ช่วงที่ผ่านมาถือเป็นข่าวใหญ่ของวงการฟุตบอลเจลีก ประเทศญี่ปุ่น หลังจากดาวเตะซูเปอร์สตาร์ อันเดรส อิเนียสต้า ออกมาประกาศอำลาการค้าแข้งกับสโมสรวิสเซล โกเบ เป็นที่เรียบร้อย หลังอยู่รับใช้ต้นสังกัดมาตั้งแต่ช่วงเลกที่สอง ศึกเจลีก เมื่อปี 2018
อดีตยอดตำนานของ บาร์เซโลน่า สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกลาลีก้า สเปน ย้ายข้ามทวีปมาเล่นกับวิสเซล โกเบ ไปทั้งหมด 5 ฤดูกาล สร้างความมหัศจรรย์บนแดนอาทิตย์อุทัยไปแล้ว 133 นัด ทำไป 26 ประตู กับ 25 แอสซิสต์ รวมถึงเข้ายังเป็นนักเตะที่ได้รับค่าเหนื่อยต่อปี มากที่สุดในเจลีก ถึงปีละ 950 ล้านบาทเลยทีเดียว
โดย "อิเนียสต้า" บนวัย 39 ปี จะลงเล่นเกมสุดท้ายให้กับวิสเซล โกเบ ในศึกเจลีก 2023 นัดที่ 19 ของฤดูกาล ต่อหน้าแฟนบอลของตัวเองในเกมพบกับ ฮอกไกโด คอนซาโดเล่ ซัปโปโร ทีมของ "เช็ค" สุภโชค สารชาติ ยอดนักเตะทีมชาติไทย ในวันเสาร์ที่ 1 กรกฏาคมนี้
"อิเนียสต้า" เปิดใจทั้งน้ำตาว่า ลึกๆเขายังอยากเล่นในสนามแห่งนี้ต่อไป แต่ก็ขอบคุณสโมสรวิสเซล โกเบ อีกครั้งที่เคารพในการตัดสินใจ และขอบคุณทุกคนที่ให้เกียรติตัวเขาเองเสมอมา และขอให้สโมสรโชคดี และประสบความสำเร็จในอนาคต
ตลอดช่วงเวลาที่ อิเนียสต้าเล่นให้กับวิสเซล โกเบ เขาสามารถช่วยยกระดับวงการฟุตบอลเจลีก ให้เป็นที่รู้จักของแฟนบอลทั่วโลกมากยิ่งขึ้น ร่วมกับเหล่าแข้งเวิลด์คลาส ที่ย้ายมาค้าแข้งกับทีมมหาเศรษฐีแห่งศึกเจลีก
ไม่ว่าจะเป็น ลูคัส โพดอลสกี้ อดีตดาวยิงปืนใหญ่ อาร์เซน่อล, ดาบิด บีย่า ตำนานดาวยิงทีมชาติสเปน หรือแม้แต่ "อุ้ม" ธีราทร บุญมาทัน ที่ย้ายมาร่วมทีมแบบยืมตัวเมื่อปี 2018 ก็เคยเล่นร่วมกับ "อิเนียสต้า" มาแล้ว
เท่านั้นไม่พอยอดทีมจากภูมิภาคคันไซ ยังเคยจารึกประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของเจลีก หลังกลายเป็นสโมสรแรกที่ฟันกำไรมากกว่า 1 หมื่นล้านเยน จากผลประกอบการใน 1 ปี โดยเกิดขึ้นเมื่อปี 2019 นับไปจนถึงวันที่ 30 มีนาคม ปี 2020 โกเบทำกำไรสูงถึง 1.144 หมื่นล้านเยน หรือตีเป็นเงินไทยราวกว่า 3 พันล้านบาท
แน่นอนว่าปัจจัยสำคัญที่ทำให้รายได้ของวิสเซล โกเบ เติบโตมากถึงเพียงนี้ คงหนีไม่พ้นการย้ายมาของ อันเดรส อิเนียสต้า ยอดมิดฟิลด์ชาวสเปนในปี 2018 นั่นเอง และหลังจากนั้นก็ดึงดูดนักฟุตบอลระดับโลกมาค้าแข้งเพิ่มอีกทั้ง โทมัส แฟร์มาเล่น, แซร์จี้ ซัมเปร์ รวมไปถึงโบยัน กีร์กิช อีกด้วย
