อีกหนึ่งนักเตะสายเลือดซามูไร ที่ออกได้ไปผจญภัยสู่เส้นทางลูกหนังอาชีพนอกแผ่นดินประเทศญี่ปุ่นถึง 7 ปีเต็ม โชยะ นากาจิมะ ดาวเตะวัย 29 ปี ก็ได้ตัดสินใจหวนกลับสู่ลีกบ้านเกิดอีกครั้ง โดยโยกซบสโมสรอุราวะ เรดส์ ในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาล 2023
ด้วยประสบการณ์ และผลงานของเขาน่าสนใจเป็นอย่างมาก จึงขอท้าวความประวัติเป็นมาของ โชยะ นากาจิมะ สักเล็กน้อย เพราะกองกลางรายนี้จะเป็นพี่เลี้ยงให้กับ "เจ้าบุ๊ค" เอกนิษฐ์ ปัญญา แนวรุกคนใหม่ทีมชาติไทย ในถิ่นไซตามะ สเตเดี้ยม 2002 อย่างแน่นอน
โดย โชยะ นากาจิมะ เกิดเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม ปี 1994 ที่ฮาจิโอจิ เทศบาลนครแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ในส่วนตะวันตกของมหานครโตเกียว ก่อนจะเริ่มต้นเส้นทางลูกหนังอาชีพในวัยเพียง 10 ขวบ เข้าไปเป็นเด็กปั้นในอคาเดมี่ของสโมสรโตเกียว เวอร์ดี้ ตั้งแต่ปี 2004
จนกระทั่งปี 2012 "นากาจิมะ" ลงเล่นให้กับ โตเกียว เวอร์ดี้ ในชุด ยู-18 ปี ก่อนจะโชว์ฝีเท้าได้โดดเด่นจนก้าวขึ้นสู่ชุดใหญ่ และได้โอกาสเดบิวต์ในลีกฟุตบอลอาชีพนัดแรก ในศึกเจลีก 2 ฤดูกาล 2012 ในเกมที่ โตเกียว เวอร์ดี้ เปิดบ้านเสมอ อวิสป้า ฟูกุโอกะ 1-1 เมื่อวันที่ 14 กันยายน ปี 2012 และแค่เกมแรกเจ้าตัวได้แจ้งเกิดทันที เมื่อถูกส่งลงไปเป็นตัวสำรองในนาทีที่ 78 ใช้เวลาแค่ 5 นาทีที่อยู่ในสนาม ยิงประตูให้ทีมตีเสมอ 1-1 และจบเกมช่วยทีมแบ่งแต้มไปอย่างสุดมันส์
หลังจากนั้น "นากาจิมะ" กลายเป็นตัวหลักของโตเกียว เวอร์ดี้ เต็มตัว และรับใช้ทีมจนจบปี 2013 ฝากผลงาน 33 นัดทุกรายการ ทำไป 6 ประตู กับ 2 แอสซิสต์ ก่อนจะย้ายไปเล่นให้กับ คาเตอเลอร์ โตยามะ ทีมในลีกเดียวกันในปี 2014
อย่างไรก็ตาม "นากาจิมะ" เล่นให้กับ คาเตอเลอร์ โตยามะ เพียงแค่ 6 เดือน กับผลงานที่โดดเด่นดีวันดีคืน 30 นัดทุกรายการ ทำ 2 ประตู กับ 2 แอสซิสต์ จนทีมใหญ่อย่างเอฟซี โตเกียว มาดึงตัวไปร่วมทัพในปี 2014 ช่วงเลกสอง และทำให้ "นากาจิมะ" ก้าวขึ้นมาเล่นลีกสูงสุดของประเทศญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกทันที
กระทั่งหลังช่วงกลางฤดูกาล 2017 "นากาจิมะ" ที่ผลงานสุดร้อนแรงกับเอฟซี โตเกียว ตลอด 4 ปีลงไป 69 เกม ทำไป 14 ประตู กับ 10 แอสซิสต์ ทำให้ปอร์ติโมเนนเซ่ ทีมจากลีกสูงสุดแห่งโปรตุเกส ขอยืมตัวมาใช้งาน นับว่าเป็นการออกไปตะลุยเวทียุโรปครั้งแรกของ "นากาจิมะ" โดยปริยาย
แต่แล้วในปี 2019 ชื่อของ โชยะ นากาจิมะ กลายเป็นที่รู้จักของแฟนบอลทั่วทั้งเอเชีย เมื่อ อัล-ดูฮาอิล สโมสรชื่อดังในลีกกาตาร์ ประกาศคว้าตัว โชยะ นากาจิมะ ไปร่วมทีมอย่างเป็นทางการด้วยค่าตัว 35 ล้านยูโร ซึ่งทำให้ "นากาจิมะ" กลายเป็นนักเตะเอเชียค่าตัวแพงที่สุดในขณะนั้น แซงหน้า ซน ฮึง-มิน ที่ย้ายจาก ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ไป ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ด้วยค่าตัว 30 ล้านยูโร ในปี 2015
