สุดท้ายแล้วเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศประจำฤดูกาล 2023-24 ที่ เรอัล มาดริด พบกับ แมนซิตี้ ก็จบลงด้วยเสียงเฮของ "ราชันชุดขาว" หลังพวกเขาชนะในช่วงดวลจุดโทษ
เชื่อหรือไม่ว่านี่ถือเป็นครั้งที่ 6 เข้าไปแล้วที่ เรอัล มาดริด สามารถเอาชนะแชมป์เก่าของศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในการแข่งรอบน็อกเอาต์ของซีซั่นถัดมาได้ ซึ่งพวกเขาก็ถือเป็นทีมที่ทำแบบนั้นได้มากที่สุดตลอดกาล และที่น่าสนใจยิ่งไปกว่านั้นก็คือ 5 หนก่อนหน้านี้มันจบลงด้วยการที่ เรอัล มาดริด ได้ชูถ้วยบิ๊กเอียร์ในท้ายที่สุดทั้งนั้นด้วย และนี่คือวีรกรรมเหล่านั้นของพวกเขา
- ฤดูกาล 1997/98 พบ ดอร์ทมุนด์
ในรอบรองชนะเลิศของซีซั่นนั้น เรอัล มาดริด ต้องโคจรมาเจอกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ซึ่งมีดีกรีเป็นแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาล 1996-97 และมันก็ถือเป็นการดวลกับทีมจากเยอรมนีรอบที่ 2 ติดต่อกันในซีซั่นนั้น เพราะในรอบก่อนรองชนะเลิศทีมของกุนซือ จุ๊ปป์ ไฮย์เกส เพิ่งหักด่าน ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น มาได้
ทั้งนี้ ในนัดแรก เรอัล มาดริด เปิดรัง ซานติอาโก้ เบร์นาเบว เอาชนะไปก่อน 2-0 จากประตูของ เฟร์นานโด มอริเอ็นเตส กับ คริสติย็อง การอมเบอ ส่วนในนัดสองที่ เวสต์ฟาเล่นสตาดิโอน จบลงด้วยการเสมอกัน 0-0 ทำให้ เรอัล มาดริด เข้ารอบชิงชนะเลิศไปได้จากสกอร์รวม 2-0 ก่อนที่พวกเขาจะไปทุบ ยูเวนตุส 1-0 ที่ อัมสเตอร์ดัม อารีน่า
- ฤดูกาล 1999/00 พบ แมนยูไนเต็ด
หลังจากผ่านรอบแบ่งกลุ่มด้วยการเป็นแชมป์ของกลุ่ม อี เรอัล มาดริด ก็ถูกจับให้มาเจอกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในรอบก่อนรองชนะเลิศ ซึ่งอย่างที่หลายคนรู้กันดีว่าเมื่อ 1 ซีซั่นก่อนหน้านั้น "ปีศาจแดง" เพิ่งสร้างชื่อจากการเป็นทริปเปิ้ลแชมป์มาหมาดๆ
แม้ว่านัดแรกจะเตะกันที่กรุงมาดริด แต่ทีมดังของสเปนก็ทำประตูไม่ได้จนเกมจบลงด้วยการเสมอกัน 0-0 ซึ่งตอนนั้นหลายคนมองว่า แมนฯ ยูไนเต็ด มีโอกาสเข้ารอบมากกว่า แต่กลับกลายเป็นว่า เรอัล มาดริด สามารถบุกไปชนะที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ด้วยสกอร์ 3-2 ทำให้พวกเขาได้เดินหน้าไปต่อจากสกอร์รวม 3-2 ก่อนที่สุดท้ายจะไล่ต้อน บาเลนเซีย 3-0 ในนัดชิงดำ
- ฤดูกาล 2001/02 พบ บาเยิร์น
