ขุมกำลังสุดแกร่ง, 3 แต้มเพิ่มโอกาสเข้ารอบ! 5 ประเด็นก่อนเกม แมนยู เยือน โคเปนเฮเก้น

ขุมกำลังสุดแกร่ง, 3 แต้มเพิ่มโอกาสเข้ารอบ! 5 ประเด็นก่อนเกม แมนยู เยือน โคเปนเฮเก้น
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลับมาคึกคักอีกครั้งหลังเริ่มทำผลงานได้ดีในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแมตช์เยือน โคเปนเฮนเก้น ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม เอ วันพุธที่ 8 พฤศจิกายน พวกเขาต้องพยายามเก็บ 3 คะแนนให้ได้ เพราะจะเป็นการเพิ่มโอกาสในการเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย ขณะเดียวกันขุมกำลังของ "ผีแดง" กลับมาแข็งแกร่งยิ่งขึ้นโดยเฉพาะแนวรับที่ได้ อารอน วาน บิสซาก้า หวนกลับมาคุมพื้นที่แบ็กขวา ด้าน มาร์คัส แรชฟอร์ด หายเจ็บพร้อมลงกระซวกตาข่ายเจ้าบ้าน ส่วน ราสมุส ฮอยลุนด์ หวังจะยิงประตูในการหวนกลับมาเยือนถิ่นกำเนิดอีกครั้ง

1. ฮอยลุนด์ ลุ้นยิงประตูในบ้านเกิด

แม้ ราสมุส ฮอยลุนด์ จะยิงประตูในเกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ไม่ได้เลยนับตั้งแต่ย้ายมาร่วมทัพช่วงซัมเมอร์นี้ แต่ผลงานในแชมเปี้ยนส์ ลีก ถือว่าสอบผ่านโดยมีสถิติตะบันไปแล้ว 3 ประตู และในแมตช์ที่ต้องมาเยือนถิ่นกำเนิด งานนี้นักเตะเต็มไปด้วยแรงกระตุ้นที่จะยิงประตูให้ได้

หัวหอกชาวเดนมาร์ก เกิดในเมืองโคเปนเฮเก้น และก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะอาชีพเต็มตัวกับสโมสรแห่งนี้ ดังนั้นการเดินทางมาพร้อมกับทัพ "ปีศาจแดง" จะเป็นการหวนกลับมายังถิ่นพาร์เคน สเตเดี้ยม ในรอบเกือบ 2 ปีนับตั้งแต่ที่อำลาสโมสรออกไปทำมาหารับประทานในต่างแดน

ฮอยลุนด์ เคยลงเล่นให้กับทีมชุดใหญ่โคเปนเฮเก้นจำนวน 27 เกม ยิงไป 5 ประตูก่อนจะย้ายไปเล่นกับ สตวร์ม กราซ ตามด้วย อตาลันต้า และมาเซ็นสัญญากับ แมนฯ ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัวมหาศาลถึง 72 ล้านปอนด์ (ราว 3,168 ล้านบาท) 

สำหรับตอนนี้นักเตะเดินทางบนถนนสายอาชีพลูกหนังไปแล้ว 100 เกม โดยผลงานกับ "ผีแดง" ยังถือว่าไม่ค่อยคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่สโมสรจ่ายไป เพราะยิงได้แค่ 3 ประตูในเกมโทรฟี่ "หูกาง" ส่วนในลีกยังส่งบอลเข้าไปซุกตาข่ายไม่ได้เลยจากการเล่น 6 แมตช์กับต้นสังกัด

ช่วง 2 เกมที่ผ่านมา ดาวยิงวัย 20 ปีไม่มีชื่อทำประตูให้กับทีม  แต่ในแมตช์เยือน โคเปนเฮเก้น น่าจะเป็นโอกาสดีที่เขาจะยิงประตู และนี่อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้นักเตะมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น จนนำไปสู่การเปิดซิงประตูในศึกพรีเมียร์ลีก ก็ได้ 

2. ความกระหายของ แรชฟอร์ด 

มาร์คัส แรชฟอร์ด เพิ่งโดนวิจารณ์อย่างหนักกรณีที่ออกไปย่ำราตรีหลังทีมเพิ่งแพ้ยับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 0-3 เกมแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ ส่งผลให้เขาโดน เทน ฮาก ว่ากล่าวตักเตือนไปเรียบร้อยแล้ว 

