ลิเวอร์พูล จ่าฝูง พรีเมียร์ลีก ไม่พลาดกำชัยเกม แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ ลีก เฟส หกนัดรวดจ่อลอยลำเข้ารอบน็อกเอาต์ 16 ทีมสุดท้ายเต็มทีแม้จะเหลือโปรแกรมอีกสองนัดเมื่อบุกไปเฉือนชนะ จีโรน่า 1-0 จากการสังหารลูกโทษของ โม ซาลาห์ ในการฟาดแข้งเมื่อวันอังคารที่ 10 ธ.ค.ทำสถิติชนะรวด 100% ได้อย่างยอดเยี่ยม
1. ฟาน เดอ เบค นำทัพ จีโรน่า
จีโรน่า ภายใต้การคุมทีมของ มิเชล มีอดีตดาวเตะของ พรีเมียร์ลีก อยู่ในสังกัดหลายรายนำโดย ดอนนี่ ฟาน เดอ เบค อดีตกองกลางทีม แมนฯ ยูไนเต็ด
นอกจากนี้ ทีมลูกหนังของ ลา ลีกา มี ออริโอล โรเมอู อดีตขุนพลทีม เซาธ์แฮมป์ตัน ร่วมคุมเกมในแดนกลางเช่นกัน รวมทั้ง ดาลีย์ บลินด์ อดีตกองหลัง ผีแดง
เท่านั้นไม่พอ เจ้าบ้านส่ง อาร์เนาต์ ดันจูม่า อดีตกองหน้าที่เคยเล่นให้ เอฟเวอร์ตัน แบบยืมตัวลงเล่นเป็นตัวจริงด้วยเช่นเดียวกับ เปาโล กาซซานิก้า อดีตผู้รักษาประตูทีม สเปอร์ส
2. อลิสซง มือหนึ่งตัวจริง
อาร์เน่อ สล็อต ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล แสดงความชัดเจนอย่างที่พูดว่า อลิสซง เบ็คเกอร์ คือนายทวารมือหนึ่งของทีมด้วยการส่งมือกาวทีมชาติ บราซิล กลับมาเฝ้าเสาทันทีที่เขาฟิตสมบูรณ์
หลังร้างสนามไปนานเกินกว่าสองเดือนเนื่องจากบาดเจ็บกล้ามเนื้อต้นขาด้านหลังจากเกมบุกชนะ คริสตัล พาเลซ 1-0 เมื่อวันที่ 5 ต.ค. อลิสซง ได้ลงเล่นเป็นเกมแรกหลังหายหน้าไปนาน 11 นัด
อย่างไรก็ดี หงส์แดง ขาด อบราฮิม่า โกนาเต้ ที่บาดเจ็บส่งผลให้ โจ โกเมซ ได้เสียบแทน ขณะที่ โดมินิค โซโบซไล ออกสตาร์ตแทน อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ที่ติดโทษแบน
นอกจากนี้ในแผงรุก สล็อต เลือกใช้งาน หลุยส์ ดิอาซ ก่อนหน้า โคดี้ กัคโป ขณะที่ ไรอัน กราเฟนแบร์ก กองกลางดัตช์ลงเล่นครบทุกเกมในถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก ซีซั่นนี้
เทียบจากเกม พรีเมียร์ลีก นัดออกไปเสมอกับ นิวคาสเซิ่ล 3-3 ทีมเยือนปรับทัพสามรายโดยนอกจาก อลิสซง ที่เขี่ย ควีวิน เคลเลเฮอร์ หล่นไปรับบทตัวสำรองแล้ว เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ แย่งตำแหน่งคืนมาจาก จาเรลล์ ควานซาห์ ขณะที่ โซโบซไล แทนที่ แม็ค อัลลิสเตอร์
3. พ่อหมีงานชุก
กลับมาเฝ้าเสาให้ ลิเวอร์พูล เป็นเกมแรกหลังฟิตเปรี๊ยะ อลิสซง ก็เจองานงอกทันทีเมื่อต้องโชว์ฝีมือเซฟลูกอันตรายให้ เร้ด แมชีน ตลอดครึ่งแรกซึ่งเป็นเหตุผลที่บ่งบอกว่าทำไม สล็อต จึงเชื่อมั่นในตัวเขามากกว่า เคลเลเฮอร์ แม้นายด่านตาข่ายทีมชาติ ไอร์แลนด์ จะทำหน้าที่ได้ดีมาโดยตลอดในฐานะมือหนึ่งขัดตาทัพ
ตลอด 45 นาทีแรกที่สนาม เอสตาดี้ มอนติลิวี่ ซึ่งทั้งสองทีมเสมอกันไปแบบไร้สกอร์ทั้งๆที่ต่างก็น่าจะสอยตาข่ายกันได้หลายเม็ด ผู้รักษาประตูจากเมืองกาแฟปฏิเสธโอกาสได้ประตูของเจ้าบ้านได้อย่างยอดเยี่ยม และเป็นครั้งแรกที่เขาต้องเซฟประตูถึงสี่หนในเกมรอบแบ่งกลุ่มของถ้วยหูใหญ่นับตั้งแต่เดือนก.ย.2022 แมตช์ปะทะกับ นาโปลี (สี่เซฟเช่นกัน)
