ถือเป็นเกมที่สนุกและมีดราม่าระดับ 5 ดาวเลยทีเดียวสำหรับศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดสองที่สนาม ซานติอาโก้ เบร์นาเบว ก่อนที่สุดท้าย เรอัล มาดริด จะเอาชนะ บาเยิร์น มิวนิค ไปได้ 2-1 พร้อมกับทำให้พวกเขาชนะไปด้วยสกอร์รวม 4-3
ผลการแข่งขันที่ออกมาทำให้ เรอัล มาดริด ได้เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศของศึก ยูโรเปี้ยน คัพ/ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นครั้งที่ 18 เข้าไปแล้ว แต่นอกจากเรื่องนั้นก็ยังมีเกร็ดด้านอื่นๆ ที่ถือว่าน่าสนใจพอๆ กันด้วย
- ตัวแสบของ บาเยิร์น
ความพ่ายแพ้ครั้งนี้ทำให้เท่ากับว่า บาเยิร์น ปราชัยต่อ เรอัล มาดริด ในเกมระดับ แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นนัดที่ 11 เข้าไปแล้ว ซึ่งนี่ถือเป็นสถิติที่ทีมใดทีมหนึ่งปราชัยต่ออีกทีมเยอะที่สุดในประวัติศาสตร์ของรายการนี้เลยทีเดียว
- ไม่ท้อ
พักหลังนี้หลายคนชอบพูดกันว่า เรอัล มาดริด เป็นทีมที่ไม่ยอมใครง่ายๆ และตัวเลขมันก็สื่อถึงเรื่องนั้นจริงๆ เพราะซีซั่นนี้พวกเขาเอาชนะเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดที่ตัวเองเสียประตูไปก่อนได้ถึง 4 นัดเลยทีเดียว โดย 3 นัดก่อนหน้านี้เกิดขึ้นในรอบแบ่งกลุ่มทั้งหมด ประกอบด้วยเกมที่ชนะ นาโปลี 3-2, วันที่ทุบ นาโปลี 4-2 และเกมที่บุกไปเฉือน แอร์เบ ไลป์ซิก 3-2
ด้วยเหตุนี้ เรอัล มาดริด ชุดฤดูกาลปัจจุบันเลยถือเป็นทีมที่กลับมาเอาชนะคู่แข่งในถ้วย แชมเปี้ยนส์ ลีก ทั้งที่โดนนำไปก่อน 1-0 ภายในฤดูกาลเดียวกันได้มากที่สุดนับตั้งแต่ซีซั่น 2016-17 เลยทีเดียว และมันก็เหมือนกับเรื่องบังเอิญที่ทีมตอนฤดูกาล 2016-17 ก็คือ เรอัล มาดริด เช่นกัน โดยทัพ "ราชันชุดขาว" ทัพนั้นเคยแซงกลับมาชนะคู่แข่ง 5 ครั้ง ก่อนที่สุดท้ายจะได้ชูถ้วยบิ๊กเอียร์
- ฮีโร่ โฆเซลู
เชื่อได้ว่าก่อนที่เกมนี้จะเริ่มขึ้นนั้นคงมีไม่กี่คนที่คิดว่า โฆเซลู จะกลายเป็นฮีโร่ให้กับ เรอัล มาดริด ได้ แต่ดาวเตะวัย 34 ปีก็ถือเป็นฮีโร่ของแฟนบอลเจ้าถิ่นไปในทันทีหลังทำ 2 ประตูในนาทีที่ 88 กับช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 1 ทั้งที่เพิ่งโดนเปลี่ยนตัวลงสนามในนาทีที่ 81
ผลงานดังกล่าวทำให้ โฆเซลู กลายเป็นตัวสำรองอายุเยอะที่สุดที่ทำได้ 2 ลูกต่อการเล่นเกมรอบน็อกเอาต์ของ แชมเปี้ยนส์ ลีก 1 นัด เพราะปัจจุบันเขามีอายุ 34 ปีกับ 42 วันเข้าไปแล้ว
นอกจากนี้ เขายังถือเป็นคนที่ 3 เท่านั้นที่ลงมาเป็นตัวสำรองในรอบรองชนะเลิศของ แชมเปี้ยนส์ ลีก แล้วทำได้อย่างน้อย 2 ประตู โดย 2 คนก่อนหน้านี้คือ จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม ที่เคยทำได้กับ ลิเวอร์พูล ในเกมที่เจอกับ บาร์เซโลน่า เมื่อตอนปี 2019 และ โรดรีโก้ ที่เคยทำเอาไว้กับ เรอัล มาดริด ในเกมที่ดวลกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อปี 2021
- เบลลิงแฮม ทาบสถิติ
ด้วยความที่ จู๊ด เบลลิงแฮม เป็นนักเตะที่เก่งกาจอย่างมากทำให้มันไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่เขาจะได้เป็นตัวจริงอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะทั้งกับ เรอัล มาดริด หรือกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ อดีตต้นสังกัดของเขา แต่มันก็ถือว่าน่าทึ่งอย่างมากที่ตอนนี้เขาได้เป็นตัวจริงในเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก ไปถึง 31 ครั้งแล้ว ทั้งที่เพิ่งมีอายุแค่ 20 ปีเท่านั้น
เรื่องดังกล่าวส่งผลให้ เบลลิงแฮม ทาบสถิติของ อีเกร์ กาซียาส ตำนานนายทวารของ เรอัล มาดริด ในด้านการเป็นนักเตะอายุไม่ถึง 21 ปีที่ได้เป็นตัวจริงในเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก มากที่สุดตลอดกาล และตอนนี้ เบลลิงแฮม ก็มีโอกาสก้าวขึ้นไปเหนือกว่า กาซียาส ด้วย เพราะ เรอัล มาดริด ไปถึงนัดชิงชนะเลิศได้นั่นเอง
- ผลงานอันแทบจะไร้ค่าของ เคน
เกมเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม ที่ผ่านมา แฮร์รี่ เคน ได้เครดิตเป็นคนที่ผ่านบอลให้ อัลฟองเซ่ เดวิส ทำประตูได้ ทำให้เท่ากับว่าในฤดูกาลนี้เขามีส่วนร่วมกับประตูโดยตรงถึง 56 ลูกจากการลงเล่นในทุกรายการ แบ่งเป็นการยิงเอง 44 ลูกกับการทำ 12 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 45 นัด
ทั้งนี้ เคน คือนักเตะจาก 7 ลีกชั้นนำของทวีปยุโรปที่ถือว่ามีส่วนร่วมกับประตูในการลงเล่นทุกรายการมากที่สุดของฤดูกาลนี้เลยทีเดียว ซึ่งมันถือเป็นผลงานที่น่าทึ่ง เพียงแต่เจ้าตัวก็คงไม่ได้รู้สึกยินดีมากเท่าไหร่นักเมื่อพิจารณาถึงเรื่องที่ว่าเขาไม่มีแชมป์ติดมือเลยในซีซั่นนี้
- เด็กเกร็ดบอล -