เอริค เทน ฮาก ผู้จัดการทีมชาวดัตช์เตรียมนำลูกทีมลงเล่นเกมสำคัญเยือน กาลาตาซาราย ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม เอ วันพุธที่ 29 พฤศจิกายนนี้ โดยแมตช์นี้พวกเขาได้แข้งสำคัญกลับคืนสนามหลายคนโดยเฉพาะ ราสมุส ฮอยลุนด์ ที่น่าจะฟิตสมบูรณ์ลงไล่ล่าตาข่ายเจ้าบ้านได้ ขณะที่ ค็อบบี้ ไมนู กับ อเลฮานโดร การ์นาโช่ สองสตาร์ดาวรุ่งกำลังคึกสุดๆ ก็คงจะได้เป็นตัวหลักในแมตช์นี้ แต่ที่น่าเสียดายก็คือ มาร์คัส แรชฟอร์ด หมดสิทธิ์ช่วยทีมเพราะติดโทษแบน 1 เกม ขณะที่เจ้าถิ่นมุ่งมั่นจะเอาชนะให้ได้เช่นกันเพื่อโอกาสเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายครั้งแรกในรอบ 10 ปี
1. ความหวังยิงประตูคืนสนาม
สิ่งที่ทำให้แฟนบอลแมนฯ ยูไนเต็ด รู้สึกแฮปปี้มากๆ ในเกมเยือน กาลาตาซาราย ก็คือการได้เห็น ราสมุส ฮอยลุนด์ กลับมาลงซ้อมได้อีกครั้ง และแน่นอนว่า เอริค เทน ฮาก ต้องจับเขาลงตัวจริงหากสภาพร่างกายฟิตเต็มร้อย
หัวหอกชาวเดนมาร์ก อาจจะมีสถิติการยิงประตูในพรีเมียร์ลีกไม่ได้เรื่องเพราะยังทำสกอร์ไม่ได้เลยนับตั้งแต่ย้ายมาร่วมทัพช่วงซัมเมอร์นี้ แต่ในเกมแชมเปี้ยส์ ลีก เจ้าตัว ตะบันไปแล้ว 5 ประตูจากการเล่น 4 เกม
ในแมตช์ที่ "ผีแดง" บุกไปทุบ "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" เอฟเวอร์ตัน 3-0 เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ฮอยลุนด์ ไม่ได้ลงสนามแต่คาดว่าในเกมเยือนดินแดนไก่งวงเขาคงฟิตสมบูรณ์และยึดตัวจริงคืนจาก อองโตนี่ มาร์กซิยาล
ทั้งนี้ ฮอยลุนด์ สร้างผลงานยิงประตูได้อย่างยอดเยี่ยมในถ้วย "บิ๊กเอียร์" โดยมีเพียงผู้เล่น 2 คนที่อายุต่ำกว่า 21 ปีที่สามารถยิงประตูได้มากกว่าเขาให้กับสโมสรในอังกฤษ นั่นก็คือ เชฟ ฟาเบรกาส (อาร์เซน่อล) และ ฟิล โฟเด้น (แมนเชสเตอร์ ซิตี้) ซึ่งทั้งคู่ซัดไปคนละ 6 ประตู
2. เจ้าหนูไมนูได้โชว์อีก
อีกหนึ่งเรื่องที่ทำให้ เทน ฮาก ยิ้มหน้าบานนั่นก็คือการที่เขาได้ ลุค ชอว์ กลับมาประจำตำแหน่งแบ็กซ้ายอีกครั้ง หลังนักเตะหายเจ็บและเพิ่งกลับมาลงช่วยทีมพร้อมโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นในแมตช์ถลุง เอฟเวอร์ตัน
ขณะที่ตำแหน่งเซนเตอร์แบ็ก แฮร์รี่ แม็กไกวร์ กำลังกลับสู่ร่างทองอย่างต่อเนื่อง โดยตอนนี้เขากลายเป็นผู้เล่นกำลังหลักในแนวรับของทีมไปแล้ว และน่าจะเป็นแบบนี้ตลอดไป เพราะนักเตะกลับมาเล่นด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม
ส่วน ค็อบบี้ ไมนู มิดฟิลด์ดาวรุ่งที่โชว์ฟอร์มระดับเทพทั้งๆ ที่ได้ลงเล่นตัวจริงเกมลีกครั้งแรกเกมชนะ เอฟเวอร์ตัน น่าจะได้รับโอกาสให้ลงทำหน้าที่คุมแดนกลางร่วมกับ บรูโน่ แฟร์นันด์ส และ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์
อย่างไรก็ตามผู้เล่นกำลังหลักทั้ง คริสเตียน เอริคเซ่น และ กาเซมีโร่ ยังไม่สามารถกลับมาช่วยทีมได้ และคงต้องรอเห็นพวกเขาคืนสนามในช่วงปีใหม่ ส่วน เมสัน เมาท์ กับ ลิซานโดร มาร์ติเนซ ยังอยู่ในช่วงพักฟื้นร่างกายต่อไป
3. "เดอะ หมุน" หรือ เปเยสตรี้ แทน แรชฟอร์ด ?
