3 ธันวาคม 2566 กลายเป็นเกมสุดท้ายของการแข่งขันฟุตบอลเจลีก 1 ฤดูกาล 2023 ที่จัดการแข่งขันฟุตบอลลีกอาชีพอย่างเป็นทางการปีที่ 30 และเป็นงานเต้นรำครั้งสุดท้ายของตำนานทีมชาติญี่ปุ่น ที่ถูกยกให้เป็นตำนานนักเตะวงการลูกหนังแดนอาทิตย์อุทัยอย่างแท้จริงนั่นคือ ชินจิ โอโนะ
ดาวเตะวัย 44 ปี ที่สวมเสื้อเบอร์ 44 ลงสนามเป็นตัวจริงให้กับฮอกไกโด คอนซาโดเล่ ซัปโปโร เกมเปิดรังซัปโปโร โดม พบกับ อุราวะ เรดส์ ก่อนที่ "โอโนะ" จะถูกถอดออกในนาทีที่ 22 ของเกม และเป็น "เช็ค" สุภโชค สารชาติ ที่ถูกจารึกชื่อเป็นนักเตะคนสุดท้ายที่ได้แตะมือเปลี่ยนตัวกับตำนานแข้ง ชินจิ โอโนะ ในฐานะนักฟุตบอลอาชีพนั่นเอง
แน่นอนว่า ชินจิ โอโนะ ฝากความสำเร็จและเกิดเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้เล่นรุ่นใหม่อย่างมากมาย จะโบกมือลาอาชีพนักเตะอย่างเป็นทางการ และไม่น่าเชื่อเกมนัดอำลาเหมือนถูกเขียนบทไว้ เพราะ "โอโนะ" สวมยูนิฟอร์มทิ้งทวนอาชีพนักฟุตบอลกับฮอกไกโด คอนซาโดเล่ ซัปโปโร ดวลกับ อุราวะ เรดส์ ต้นสังกัดแรกในอาชีพนักฟุตบอล
สำหรับเรื่องราวของยอดตำนานวงการฟุตบอลญี่ปุ่น โดยชินจิ โอโนะ เกิดเมื่อวันที่ 27 กันยายน ปี 1979 ที่เมืองนุมะซุ จังหวะชิซูโอกะ ซึ่ง "โอโนะ" เกิดในครอบครัวที่ยากจน และเป็นลูกคนที่ 6 จากพี่น้องทั้งหมด 10 คน โอกาสที่จะเข้าร่วมทีมฟุตบอลจึงกลายเป็นเรื่องยากมากๆ เพราะภารกิจหลายอย่างในแต่ละวัน
แต่ด้วยความอัจฉริยะของฝีเท้า "โอโนะ" ที่แอบซ้อมฟุตบอลคนเดียว และโชคดีสุดๆ เมื่อผู้อำนวยการลูกหนังเยาวชนแห่งหนึ่งไปพบ "โอโนะ" จึงดึงเข้าสู่ระบบทันที พร้อมกับการได้ฝึกฟุตบอลแบบฟรีๆ เนื่องจากฐานะทางบ้านไม่ดีนัก
ก่อนที่ "โอโนะ" จะยกระดับฝีเท้าเข้าศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งชาติ โดยมีเพื่อนร่วมรุ่นอย่าง จุนอิจิ อินาโมโตะ อดีตดาวเตะที่ได้ไปค้าแข้งประเทศอังกฤษทั้ง อาร์เซน่อล, ฟูแล่ม, เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน และคาร์ดิฟฟ์ ซิตี้
กราฟลูกหนังหลังจากนั้นดูเหมือนว่า "โอโนะ" จะพุ่งแรงสุดๆ เมื่อพาทีมเยาวชน 16 ปี ญี่ปุ่นคว้าแชมป์เอเชีย และคว้ารองแชมป์โลกปี 1999 ในรุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี แม้ว่าจะเป็นนักเตะระดับเยาวชน แต่ฟอร์มการเล่นของ ชินจิ โอโนะ นั้นฝีเท้าเกินอายุจริงๆ
ในปี 1998/1999 ดูเหมือนว่าจะเป็นปีทองของแข้งหน้าใหม่แห่งวงการฟุตบอลญี่ปุ่น เพราะ "โอโนะ" พาทีมชาติญี่ปุ่น คว้าแชมป์เยาวชนเอเชียปี 1998, คว้ารางวัล MVP ทัวร์นาเมนต์เยาวชนเอเชียปี 1998, แข้งเยาวชนยอดเยี่ยมเอเชียปี 1998, พาทีมคว้ารองแชมป์โลก 17 ปี 1999 และติดทีมยอดเยี่ยม 17 ปี ชิงแชมป์โลก 1999
ด้วยฟอร์มการเล่นอันโดดเด่นเด่นส่งผลให้ ชินจิ โอโนะ ก้าวไปเล่นฟุตบอลอาชีพให้กับอุราวะ เรดส์ ตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 19 ปีเต็ม โดยในช่วงปี 1998 "โอโนะ" ลงเล่น 27 นัด ยิงไป 9 ประตู พร้อมกับคว้ารางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปี แถมยังติดทีมยอดเยี่ยมเจลีก ฤดูกาล 1998 ด้วย
