คาวาซากิ ฟรอนตาเล่ ที่กำลังเดินหน้าฝึกซ้อมอย่างหนักหน่วงในช่วงปรีซีซั่น เพราะศึกลูกหนังลีกสูงสุดของประเทศญี่ปุ่น เหลือเวลาอีกไม่ถึง 1 เดือน ก็จะเริ่มเปิดฉากบรรเลงเพลงแข้งฤดูกาลใหม่ 2023 กันแล้ว
รองแชมป์เก่าซีซั่นล่าสุด เสริมทัพนักเตะใหม่เข้ามาสู่ทีมถึง 8 ราย อาทิ นาโอโตะ คามิฟูกูโมโตะ, ยูสุเกะ เซกาวะ, ชิน ยามะดะ, ทาคุมะ โอมินามิ, โทยะ เมียวงัน, ยูโตะ โอเซกิ, โกตะ ทากาอิ และยูโตะ มัตสึนางาเนะ เพื่อหวังเติมความแข็งแกร่งทวงบัลลังก์แชมป์กลับคืนมา
ขณะเดียวกันในปี 2023 จะเป็นฤดูกาลแห่งความท้าทายของ "เจ" ชนาธิป สรงกระสินธ์ เพลย์เมกเกอร์ชาวไทย หลังได้ย้ายเข้ามาผจญภัยในถิ่นคาวาซากิ โทโดโรกิ สเตเดี้ยม เป็นซีซั่นที่ 2
ปีแรกกับ "โลมามหากาฬ" ดาวเตะวัย 29 ปี ได้โอกาสลงสนามในลีกเพียงแค่ 16 นัด 956 นาที และทำไป 2 แอสซิสต์ โดยยังปลดล็อกยิงประตูแรกในลีกให้ทีมไม่ได้เลย และด้วยปัญหาอาการบาดเจ็บที่รบกวนมาโดยตลอด จึงส่งผลให้ฟอร์มการเล่นดร็อปลงไป
อีกปัจจัยหนึ่งคือการปรับตัวให้เข้ากับระบบการเล่นของ "โทรุ โอนิกิ" กุนซือใหญ่ของทีม ที่ยังมีปัญหาให้เห็นกันอยู่ ด้วยรูปแบบที่เปลี่ยนแปลงต่างจากต้นสังกัดเดิมอย่างฮอกไกโด คอนซาโดเล่ ซัปโปโร ทำให้ฤดูกาลแรกกับฟรอนตาเล่เป็นปีแห่งการปรับตัวโดยปริยาย
อย่างไรก็ตามในปีที่สองของ "ชนาคุง" ที่ถูกคาดหวังว่าจะต้องดีกว่าปีที่แล้ว แถมก่อนหน้านี้ได้พักร่างกายแบบเต็มสูบ ไม่ได้ไปรับใช้ทีมชาติไทย ลุยศึกชิงแชมป์อาเซียน 2022 ที่ผ่านมา น่าจะช่วยให้สภาพร่างกายและความฟิตดีขึ้นกว่าปีก่อนอย่างแน่นอน
คราวนี้ก็อยู่ที่ว่าในช่วงระหว่างการฝึกซ้อมปรีซีซั่นกับทีม การฝึกซ้อมของ "ชนาคุง" เป็นอย่างไรบ้าง ความเข้าใจระบบ แท็กติกต่างๆจากโค้ช และร่างกายแข็งแกร่งมากขึ้นหรือไม่ ช่วงเปิดฤดูกาล 2023 ไปแล้วจะเป็นคำตอบอย่างดีว่าเขาปรับตัวได้หรือยัง
อีกหนึ่งสิ่งที่แฟนบอลชาวไทยอยากเห็นคงหนีไม่พ้นการเห็น "เจ" ก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักของทีม จุดนี้เป็นอีกเรื่องที่เขาต้องพิสูจน์ให้ "โค้ชโอนิกิ" ได้เห็นในช่วงระหว่างฝึกซ้อม แน่นอนถ้าดีพอ หรือเข้าขั้นในระดับที่ดีมากๆ ตำแหน่งตัวจริงของดาวเตะชาวไทยคงไม่หนีไม่ไหนเป็นแน่
เจ้าของแชมป์ลีกสูงสุดแดนอาทิตย์อุทัย 4 สมัยในปี 2017, 2018, 2020, 2021 ที่ต้องการทวงแชมป์คืนมา และหากปีนี้ทำสำเร็จ นอกจากจะเป็นแชมป์สมัยที่ 5 แล้ว ยังทำให้ "ชนาคุง" จะจารึกชื่อเป็นแข้งสายเลือดสยามคนที่สอง ต่อจาก "อุ้ม" ธีราทร บุญมาทัน ที่สร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์เจลีกได้สำเร็จอีกด้วย
โปรแกรม 5 นัดช่วงต้นซีซั่น 2023 ของฟรอนตาเล่ ถือว่าไม่ง่าย และ ไม่ยากนัก เปิดหัววันที่ 17 ก.พ.66 เปิดรังดวลกับแชมป์เก่า โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส ต่อด้วยวันที่ 25 ก.พ.66 บุกเยือน คาชิม่า แอนท์เลอร์ส จากนั้นกลับมาเล่นในรังวันที่ 4 มี.ค.66 รับมือ โชนัน เบลล์มาเร่
ในเกมนัดที่ 4 วันที่ 11 มี.ค.66 มีคิวบุกเยือนทีมน้องใหม่อย่าง อัลบิเร็กซ์ นิงาตะ ก่อนจะปิดจ็อบนัดที่ 5 วันที่ 18 มี.ค.66 เปิดบ้านดวลกับ เซเรโซ่ โอซาก้า และเข้าสู่ช่วงฟีฟ่าเดย์ระหว่างวันที่ 20-28 มี.ค.66 ตามลำดับ
งานนี้แฟนบอลชาวไทย อย่าลืมส่งแรงใจ แรงเชียร์ เอาใจช่วยให้ "ชนาคุง" รักษาสภาพร่างกาย ไร้การบาดเจ็บอีก และก้าวขึ้นสู่ตัวหลักแห่งทัพ "โลมามหากาฬ" ให้ได้ในฤดูกาล 2023 ที่กำลังจะมาถึง !
" กอล์ฟ เบนเทเก้ "