"นากาจิมะ" ลงเล่นให้กับ อัล-ดูฮาอิล ไปเพียง 5 เดือน หรือ 13 นัดทุกรายการ ยิงไป 2 ประตู ก็ถูกสโมสรปอร์โต้ ทีมยักษ์ใหญ่ของโปรตุเกส ดึงตัวเขากลับมาเล่นที่ลีกแดนฝอยทองอีกครั้ง และทำให้ "นากาจิมะ" เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยปอร์โต้ คว้าดับเบิ้ลแชมป์ในฤดูกาล 2019/2020 ทันที ตลอดจนในซีซั่นเดียวกัน "นากาจิมะ" ยังได้เล่นในเวทีฟุตบอลถ้วยของยุโรปอย่างศึกยูโรปา ลีก ถึง 4 นัดอีกด้วย
ความฝันของ "นากาจิมะ" เกิดขึ้นในฤดูกาล 2020/21 ปอร์โต้ ได้สิทธิ์เข้าไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม ซึ่งโคจรไปเจอกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตั้งแต่เกมนัดแรกของกลุ่ม ซี โดย "นากาจิมะ" เป็นตัวสำรองก่อนถูกส่งลงในนาทีที่ 77 แม้สุดท้ายทีมของเขาจะบุกไปแพ้ "เรือใบสีฟ้า" 1-3 ก็ตาม
ตลอดการค้าแข้งในลีกโปรตุเกสของ โชยะ นากาจิมะ ลงเล่นให้กับปอร์ติโมเนนเซ่ ไปทั้งหมด 72 นัดทุกรายการ ทำไป 17 ประตู กับ 23 แอสซิสต์ และเล่นให้กับปอร์โต้ ไปทั้งหมด 37 นัดทุกรายการ ยิงไป 1 ประตู กับ 4 แอสซิสต์ ถือเป็นนักเตะญี่ปุ่นอายุน้อยที่ที่น่าจับตามองในช่วงนั้นจริงๆ
ในช่วงปี 2021 "นากาจิมะ" เคยถูกสโมสรอัล ไอน์ ในลีกสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ยืมตัวมาใช้งานในช่วงสั้นๆ แต่ด้วยอาการบาดเจ็บเล่นงาน ทำให้ "นากาจิมะ" ต้องพักยาวถึง 8 เดือนเต็ม ก่อนกลับมาเล่นทิ้งทวนให้ปอร์ติโมเนนเซ่ ในลีกโปรตุเกส จนจบฤดูกาล 2021/22
ฤดูกาล 2022/23 ถือเป็นซีซั่นส่งท้ายในการค้าแข้งที่ยุโรป "นากาจิมะ" โยกไปค้าแข้งกับสโมสรอันตาลยาสปอร์ ทีมในลีกสูงสุดของตุรเคีย และฝากผลงานลงสนามไป 15 นัด ทำประตูไม่ได้ ก่อนจะตัดสินใจกลับมาเล่นที่บ้านเกิดอีกครั้ง และเลือกซบสโมสรอุราวะ เรดส์ เจ้าของแชมป์เอเชียครั้งล่าสุดนั่นเอง
ส่วนผลงานการเล่นทีมชาติญี่ปุ่น โชยะ นากาจิมะ ติดทีมชาติตั้งแต่ชุด ยู-17 ปี, ยู-19 ปี, ยู-21 ปี, ยู-23 ปี และอยู่ในชุดลุยศึกฟุตบอลโอลิมปิก เกมส์ ปี 2016 ที่ประเทศบราซิล ซึ่งมีกุนซืออย่าง มาโกโตะ เทกุระโมริ เฮดโค้ชชลบุรี เอฟซี คนปัจจุบันคุมทัพอยู่ โดย "นากาจิมะ" ลงเล่นไปครบทั้ง 3 นัดในรอบแบ่งกลุ่ม ทำไป 1 ประตู
โดย "นากาจิมะ" ก้าวขึ้นสู่ทีมชาติญี่ปุ่น ชุดใหญ่ ในปี 2018 ที่มี วาฮิด ฮาลิลฮ็อดซิช กุนซือชาวบอสเนีย คุมทัพอยู่ในขณะนั้น โดยเจ้าตัวลงเล่นให้กับ "ซามูไรบลูส์" ชุดใหญ่ ไปทั้งหมด 12 นัด ยิงไป 3 ประตู กับ 2 แอสซิสต์
เรียกได้ว่าด้วยประสบการณ์ผ่านร้อนผ่านหนาวของ โชยะ นากาจิมะ ดาวเตะสารพัดประโยชน์วัย 29 ปี ที่เล่นได้ทั้งกองกลาง ปีกซ้าย และปีกขวา จะเข้ามาช่วยเติมเต็มและยกระดับผลงานของทัพ "ปีศาจแดงแห่งเอเชีย" ได้เป็นอย่างดีทีเดียว
กับภารกิจในปี 2023 ของสโมสรอุราวะ เรดส์ ที่ลุ้นล่าแชมป์สองถ้วยทั้ง เจลีก ที่ยังเกาะกลุ่มบนของตาราง ตลอดจนฟุตบอลถ้วยลูวาน คัพ ที่อยู่ในเส้นทางรอบ 8 ทีมสุดท้าย รวมไปถึงฟุตบอลเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก 2023/24 อีกด้วย เชื่อว่านอกเหนือจากการเชียร์ เอกนิษฐ์ ปัญญา แล้ว แฟนฟุตบอลชาวไทยคงจะได้รู้จัก โชยะ นากาจิมะ มากขึ้นกว่าเดิมผ่านการถ่ายทอดสดแน่นอน
"กอล์ฟ เบนเทเก้"