เมื่อคืน...ผมเลือกดูเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ระหว่าง เรอัล มาดริด กับ ดอร์ทมุนด์ ด้วยหลายเหตุผล แล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆ ที่เลือกดูคู่นี้ที่มีอัตราความสะเด่าเต็มระบบ
1. ทีมชุดขาวเริ่มเกมเหมือนคนเพิ่งตื่นนอนพร้อมอาการ แฮง โอเวอร์ อิน เดอะ หม้อนิ่ง ด้วยการเล่นแบบเฉื่อยๆ ไม่บีบ ไม่บด และไม่บี้
ประมาณว่า...กูเหนือ
เกมรุกติดๆ ขัดๆ เกมรับก็พลาดกันง่ายๆ ว่าแล้วถูกผู้มาเยือนกดไป 2 ดอก !!
2. เท่านั้นแหละเหมือนถูกเอาน้ำเย็นๆ สาดใส่หน้าแล้วจับหัวโขกกำแพงทะลุจนตื่นจากภวังค์
ครึ่งหลังจึงกลายเป็นหนังคนละม้วน เมื่อเจ้าของสนาม เบร์นาเบว เหมือนกินพริก 'มิคกี้เม้าส์ ชิต' มาคนละ 300 เม็ดจนพ่นไฟโลกันตร์ออกมาทางรูทวารหนัก แล้วเร่งเกมโหมบุกกระหน่ำแบบพายุอุกาบาตถล่มหัวหมา
ขณะที่ นูริ ซาฮีน กุนซือ 'เสือเหลือง' เลือกที่จะปรับมาเล่นเกมรับชนิดเต็มรูปแบบ โดยหารู้ไม่ว่านั่นคือการเคาะประตูเรียกยมบาล
หลังจากตีไข่แตกได้สำเร็จ 'แชมป์เก่า' ก็หยุดไม่อยู่ แล้วกะซวกทีละดอก ดอกแรกผ่านไป ดอกสอง ดอกสามค่อยๆ ผ่านไป ก่อนพลิกกลับมาชนะด้วยสกอร์ 5-2
3. ช่วงพักครึ่ง ผมว่า คาร์โล อันเชล๊อตติ อาจไม่ได้แก้เกมอะไรด้วยซ้ำ
นอกจากแจ้งลูกทีมด้วยเสียงออดอ้อนของ 'พี่แช่' ว่า...
"ใครไม่วิ่ง...กูจะเอาซิก้าที่กูดูดยัดตูดนะครับนะ"
เพราะฝีเท้าเหนือกว่าอยู่แล้ว เพียงแค่แสดงความกระตือรอร้นออกมา มันก็จบ
4. ฟอร์มการเล่นของ วินิ เจอาร์ ที่ผู้ชมทางบ้านอย่างผมเห็น ต้องใช้คำว่า...'เหนือดุจเทวดา'
กระชาก/ลาก/เลื้อย แล้วหั่นคู่แข่งเป็นชิ้นๆ ก่อนกระหน่ำแฮตทริคแบบเหี้ยมโหด
ถ้าเขาได้ 'บัลลงดอร์' ประจำปีนี้ก็ถือว่าเหมาะสม
5. เพิ่งได้ดูท่านประธาน ส. เอ๊ย ท่านประธานเป้ในเครื่องแบบชุดขาวครั้งแรก แม้จะยิงประตูไม่ได้ แต่ก็โอเคย์นะคะ
ฟอร์มของ 'ไอ้จู๊ด' ดูจะดร็อปๆ ลงไปตามที่ชาวบ้านเขาลือกันจริงๆ กระนั้นก็ไม่ถึงกับแย่อะไร
ส่วนปราการหลังอย่าง อันโตนิโอ รือดิเกอร์ แม่งโคตรบ้าคลั่ง
เรียนตามตรงอยากให้เจอจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกเร็วๆ ว่ะ
"บอ.บู๋"