ส่วนในแมตช์ล่าสุดที่ "ปีศาจแดง" ชนะ "เจ้าสัวน้อย" ฟูแล่ม 1-0 นั้น แรชฟอร์ด ไม่มีชื่ออยู่ในทีมโดยหลายคนคาดว่าเป็นเพราะ กุนซือชาวดัตช์ ลงโทษจากการแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม แต่สาเหตุที่แท้จริงก็คือนักเตะมีปัญหาบาดเจ็บที่ขาในช่วงฝึกซ้อม ไม่เกี่ยวกับการออกไปเที่ยวไนต์คลับ

ตอนนี้ "ดร.แรช" กลับมาฟิตสมบูรณ์แล้ว และลงฝึกกับทีมได้อย่างเต็มที่ ที่สำคัญใบหน้าของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขที่ได้หวนร่วมซ้อมกับเพื่อนร่วมทีม ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ให้เห็นถึงความหิวกระหายที่จะลงกระซวกตาข่าย โคเปนเฮเก้น อย่างมาก

สำหรับฤดูกาลนี้ กองหน้าทีมชาติอังกฤษ ออกสตาร์ตได้น่าผิดหวังอย่างมากหลังเพิ่งทำได้เพียง 1 ประตูจากการลงเล่น 14 นัดในทุกรายการต่างกับฤดูกาลก่อนที่โชว์ฟอร์มได้อย่างร้อนแรงสุดๆ 

อย่างไรก็ตาม "แรชชี่" มีสถิติไม่ค่อยดีเท่าไหร่ในช่วงที่ผ่านมา โดย 7 เกมหลังสุดที่ลงเล่นให้ แมนฯ ยูฯ ในศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก นักเตะยิงประตูไม่ได้เลย โดยประตูสุดท้ายที่ทำได้เกิดขึ้นในแมตช์ปะทะ อตาลันต้า เมื่อเดือนตุลาคม 2021 

3. แนวรับเริ่มกลับมาแข็งแกร่ง

สิ่งหนึ่งที่ทำให้แฟนบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รู้สึกมีความสุขมากๆ ก็คือการเห็นผู้เล่นเกมรับเริ่มทะยอยหายเจ็บ โดยเฉพาะ อารอน วาน บิสซาก้า ที่สามารถลงสนามช่วยทีมได้แล้ว และโชว์ฟอร์มได้ดีด้วยในเกมชนะ ฟูแล่ม 

ช่วงที่ผ่านมา แมนฯ ยูไนเต็ด ผลงานไม่ค่อยดีนักส่วนหนึ่งมาจากเกมรับที่หละหลวมโดยพวกเขาไม่มีผู้เล่นกำลังสำคัญทั้ง วาน บิสซาก้า, ลุค ชอว์ และ ลิซานโดร มาร์ติเนซ ที่อยู่ในช่วงซ่อมอะไหล่อวัยวะ ขณะที่ ราฟาแอล วาราน ก็เป็นพวกแข้งกระดูกเปราะสามวันดีสี่วันเดี้ยง

อย่างไรก็ตามตอนนี้ วาน บิสซาก้า กลับมาฟิตสมบูรณ์แล้ว และนักเตะแสดงให้เห็นว่าเขามีความสำคัญอย่างยิ่งในการคุมพื้นที่แบ็กขวา "ผีแดง" โดยเห็นได้ชัดว่าทีมดูเหนียวแน่นมากขึ้นทันตาเห็น 

ขณะที่ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ กลับมาเล่นด้วยความมั่นใจอีกครั้ง โดยนักเตะทำผลงานได้อย่างแข็งแกร่งในเกมรับ และยังมีส่วนในการช่วยเกมรุก ล่าสุดก็เป็นคนที่ทำประตูชัยช่วยทีมชนะ โคเปนเฮเก้น สำหรับ วาราน และ วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ ยังคงเป็นขุมกำลังสำคัญในแผงแบ็กโฟร์อยู่เสมอ 

ตอนนี้ฝันร้ายจากการแพ้คาถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด 2 แมตช์ติดต่อกัน (แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด) ค่อยๆ จางหายไป และพวกเขาเริ่มกลับมามีความเชื่อมั่นมากขึ้นเมื่อทีมกลับมาเล่นได้เหนียวแน่นในเกมรับอีกครั้ง 