ขณะเดียวกัน ลิเวอร์พูล โดนคู่แข่งส่งบอลเข้ากรอบมากที่สุดช่วงครึ่งแรกของเกม แชมเปี้ยนส์ลีก ซีซั่นนี้ด้วยแทนที่เกมบู๊กับ แอร์เบ ไลป์ซิก ที่ทีมจาก แอนฟิลด์ โดนส่องยิงตรงกรอบในครึ่งแรกมากถึงสามหนซึ่งไม่ใช่สถิติที่น่าปลื้มแม้แต่น้อย
จบครึ่งแรกแม้ทีมเยือนจะครองบอลเหนือกว่าบานเบอะ 61.30%:38.70% แต่ จีโรน่า ยิงบอลเข้ากรอบได้มากกว่า 4 จาก 8 ครั้ง ขณะที่ทีมจากเมืองผู้ดีได้เข่น 9 ครั้งเข้ากรอบ 3 ครั้ง
4.วีเออาร์พาหงส์เฮ
ออกสตาร์ตครึ่งหลังได้ไม่ถึงนาทีดี อลิสซง ต้องงัดฟอร์มหนึบออกมาปัดลูกยิงของ ดันจูม่า อีกหนช่วยรักษาสกอร์เสมอ 0-0 ให้ทีมเยือนเอาไว้ได้
และแล้วในนาทีที่ 63 ผู้ตัดสินก็ออกไปเช็กวีเออาร์ก่อนมอบลูกโทษให้ ลิเวอร์พูล ในจังหวะที่ ฟาน เดอ เบค ทำฟาวล์ ดิอาซ ซึ่งแน่นอนว่า โม ซาลาห์ ไม่พลาดอยู่แล้ว และทำให้ทีมเยือนนำหน้า 1-0 กระทั่งเป็นประตูชัยของทีมในท้ายที่สุด
ถึงตอนนี้ บังโม สังหารลูกโทษในเกม แชมเปี้ยนส์ลีก ได้ 6 ประตูแล้วจากโอกาส 8 ครั้งพร้อมทั้งเพิ่มผลงานคลำเป้าให้ เร้ด แมชีน เป็น 227 ประตูตามหลัง บิลลี่ ลิดเดลล์ แค่ประตูเดียวเท่านั้นเมื่อนับรวมทุกรายการ
เอียน รัช 346 ประตู 660 นัด
โรเจอร์ ฮันท์ 285 ประตู 492 นัด
กอร์ดอน ฮ็อดจ์สัน 241 ประตู 377 นัด
บิลลี่ ลิดเดลล์ 228 ประตู 534 นัด
โม ซาลาห์ 227 ประตู 371 นัด
สตีเว่น เจอร์ราร์ด 186 ประตู 710 นัด
ขณะเดียวกัน สตาร์ทีมชาติ อียิปต์ มีส่วนร่วมกับประตูในทุกรายการมากกว่านักเตะทุกรายในห้าลีกใหญ่ของยุโรปซีซั่นนี้ด้วย (28 ประตู ,ยิง 16 จ่าย 12)
จากการสังหารลูกโทษในเกมนี้ได้ทำให้ บังโม สอยตาข่ายในเกม แชมเปี้ยนส์ลีก ให้ ลิเวอร์พูล จากจุด 12 หลาได้มากที่สุดเท่ากับ สตีเว่น เจอร์ราร์ด (6ประตู) อีกทั้งทีมจากเมอร์ซีย์ไซด์เพิ่มผลงานชนะเกม แชมเปี้ยนส์ลีก เป็น 34 จาก 38 นัดหากว่าดาวเตะไอยคุปต์พังประตูได้
5. เคลเลเฮอร์ ต้องย้าย
หลังเห็นฟอร์มของ อลิสซง ในเกมแรกหลังหายเจ็บ มันชัดเจนว่า เคลเลเฮอร์ ต้องย้ายออกจาก แอนฟิลด์ ไม่ช่วงปีใหม่ก็ต้องช่วงซัมเมอร์หากเขาหวังได้เฝ้าเสาอย่างถาวรอย่างที่เจ้าตัวปรารถนาแม้สโมสรจะไม่ต้องการเสียเขาไปก็ตาม
ในวัย 26 ปี ผู้รักษาประตูไอริชเปิดปากมาหลายหนว่าต้องการลงเล่นอย่างสม่ำเสมอ และหวังย้ายทีมหลายหนแล้วจนในที่สุดมันแจ่มแจ้งแดงแจ๋ว่าเขาจำเป็นต้องครุ่นคิดถึงอนาคตของตัวเองอีกรอบหลังส่อแววเสียตำแหน่งอย่างถาวรให้กับ อลิสซง
ทั้งนี้เพราะหากเด็กปั้นของ ลิเวอร์พูล ยังไม่อำลาทีม เขาจะลำบากหนักขึ้นในซีซั่นหน้าเนื่องจาก จอร์จี้ มามาร์ดาชวิลี่ จะย้ายมาจาก บาเลนเซีย และมีแววว่า เคลเลเฮอร์ อาจหล่นไปเป็นตัวเลือกลำดับสามรองจากผู้รักษาประตูทีมชาติ จอร์เจีย ของสโมสร บาเลนเซีย
ไม่เพียง เคลเลเฮอร์ ที่ต้องเปลี่ยนสีเสื้อเพื่ออนาคต ดาร์วิน นูนเญซ ก็น่าจะต้องพิจารณาตัวเองเช่นกันแม้เชื่อแน่ว่า สล็อต ไม่คิดโละเขาทิ้งด้วยต้องการเก็บเอาไว้เป็นอะไหล่ แต่ในเมื่อกองหน้าทีมชาติ อุรุกวัย ยังใช้โอกาสเปลืองไม่เลิก มันจึงไม่มีทางแน่นอนที่เขาจะคว้าตำแหน่ง 11 คนแรกในทีมอย่างถาวรเนื่องจากฟอร์มขี้เหร่กว่าใครในแผงรุกของทีม