ในรอบก่อนรองชนะเลิศ เรอัล มาดริด ซึ่งเป็นแชมป์ของรอบแบ่งกลุ่ม รอบ 2 กลุ่ม ซี ต้องไปจ๊ะเอ๋กับ บาเยิร์น มิวนิค รองแชมป์จากกลุ่ม เอ โดยทัพ "เสือใต้" ก็ยังมีขุมกำลังที่แข็งแกร่งพอตัวหลังจากได้แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อ 1 ซีซั่นก่อนหน้านั้น
ในนัดแรก บาเยิร์น เปิดสนาม โอลิมเปียสตาดิโอน เอาชนะไปก่อน 2-1 โดยเกมนั้น เรอัล มาดริด ขึ้นนำก่อนจาก เฌเรมี่ ในนาทีที่ 11 แต่ บาเยิร์น มาได้ 2 ประตูในช่วงท้ายเกมจาก สเตฟาน เอฟเฟ่นแบร์ก ในนาทีที่ 82 กับ เคลาดิโอ ปิซาร์โร่ ในช่วง 2 นาทีสุดท้าย
อย่างไรก็ตาม พอถึงเกมที่ต้องเตะกันใน ซานติอาโก้ เบร์นาเบว ลูกทีมของ บิเซนเต้ เดล บอสเก้ ก็ไม่ทำให้แฟนๆ เจ้าถิ่นต้องผิดหวังด้วยการชนะไป 2-0 ส่งผลให้ เรอัล มาดริด ชนะด้วยสกอร์รวม 3-2 แล้วจากนั้นก็ยังไปต่อจนถึงขั้นได้แชมป์จากการเฉือน เลเวอร์คูเซ่น 2-1 ในรอบชิงชนะเลิศ
- ฤดูกาล 2013/14 พบ บาเยิร์น
เรอัล มาดริด ต้องชนกับ บาเยิร์น มิวนิค ในรอบรองชนะเลิศของซีซั่นนั้น และมันก็เป็นการชนกับทีมจากเมืองเบียร์เป็นรอบที่ 3 ติดต่อกันอีกต่างหาก หลังจากพวกเขาหักด่าน ชาลเก้ 04 และ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายกับรอบก่อนรองชนะเลิศ ตามลำดับ
นัดแรก เรอัล มาดริด เปิดบ้านเฉือนชนะไปหวุดหวิด 1-0 จากประตูของ คาริม เบนเซม่า ทำให้แฟนบอล บาเยิร์น มิวนิค ยังพอมีความหวัง แต่พอกลับไปเตะกันที่ เยอรมนี กลับกลายเป็นว่าทีมดังของสเปนชนะไปแบบขาดลอย 4-0 จากการทำคนละ 2 ประตูของ เซร์คิโอ รามอส กับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ส่งผลให้พวกเขาชนะด้วยสกอร์รวม 5-0 จากนั้น เรอัล มาดริด ก็ได้สัมผัสกับถ้วยบิ๊กเอียร์เป็นสมัยที่ 10 จากการชนะ แอตเลติโก มาดริด 4-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ
- ฤดูกาล 2021/22 พบ เชลซี
หลังจากคว่ำ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายมาได้ เรอัล มาดริด ก็ต้องมาเจอกับ เชลซี ในรอบก่อนรองชนะเลิศ โดยแม้ว่าจะต้องไปเยือนก่อนที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ แต่พวกเขาก็เล่นได้อย่างยอดเยี่ยมจนชนะไป 3-1
อย่างไรก็ตาม ในนัดสองนั้น เรอัล มาดริด กลับแพ้ เชลซี ด้วยสกอร์เดียวกันคารัง ซานติอาโก้ เบร์นาเบว ส่งผลให้สกอร์รวมเสมอกัน 4-4 และต้องเตะกันต่อในช่วงต่อเวลาพิเศษ แต่ คาริม เบนเซม่า ก็มาทำประตูได้ในนาทีที่ 96 จนทำให้ เรอัล มาดริด ชนะด้วยสกอร์รวม 5-4 ก่อนที่ท้ายที่สุด "ราชันชุดขาว" จะไปชนะ ลิเวอร์พูล 1-0 ในรอบชิงชนะเลิศ
- เด็กเกร็ดบอล -