เรื่องที่น่ากังวลสำหรับ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็คือการที่พวกเขาหมดสิทธิ์ใช้งาน มาร์คัส แรชฟอร์ด เนื่องจากติดโทษแบน 1 เกม หลังโดนใบแดงไล่ออกในแมตช์ออกไปแพ้ โคเปนเฮเก้น ช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน
งานนี้ นายใหญ่ชาวดัตช์ จำเป็นต้องตัดสินใจเลือกใช้งานระหว่าง อันโตนี่ กับ ฟากุนโด้ เปยิสตรี แม้บรรดาเกจิลูกหนังจะค่อนข้างเชื่อว่า เทน ฮาก คงเลือกลูกรักอย่างสตาร์ชาวบราซิเลียน ลงเล่นมากกว่า เพราะมีประสบการณ์ แต่ด้วยนิสัยหัวร้อนของเขาอาจจะส่งผลเสียเมื่อทีมโดนกดดันอย่างหนักทั้งจากคู่แข่งและแฟนบอลเจ้าถิ่น
ฉะนั้นมีความเป็นไปได้ที่ เทน ฮาก อาจจะเลือกใช้งานความสดความห้าวของเด็กดาวโรจน์อย่าง เปยิสตรี ลงเล่น เพราะในเกมกับ เอฟเวอร์ตัน เขาก็มีส่วนสำคัญในการช่วยให้ทีมได้ประตูที่สาม ทั้งความเร็ว และความคล่องตัว แถมยังใจเย็นกว่า อันโตนี่ น่าจะทำให้ทีมได้ประโยชน์มากกว่า
ขณะที่แนวรุกทางฝั่งซ้ายตอนนี้คงต้องยกให้ อเลฮานโดร การ์นาโช่ ที่เพิ่งจะยิงประตูสุดงาม "จักรยานอากาศ" ในเกมลีกแมตช์ล่าสุด ดังนั้นตอนนี้ต้องบอกว่า แข้งชาวอาร์เจนไตน์ กำลังฮึกเหิมและมั่นใจสุดๆ ซึ่งนี่เป็นสิ่งสำคัญที่ เทน ฮาก ต้องการอย่างมาก
4. เจ้าบ้านไม่ธรรมดา
กาลาตาซาราย ไม่ใช่ทีมหมูๆ ที่จะบุกมาชนะได้ง่ายๆ และมีหลายครั้งที่ แมนฯ ยูฯ ยกพลมาเยือนพวกเขาแต่ไม่ค่อยได้ผลการแข่งขันที่ต้องการ โดย 3 เกมเยือนก่อนหน้านี้ก็ยิงประตูไม่ได้เลย (เสมอ 0-0 สองเกม และแพ้ 1-0)
ที่สำคัญยอดทีมแห่งลีกแดนไก่งวงทำผลงานในลีกได้สุดโหดจริงๆ ลงเล่น 13 เกมเสมอ 1 แพ้ 1 นอกนั้นเก็บชัยชนะเรียบวุธ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังตั้งความหวังที่จะเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายถ้วยใบโตยุโรปให้ได้เป็นครั้งแรกในรอบทศวรรษ
ผลงานในเกมรอบแบ่งกลุ่มของพวกเขาก็ไม่ได้ขี้เหร่เคยบุกไปชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด ถึงถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ส่วนในเกมเยือน บาเยิร์น มิวนิค ก็สร้างโอกาสยิงประตูได้หลายครั้งแต่ขาดความเฉียบคมจนกระทั่งมาโดน "เสือใต้" ซัด 2 ประตูช่วง 10 นาทีสุดท้าย แต่ก็ได้ประตูตีไข่แตกช่วงทดเจ็บ
ดังนั้นการรับมือ เอริค เทน ฮาก แอนด์ โค. อาจไม่ใช่งานที่ง่ายนัก แต่สิ่งหนึ่งที่พวกเขามีเหนือกว่าทีมเยือนก็คือแฟนบอลที่พร้อมจะส่งเสียงกระตุ้นทีมรักให้เดินหน้าฆ่า "ผีแดง" ให้ดับแดดิ้น...ดังคำพูดติดปากว่า "ตุรกี นรกของทีมเยือน" !!!
5. ต่อลมหายใจแชมเปี้ยนส์ ลีก
สำหรับ แมนฯ ยูฯ แล้วนี่คือแมตช์ที่มีความสำคัญต่อการลุ้นเข้ารอบน็อกเอาต์ของพวกเขาเลยทีเดียว เพราะหากพ่ายแพ้นั่นหมายความว่าเส้นทางแชมเปี้ยนส ลีก ของพวกเขาจะสิ้นสุดแค่รอบแบ่งกลุ่มเท่านั้น !!
ปัจจุบัน "ปีศาจแดง" รั้งอันดับบ๊วยกลุ่ม เอ มี 3 คะแนน แม้ว่าจะตามหลัง โคเปนเฮนเก้น กับ กาลาตาซาราย แค่แต้มเดียวแต่การไปเยือนตุรกีมีความหมายสำหรับการต่อลมหายใจของ แมนฯ ยูฯ อย่างยิ่ง
ถ้าหากแพ้นั่นหมายถึงตกรอบ 100 เปอร์เซนต์ ถ้าเสมอก็ต้องไปลุ้นไม่ให้ โคเปนเฮนเก้น ชนะ "เสือใต้" ฉะนั้นด้วยข้อจำกัดที่น้อยนิด เทน ฮาก คงต้องกระตุ้นลูกทีมให้ทุ่มเทเต็มสูบเพื่อคว้าผลการแข่งขันที่ต้องการกลับบ้านให้ได้
อย่างไรก็ตามต่อให้ชนะ กาลาตาซาย ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะการันตีเข้ารอบ เพราะทีมจะมี 6 คะแนน และในแมตช์สุดท้ายต้องรับมือ บาเยิร์น ซึ่งแน่นอนว่ายอดทีมแห่งแคว้นบาวาเรียน คงไม่ยอมปล่อยให้พวกเขาได้เข้ารอบน็อกเอาต์ง่ายๆ ชัวร์ !!
ทอมเม้ง