แม้ว่าหลังจากนี้ "อิเนียสต้า" จะประกาศอำลาทีมวิสเซล โกเบ แต่เขายังไม่หมดไฟในการค้าแข้ง และจะยังคงเล่นฟุตบอลอาชีพต่อไป จึงมีหลายทีมจากหลายชาติให้ความสนใจไม่ว่าจะเป็น อินเตอร์ ไมอามี่ สโมสรในศึกเมเจอร์ลีก ซ็อคเกอร์ สหรัฐฯ ที่มี "เดวิด เบ็คแฮม" เป็นเจ้าของทีม
หรือแม้แต่สโมสรเอสพาโนล่า ในชิลี, อัล ฮิลาล จากซาอุดิอาระเบีย และยังมีสโมสรในประเทศกาตาร์ที่ให้ความสนใจแข้งจอมเก๋าวัย 39 ปี ที่พร้อมทุ่มค่าเหนื่อยมหาศาลดึงตัวไปร่วมทีมด้วยเช่นกัน ... เพราะฉะนั้นข่าวลือมาไทยลีก (สื่อไทยปั่นกันเอง) แทบเป็นไปไม่ได้แน่นอน
ช่วงที่ผ่านมาถึงแม้ว่าวิสเซล โกเบ จะเสริมดาวเตะระดับโลกมาอย่างมากมาย แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จมากนัก เพราะนับตั้งแต่ปี 2018 ที่มี "อิเนียสต้า" ย้ายเข้ามาร่วมทีมวิสเซล โกเบ สามารถคว้าแชมป์ไปได้เพียง 2 รายการ คือฟุตบอลถ้วยเอ็มเพอเรอร์ส คัพ เมื่อปี 2019 และฟูจิฟิลม์ ซูเปอร์คัพ ในปี 2020
ส่วนผลงานในเจลีกจบอันดับดีที่สุดคืออันดับ 3 ในปี 2021 ซึ่งยังรอคอยโอกาสคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของญี่ปุ่นเป็นประวัติศาสตร์ของสโมสรอยู่ โดยเฉพาะในปี 2023 ที่กำลังแข่งขันอยู่ตอนนี้ ผลงานถือว่ากำลังไปได้สวยยึดหัวตารางอย่างเหนียวแน่น อยู่ที่ว่าจะยืนระยะได้จบจบฤดูกาลหรือไม่นั่นเอง
อย่างไรก็ตาม วิสเซล โกเบ ได้เปลี่ยนแผนการทำทีมใหม่ในช่วงปีสุดท้ายของ "อิเนียสต้า" โดยเริ่มจากการลดการนำเข้านักเตะซูเปอร์สตาร์ระดับโลกมาร่วมทีม และเน้นไปที่ผู้เล่นที่มีศักยภาพเข้ากับระบการเล่นของ "ทาคายูกิ โยชิดะ" กุนซือใหญ่ของทีมมากกว่า
หากใครได้ชมการถ่ายทอดสดทางยูทูบ Siamsport จะเห็นเลยว่าวิสเซล โกเบ ในเวอร์ชั่นปี 2023 เริ่มกลับมายึดนักเตะญี่ปุ่นเป็นหลัก อีกทั้งตอนนี้แผงเกมรุกในแดนหน้ากำลังผสมผสานได้อย่างลงตัวทั้ง โยชิโนริ มูโตะ, โคยะ ยูรูกิ และยูยะ โอซาโกะ ที่ถือเป็น 3 ประสานพลังทำลายล้าง ณ เวลานี้ โดยไม่ต้องพึ่งผู้เล่นต่างชาติเหมือนกับในอดีตที่ผ่านมา
จากนี้ชื่อของ อันเดรส อิเนียสต้า กองกลางดีกรีแชมป์ฟุตบอลโลก ปี 2010 กับทีมชาติสเปน คงจะเป็นที่จดจำให้กับแฟนบอลโกเบ ถึงตัวเขาจะไม่ได้เล่นที่สโมสรแห่งนี้แล้วก็ตาม แต่ "อิเนียสต้า" จะเป็นนักเตะในตำนานของวงการฟุตบอลญี่ปุ่น และสโมสรวิสเซล โกเบไปอีกนานแสนนาน อย่างแน่นอน
" กอล์ฟ เบนเทเก้ "