยม หรือสนามกีฬาแห่งชาติญี่ปุ่นอย่างยิ่งใหญ่ได้ แต่นัดส่งท้ายอาชีพค้าแข้งของนักเตะเท้าซ้ายตำนาน กลับเลือกที่จะลงเล่นที่สนามเอ็นเอชเค สปริง มิตสึซาวะ ฟุตบอล สเตเดี้ยม ในเมืองโยโกฮาม่า
ชุนสุเกะ นากามูระ ได้กล่าวอำลาพร้อมบอกเหตุผลในการเลือกปิดฉากอาชีพค้าแข้งที่นี่ว่า "ตอนผมอยู่ชั้นประถม ผมจำได้ว่าผมมาลงเล่นรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลนักเรียนที่นี่ และมิตสึซาวะก็เปรียบดั่งบ้านสำหรับเด็ก ๆ นักเรียนเมืองคานากาวะด้วย สถานที่แห่งนี้ส่งให้ผมเติบโตไปเป็นนักเตะอาชีพในเจลีก พวกเราโชคดีมากที่เด็ก ๆ เมืองนี้มีทีมเจลีกอยู่ในจังหวัดของตัวเอง
สำหรับผมมันคือสนามที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก และเป็นสนามที่ผมชื่นชอบที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ ถามว่าทำไมต้องเป็นที่นี่ ก็มันโครตสุดไปเลยไงครับ มันทำให้เราได้ใกล้ชิดกับผู้ชมที่เข้ามา แถมยังมีหญ้าที่สวยงามอีกด้วย ผมรู้จักมันมาตั้งแต่ยังเป็นคอนกรีตอยู่เลยครับ ซึ่งมันก็นานมาก ๆ แล้ว"
ขณะเดียวกันแบรนด์กีฬาชื่อดังระดับโลก "อาดิดาส" ยังได้ทำกราฟฟิคเพื่อเป็นเกียรติให้ ชุนสุเกะ นากามูระ แข้งเท้าซ้ายผู้สร้างตำนาน ซึ่งข้อความบนกราฟฟิคที่ "อาดิดาส" ใช้เรียก ชุนสุเกะ นากามูระ ถือเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจมาก ๆ ด้วยการที่มีทุกประตูที่ "นากามูระ" ทำระหว่างสวมรองเท้าอาดิดาสนั่นเอง
นี่คือความสำเร็จของ ชุนสุเกะ นากามูระ ที่สร้างเอาไว้อย่างมากมายตลอดการเป็นพ่อค้าแข้ง และหลังจากนี้เส้นทางของเขาจะยังคงอยู่กับวงการฟุตบอลแน่นอน เพราะตอนนี้ "นากามูระ" ได้ไลเซนซ์โค้ชเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เชื่อว่าบุคคลทรงคุณค่ารายนี้ จะเป็นกำลังสำคัญสำหรับอนาคตวงการฟุตบอลญี่ปุ่นไม่มากก็น้อยแน่นอน
- กอล์ฟ เบนเทเก้ -