4. เจ้าบ้านไม่หมูนะครับ

แม้ว่าชื่อชั้นของ โคเปนเฮเก้น จะด้อยกว่า แมนฯ ยูไนเต็ด แต่ผลงานการเล่นในสนามเหย้าของตัวเองก็ถือว่ายอดเยี่ยม โดย 6 เกมหลังสุดในทุกรายการสามารถเก็บชัยชนะได้ถึง 4 แมตช์ และแพ้เพียง 2 เกมเท่านั้นโดยหนึ่งในนั้นคือการพ่าย บาเยิร์น มิวนิค ชนิดที่ "เสือใต้" ต้องน้ำลายเหนียวคอกว่าจะได้ 3 คะแนนในเกมนั้น

ขณะเดียวกันในเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ปะทะกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ครั้งแรกพวกเขาก็สร้างเรื่องช็อกโลกมาแล้ว โดยการเปิดบ้านทุบ "ปีศาจแดง" ในยุคเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ด้วยสกอร์ 1-0 เมื่อฤดูกาล 2006-2007 

สำหรับเกมล่าสุดที่ดวลแข้งกันในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แม้ว่า ยักษ์ใหญ่ลีกแดนโคนมจะพ่ายไปด้วยสกอร์ 0-1 แต่สิ่งที่น่าประทับใจก็คือพวกเขามีโอกาสยิงประตูถึง 16 ครั้ง ถือว่าเป็นการยิงที่มากที่สุดของสโมสรในเกมเยือนถ้วยใบโตยุโรปเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่าเป็นห่วงสำหรับเจ้าบ้านก็คือทีมสะกดคำว่าชนะไม่เป็นเลย 10 แมตช์หลังสุดที่ดวลกับสโมสรจากประเทศอังกฤษในการแข่งขันฟุตบอลถ้วยยุโรปในทุกรายการ (เสมอ 3 แพ้ 6 เกม) แถมยิงประตูไม่ได้เลย 8 เกมหลังสุดด้วย

5. เกมสำคัญวัดโอกาสเข้ารอบน็อกเอาต์

สถานการณ์ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในการเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย ยังคงน่าเป็นห่วงเพราะพวกเขามีเพียง 3 คะแนนจากการลงสนาม 3 เกมในรอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม เอ ตามหลัง บาเยิร์น มิวนิค 6 คะแนน และ กาลาตาซาราย 1 แต้ม

 ด้วยเหตุนี้ เทน ฮาก แอนด์ โค. จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องบุกไปเก็บ 3 คะแนนถึงดินแดนโคนมให้ได้ เพราะหากพวกเขาต้องการเพิ่มโอกาสในการผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์ต้องคว้าชัยชนะในแมตช์นี้ให้ได้

ขณะเดียวกัน โคเปนเฮเก้น ก็ยังมีลุ้นเช่นกันเพียงแค่เงื่อนไขของพวกเขาก็คือต้องชนะ แมนฯ ยูฯ เพื่อจะได้มีเพิ่มเป็น 4 คะแนน นั่นทำให้สองเกมสุดท้ายในรอบแบ่งกลุ่มจะเต็มไปด้วยความเข้มข้นยิ่งขึ้น

ดังนั้นผลเสมอในเกมนี้ไม่เป็นผลดีต่อทั้งสองทีม ยิ่งถ้าเกิดฟ้าถล่มดินทลาย กาลาตาซาราย ดันฟอร์มฮอตกระซวก บาเยิร์น ได้ละก็ นั่นหมายความว่าสถานการณ์ของ แมนฯ ยูฯ ยิ่งน่าเป็นห่วงเข้าไปอีก 

ฉะนั้น เทน ฮาก คงเน้นย้ำลูกทีมว่าต้องเก็บ 3 คะแนนให้ได้ ถ้าหากอยากได้ลุ้นต่อ แต่ถ้าไม่สำเร็จ งานนี้อาจจะได้เห็นพวกเขาลงไปดวลในทัวร์นาเมนต์ที่คุ้นเคยอย่างยูโรปา ลีก ก็ได้ !!!

ลุงต้อม


ที่มาของภาพ : gettyimages,
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport