จบกันไปเป็นที่เรียบร้อยสำหรับรอบแบ่งกลุ่มของศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก โดยทีมยักษ์ใหญ่หลายทีมทำผลงานได้โดดเด่นจนเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายได้ตามที่มีการคาดกันเอาไว้ แต่ 2 ทีมที่ฟอร์มเด่นกว่าใครเพื่อนคงจะหนีไม่พ้น เรอัล มาดริด กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ชนะครบทั้ง 6 เกมจนเก็บได้ 18 แต้มเต็ม
แน่นอน นอกจากทีมของกุนซือ คาร์โล อันเชล็อตติ และ โจเซป กวาร์ดิโอล่า ในซีซั่นนี้นั้น มันก็เคยมีทีมที่ชนะครบทั้ง 6 เกมในรอบแบ่งกลุ่มของ แชมเปี้ยนส์ ลีก เหมือนกัน และเราจะพาย้อนไปดูว่ามีใครบ้าง รวมถึงท้ายที่สุดแล้วพวกเขาไปไกลแค่ไหน
- บาเยิร์น มิวนิค 2022-23
"เสือใต้" เป็นทีมเดียวในซีซั่นนั้นที่เก็บได้ 18 แต้มเต็มกับการเล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม ซึ่งมันน่าทึ่งขึ้นไปอีกเมื่อพิจารณาถึงเรื่องที่ว่าพวกเขาอยู่ในกลุ่มเดียวกับทั้ง อินเตอร์ มิลาน, บาร์เซโลน่า และ วิคตอเรีย พิลเซ่น แต่สุดท้ายทัพ "เสือใต้" ก็ไปถึงเพียงรอบก่อนรองชนะเลิศ จากการโดน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เขี่ยตกรอบ
- บาเยิร์น มิวนิค 2021-22
ในซีซั่นดังกล่าว บาเยิร์น มี เบนฟิก้า, บาร์เซโลน่า และ ดินาโม เคียฟ เป็นเพื่อนร่วมกลุ่ม แต่พวกเขาก็เอาชนะได้ครบทุกเกม แต่ก็ไปจอดป้ายที่รอบ 8 ทีมสุดท้ายแบบที่ถือว่าพลิกล็อกนิดๆ เพราะพวกเขาพ่าย บียาร์เรอัล ด้วยสกอร์รวม 1-2
- ลิเวอร์พูล 2021-22
แม้ว่าจะต้องอยู่ในกลุ่มเดียวกับ แอตเลติโก มาดริด, เอฟซี ปอร์โต้ และ เอซี มิลาน แต่ทีมของกุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมมากๆ จนสะกดเป็นแต่คำว่าชนะในรอบแบ่งกลุ่ม และหลังจากนั้นพวกเขาก็พวกเขาก็ไปไกลถึงรอบชิงชนะเลิศด้วย แต่ก็ต้องอกหักเมื่อแพ้ เรอัล มาดริด 0-1
- อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม 2021-22
ในฤดูกาลนั้น อาแจ็กซ์ โดนจับไปเจอกับ สปอร์ติ้ง ลิสบอน, โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ และ เบซิคตัส แต่ภายใต้การคุมทีมของ เอริค เทน ฮาก พวกเขาก็เก็บได้ 18 แต้มเต็ม แต่เส้นทางของ อาแจ็กซ์ ก็จบลงในรอบ 16 ทีมสุดท้ายทันทีเมื่อแพ้ เบนฟิก้า ด้วยสกอร์รวม 2-3
- บาเยิร์น มิวนิค 2019-20
ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ถือเป็นเพื่อนร่วมกลุ่มที่แข็งที่สุดของ บาเยิร์น ในตอนนั้น โดยอีก 2 ทีมคือ โอลิมเปียกอส กับ เร้ดสตาร์ เบลเกรด และ บาเยิร์น ก็โชว์ฟอร์มได้สมราคาการเป็นหนึ่งในทีมเต็งแชมป์ของกลุ่มเพราะคว้าชัยได้ทั้ง 6 เกม และสุดท้ายแล้วพวกเขาก็ได้ชูถ้วยบิ๊กเอียร์ในบั้นปลายด้วยเมื่อเอาชนะ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง 1-0 ในนัดชิงชนะเลิศ
- เรอัล มาดริด 2014-15
ถึงแม้ บาเซิ่ล กับ ลูโดโกเร็ตส์ จะดูไม่มีชื่อชั้นอันตรายมากนัก แต่ด้วยความที่มี ลิเวอร์พูล อยู่ในกลุ่มด้วยทำให้ตอนนั้นบางคนคิดว่า "หงส์แดง" น่าจะพอทำให้ เรอัล มาดริด ต้องเจองานหนักอยู่บ้าง แต่สุดท้ายทีมของ คาร์โล อันเชล็อตติ ก็เก็บได้ 18 แต้มเต็ม ก่อนจะต้องตกรอบรองชนะเลิศด้วยฝีมือของ ยูเวนตุส
- เรอัล มาดริด 2011-12
ในซีซั่นนั้น เรอัล มาดริด อยู่ในกลุ่มเดียวกับ โอลิมปิก ลียง, อาแจ็กซ์ และ ดินาโม ซาเกร็บ ซึ่งหากมองตามเนื้อผ้าแล้วก็ไม่ใช่คู่แข่งที่หินเท่าไหร่นัก และสุดท้ายพวกเขาก็ชนะครบทั้ง 6 เกม แต่ก็โดน บาเยิร์น มิวนิค เขี่ยตกรอบตัดเชือกด้วยกฎประตูทีมเยือน
- บาร์เซโลน่า 2002-03
โลโคโมทีฟ มอสโก, คลับ บรูช และ กาลาตาซาราย คือเพื่อนร่วมกลุ่มของ บาร์เซโลน่า ในตอนนั้นกับการเล่นรอบแบ่งกลุ่ม รอบแรก ซึ่งหลายคนก็มองว่าทีมของกุนซือ หลุยส์ ฟาน กัล น่าจะเป็นแชมป์กลุ่มได้ไม่ยาก และพวกเขาก็ไม่ทำให้แฟนบอลผิดหวังเมื่อเก็บไป 18 แต้มเต็ม แต่ "อาซูลกราน่า" ชุดนั้นก็ไปถึงแค่รอบก่อนรองชนะเลิศเพราะแพ้ให้ ยูเวนตุส ด้วยสกอร์รวม 2-3 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ
- สปาร์ตัก มอสโก 1995-96
ทีมดังของรัสเซียโดนจับไปอยู่ในกลุ่มเดียวกับ ลีเกีย วอร์ซอว์, โรเซนบอร์ก และ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ซึ่งมันมีเพียงไม่กี่คนที่คิดว่าพวกเขาจะเข้ารอบได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงเรื่องที่ว่าเมื่อ 1 ซีซั่นก่อนหน้านั้นพวกเขาตกรอบตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม แต่กลับกลายเป็นว่า สปาร์ตัก เล่นได้ดีมากๆ จนชนะครบทุกนัด ถึงกระนั้น พวกเขาก็จอดป้ายที่รอบ 8 ทีมสุดท้ายด้วยน้ำมือของ น็องต์ส
- ปารีส แซงต์-แชร์กแมง 1994-95
สมัยนั้นยังใช้ระบบที่ว่าทีมชนะได้ 2 คะแนน ซึ่ง ปารีสฯ ก็ชนะครบ 6 เกมจนได้ 12 แต้มเต็ม แม้ว่าจะมีทีมระดับ บาเยิร์น มิวนิค เป็นเพื่อนร่วมกลุ่มก็ตาม ส่วนอีก 2 ทีมคือ สปาร์ตัก มอสโก กับ ดินาโม เคียฟ โดยทัพ "เปแอสเช" ชุดนั้นมีตัวเด่นอย่าง จอร์จ เวอาห์ และ ดาวิด ชิโนล่า แต่ทีมของกุนซือ หลุยส์ แฟร์กน็องเดซ ก็ไปถึงแค่รอบรองชนะเลิศจากการแพ้ให้ เอซี มิลาน
- เอซี มิลาน 1992-93
นี่คือทีมแรกที่เก็บชัยในรอบแบ่งกลุ่มของ แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้ครบทั้ง 6 นัด โดยตอนนั้นพวกเขาอยู่ภายใต้การกุมบังเหียนของ ฟาบิโอ คาเปลโล่ และมี ไอเอฟเค โกเตบอร์ก, เอฟซี ปอร์โต้ กับ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น เป็นเพื่อนร่วมกลุ่ม
อย่างไรก็ตาม สมัยนั้นโครงสร้างการแข่งของ แชมเปี้ยนส์ ลีก ต่างจากสมัยนี้เยอะ เพราะในรอบแบ่งกลุ่มมีแค่ 2 กลุ่ม แถมทีมที่ได้เข้ารอบก็มีแค่แชมป์ของแต่ละกลุ่มเท่านั้น โดยจะไปเตะกันในนัดชิงชนะเลิศทันที และ "รอสโซเนรี่" ก็ชวดแชมป์เมื่อพวกเขาปราชัยต่อ โอลิมปิก มาร์กเซย 0-1
- เด็กเกร็ดบอล -