ยินดีด้วยกับบุ๊ค ที่เริ่มได้สัมผัสโอกาสในเจลีกสักที
- สภาพร่างกาย
บอลเจลีกในปัจจุบันที่จ้องจะสวนเร็ว, และแย่งบอลกลับมาให้ไวที่สุดตลอดเวลา ทำให้สิ่งที่ต้องเจอ คือจังหวะหายใจ, ความเข้มข้นของการรุกรับอยู่ตลอดครบ 90 นาที รวมไปถึงการพัฒนากล้ามเนื้อให้เหมาะสมกับสิ่งที่ต้องเพื่อป้องกันอาการบาดเจ็บ ส่วนนี้จากประสบการณ์ผมมีครึ่งปี
- การเข้าแท็กติก
อันนี้ผมขอเทียบจากเช็ค น้องชายผม และทีมผม
ด้วยการเล่นในรูปแบบแบบ All Court High Pressing เพรสซิ่งตลอดเวลา สิ่งที่ต้องตอบโจทย์ก่อนเบื้องต้นคือเรื่องของกำลังและกล้ามเนื้อ ในจุดที่ใช้จุดระเบิดจังหวะสปรินท์
เหมือนที่ผมบอกไปเบื้องต้น ส่วนของร่างกาย อาจจะต้องใช้เวลาถึงหกเดือนแล้วช่วงมาใหม่ น้องๆพวกนี้จะอยู่ในสภาพไหน
คิดถึงสภาพของคนที่เหนื่อยเกินลิมิต ความคล่องตัวจะช้าลง, สมองจะคิดช้าลง, ความแม่นยำก็จะช้าลง ดังนั้นช่วงแรกถือว่าเป็นช่วงที่สำคัญในการต่อสู้ว่าจะก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองไปได้ไหม ผมเคยบอกเช็คครั้งนึงในช่วงที่มาว่า จะเลือกแบบไหนไม่กล้าวิ่งใส่เพื่อนระหว่างซ้อมเพื่อให้ภาพในสนามซ้อมออกมาดูเราวิ่งใส่ตลอด หรือไม่วิ่งแล้วไม่ได้ลง
อาหารคือส่วนชดเชยร่างการที่คุ้มค่าและง่ายที่สุด กินให้ครบห้าหมู่สามมื้อ, กินให้พอกับกำลังที่ใช้ ก็เพียงพอ
- การใช้ชีวิตนอกสาม
ชีวิตพวกผมเหมือนกันทุกคน ซ้อมเช้า, นอนกลางวัน, ตื่นกินข้าวเย็น, สี่ห้าทุ่มนอนวนลูปทั้งปีแทบไม่ค่อยได้ไปไหน
กับชีวิตที่แตกต่างจากไทย ตื่นสาย, ซ้อมเย็น, นอนดึก ดังนั้นการจัดการตัวเองในแต่ละวันค่อนข้างสำคัญ กับเวลาที่เปลี่ยนไป ซึ่งก็ต้องใช้การปรับตัวสักระยะนึง เช็คก็จะเป็นคนนึงพยายามหาอะไรทำตอนนี้เริ่มสนุกกับการเป็นพ่อครัว เพื่อรัฃสรรค์อาหารที่เหมาะสมให้ตัวเองมื้อเย็น
- การสื่อสารทั้งในและนอกสนาม
เรื่องนี้นับว่าค่อนข้างใช้เวลาระดับนึง แต่อย่างเช็คตอนนี้ ใครด่าฟังรู้หมด
เรื่องภาษาช่วงแรกผมจะสอนนิดๆ หน่อยๆ คำที่ต้องใช้จริงๆ ในสนาม แล้ววันไหนได้ยินคำนี้ออกมาบ่อยๆ ในสนาม ก็จะถามว่าคำที่ตะโกนกันในสนามบ่อยๆ รู้ไหมว่า แปลว่าอะไรแล้วค่อยๆ สอนกันไป
เรื่องภาษาผมบอกเลยว่าต้องฟังแล้วสงสัย เพราะถ้าไม่สงสัยในสนามจริง ผมก็ไม่ได้อยู่ด้วย ดังนั้นเรื่องนี้ต้องให้ประสบการณ์จริงมันสอนกัน
ปีนี้ บุ๊คสอบผ่านจากมาตราฐานทุกอย่างที่ผมเขียนมาแล้ว จนมีโอกาส หวังว่าปีหน้าทั้งบุ๊คและเช็ค จะช่วยกลับไปพัฒนาทีมชาติ พร้อมกับพี่ๆ ที่เคยอยู่มา