เรียกได้ว่าเป็นเกมที่ดุเดือดสมกับที่หลายคนคาดหวังเอาไว้ สำหรับศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ นัดแรกที่ เรอัล มาดริด เปิดรัง ซานติอาโก้ เบร์นาเบว เจอกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เพราะต่างฝ่ายต่างก็เปิดเกมรุกใส่กันอย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ก่อนที่สกอร์จะจบลงด้วยการเสมอกัน 3-3
สกอร์ที่ออกมาทำให้ยังไม่มีใครที่ได้เปรียบหรือเสียเปรียบมากเกินไปกับการลงเล่นนัดสองที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม และวันนี้เราก็จะพูดถึงเกร็ดบางอย่างจากนัดนี้กัน เพราะมันมีเรื่องที่น่าสนใจพอตัวเลยทีเดียว
- ผลัดกันนำ
เมื่อทีมใหญ่โคจรมาเจอกันเองแล้วนั้นมันก็มีโอกาสที่ต่างฝ่ายต่างจะมีโอกาสผลัดกันขึ้นนำ แต่ที่ผ่านมาเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบน็อกเอาต์เกิดเรื่องแบบนั้นน้อยพอตัวจนถึงขนาดที่ว่านี่นับเป็นเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบน็อกเอาต์นัดแรกนับตั้งแต่ช่วงเดือนพฤษภาคม ปี 2018 เลยทีเดียวที่ต่างฝ่ายต่างก็มีโอกาสขึ้นนำก่อนที่จะจบลงด้วยการเสมอกัน
สำหรับหนสุดท้ายก่อนหน้านี้ที่เกิดสถานการณ์แบบที่ว่าเป็นเกมรอบรองชนะเลิศ นัดสองของฤดูกาล 2017-18 ที่ มาดริด เจอกับ บาเยิร์น มิวนิค โดยวันนั้น บาเยิร์น ขึ้นนำตั้งแต่นาทีที่ 3 จาก โยชัว คิมมิช ก่อนที่ คาริม เบนเซม่า จะเหมา 2 ลูกในนาทีที่ 11 กับ 46 จนทำให้ มาดริด พลิกขึ้นนำ แต่ "เสือใต้" ก็ตีเสมอได้จาก ฮาเมส โรดริเกซ ในนาทีที่ 63
- ยิงกันเร็ว
อย่างที่รู้กันดีว่าเกมนี้มีถึง 3 ประตูตั้งแต่ในช่วง 14 นาทีแรกของเกม จากการที่ แมนฯ ซิตี้ นำไปก่อนจาก แบร์นาร์โด้ ซิลวา ตั้งแต่นาทีที่ 2 แต่แล้ว มาดริด ก็มาได้ 2 ลูกจากการทำเข้าประตูตัวเองของ รูเบน ดิอาส ในนาทีที่ 12 และผลงานของ โรดรีโก้ ในนาทีที่ 14
ด้วยเหตุนี้ นี่เลยนับเป็นเกมที่ 2 ในประวัติศาสตร์ของรอบน็อกเอาต์ในถ้วย แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่มีการทำประตูกันถึง 3 ลูกตั้งแต่ภายในช่วง 14 นาทีแรก โดยเกมแรกที่เคยมีการซัดกันเร็วแบบนั้นคือรอบก่อนรองชนะเลิศ นัดสองระหว่าง แมนฯ ซิตี้ กับ สเปอร์ส ที่มีการยิงกันตั้ง 3 ลูกแค่ในช่วง 10 นาทีแรก ก่อนที่ "เรือใบสีฟ้า" จะชนะไป 4-3 แต่สุดท้ายก็ตกรอบจากกฎประตูทีมเยือน
- เกมรุกโหดทั้งคู่
จากการที่นัดแรกจบลงด้วยการเสมอกัน 3-3 ทำให้นี่นับเป็นเพียงครั้งที่ 4 เท่านั้นที่เกมนัดแรกในรอบน็อกเอาต์ของศึก แชมเปี้ยนส์ ลีก ทั้ง 2 ทีมสามารถทำได้อย่างน้อย 3 ประตู ซึ่งก็สมกับการที่ทั้งคู่มีแนวรุกที่อันตรายสุดๆ
ทั้งนี้ หนึ่งใน 3 ครั้งก่อนหน้านี้ที่เกิดกรณีแบบดังกล่าวก็คือเกมระหว่าง มาดริด กับ แมนฯ ซิตี้ เช่นกัน โดยเป็นรอบรองชนะเลิศ นัดแรกของซีซั่น 2021-22 ซึ่งครั้งนั้น แมนฯ ซิตี้ เปิดบ้านชนะไป 4-3 แต่ในนัดสอง มาดริด ชนะได้ 2-1 ในช่วงเวลาปกติจนทำให้สกอร์รวมเสมอกัน 5-5 และต้องเตะกันต่อในช่วงต่อเวลาพิเศษ ก่อนที่ "ราชันชุดขาว" จะได้ประตูสุดสำคัญจาก คาริม เบนเซม่า
- เด็กเกร็ดบอล -