แม้ว่า 4 ฤดูกาลแรกกับ “ปีศาจแดงแห่งเอเชีย” จะไม่สามารถพาทีมคว้าแชมป์ลีกได้ แต่ก็เป็นรอยต่อสำคัญในการออกเดินทางไปค้าแข้งยังทวีปยุโรป ด้วยการเซ็นสัญญากับทีมดังอย่าง เฟเยนูร์ด สโมสรในศึกเอเรอดีวีซี ฮอลแลนด์ และมีส่วนสำคัญในการพาทีมคว้าแชมป์ ยูฟ่า คัพ ฤดูกาล 2001/2002
โดยช่วงของการโลดแล่นให้ทีมดังแห่งลีกเนเธอร์แลนด์ ชินจิ โอโนะ เลือกสวมเสื้อหมายเลข 14 เนื่องจากเคยใส่เบอร์นี้สมัยเล่นให้กับเยาวชนทีมชาติญี่ปุ่น
จากจุดเริ่มต้นปี 1998 จนสิ้นสุดเกมสุดท้ายบนถนนฟุตบอลอาชีพในปี 2023 ชินจิ โอโนะ ผ่านการรับใช้สโมสรอาชีพถึง 7 สโมสร ประกอบไปด้วย อูราวะ เรด ไดมอนส์ ที่เป็นแชมป์เมเจอร์ทุกรายการทั้ง แชมป์เจลีก 2006, เอ็มเพอเรอร์ส คัพ 2006, ซูเปอร์ คัพ 2006, แชมป์เอเอฟซี แชมป์เปี้ยนส์ลีก 2007
เฟเยนูร์ด ในศึกเอเรอดีวีซี ฮอลแลนด์ พาทีมคว้าแชมป์ ยูฟ่า คัพ ฤดูกาล 2001/2002 นอกจากนั้นยังโลดแล่นที่ลีกเยอรมันกับโบคุ่ม รวมทั้งเวสเทิร์น ซิดนีย์ ในลีกออสเตรเลีย ก่อนกลับมาเล่นที่บ้านเกิดอีกครั้งกับ ชิมิสึ เอส-พัลส์, เอฟซี ริวกิว และกลับมาแขวนสตั๊คกับ ฮอกไกโด คอนซาเล่ ซัปโปโร ซึ่งตลอดเส้นทางฟุตบอลอาชีพ ชินจิ โอโนะ ลงเล่นไปทั้งหมด 596 นัด ยิงไป 90 ประตู 56 แอสซิสต์
โดยในช่วงที่ ชินจิ โอโนะ กลับมาเล่นฟุตบอลลีกอาชีพญี่ปุ่น ซึ่งเป็นช่วงที่นักเตะไทยต่างผลัดกันไปค้าแข้งกับฮอกไกโด คอนซาเล่ ซัปโปโร อีกด้วย ซึ่งทั้ง "เจ" ชนาธิป สรงกระสินธ์ และ "เช็ค" สุภโชค สารชาติ ต่างออกมาพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ชินจิ โอโนะ คือนักเตะมืออาชีพทั้งในและนอกสนามฝึกซ้อม
เขาปฏิบัติตัวเป็นต้นแบบให้กับทุกๆคนในทีม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของฝีเท้า และการแสดงออกในทุกๆสนาม พร้อมกับสิ่งสำคัญที่คอยให้คำแนะนำการเล่นฟุตบอลญี่ปุ่นให้กับทั้ง 2 นักเตะไทย
ขณะเดียวกันในการลงรับใช้ทีมชาติญี่ปุ่น ชินจิ โอโนะ ลงเล่นให้ทัพ "ซามูไรบลูส์" ครบทุกชุดตั้งแต่รุ่นอายุ 16 ปี จนถึงชุดใหญ่ ความสำเร็จที่สร้างให้กับทีมชาติญี่ปุ่นมามากมายทั้ง พาทีมเยาวชน 16 ปีคว้าแชมป์เอเชีย, รองแชมป์โลกรุ่น 17 ปี และพาทีมญี่ปุ่น ชุดใหญ่ คว้าแชมป์เอเชียนคัพปี 2000
และด้วยแรงขับเคลื่อนความอัจฉริยะฝีเท้าของแข้งตำนานญี่ปุ่นรายนี้ ชินจิ โอโนะ ยังกวาดรางวัลส่วนตัวมาอีกมากมาย ทั้งนักเตะยอดเยี่ยมเอเชียปี 2002, เยาวชนยอดเยี่ยมเอเชียปี 1998 เป็นต้น
จนบทสรุปสุดท้าย ชินจิ โอโนะ ได้กลายเป็นต้นแบบที่ดีของนักเตะญี่ปุ่นในรุ่นต่อๆมา
เรียกได้ว่าผลงานของและความสำเร็จที่ผ่านมา ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมชื่อของ ชินจิ โอโนะ ได้รับการยกย่องจากวงการฟุตบอลญี่ปุ่นอย่างล้นหลาม!
" กอล์ฟ เบนเทเก้ "