ยังคงรักษาความฝันของการทำทริปเปิ้ลแชมป์ในฤดูกาล 2022-23 ได้ต่อไป สำหรับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หลังจากเมื่อวันพุธที่ 17 พฤษภาคม ที่ผ่านมา พวกเขาเปิดรัง เอติฮัด สเตเดี้ยม เอาชนะ เรอัล มาดริด ไปได้ถึง 4-0 ในเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดสอง จนทำให้ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จจากการชนะด้วยสกอร์รวม 5-1
ทั้งนี้ ไม่ว่าจะสกอร์หรือสถานการณ์ต่างๆ ที่ออกมาแบบนี้มันก็ทำให้เกิดเกร็ดบางอย่างที่เรียกได้ว่าน่าสนใจอย่างมากเช่นกัน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือสิ่งที่เกี่ยวกับนัดชิงดำด้วย
- การแพ้ที่ขาดลอยสุด
แน่นอนว่าตอนแรกมีการคาดกันอยู่แล้วว่า มาดริด มีโอกาสที่จะแพ้ แมนฯ ซิตี้ เมื่อพิจารณาถึงการที่ "เรือใบสีฟ้า" มีขุมกำลังที่แข็งแกร่งรวมถึงได้เล่นในบ้านของตัวเอง แต่ก็คงมีเพียงไม่กี่คนที่คิดว่าสกอร์จะออกมาขาดลอยถึงระดับ 0-4 อย่างนี้
ผลการแข่งขันในเกมนี้เท่ากับว่ามันเป็นการทาบสถิติการปราชัยในเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก แบบขาดลอยที่สุดของ มาดริด ในถ้วยบิ๊กเอียร์ไปโดยปริยาย โดยมันเทียบเท่ากับตอนที่พวกเขาแพ้ ลิเวอร์พูล 0-4 ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดสอง เมื่อช่วงเดือนมีนาคม ปี 2009
- ซิลวา กับโอกาสที่เกิดขึ้นไม่บ่อย
ปกติแค่การยิง มาดริด ให้ได้ในเกมทั่วไปก็ถือว่ายากแล้ว แต่ยิ่งเป็นเกมใหญ่ระดับรอบรองชนะเลิสของ แชมเปี้ยนส์ ลีก ก็ถือว่ายากขึ้นไปอีกเพราะ "ราชันชุดขาว" ต้องมีความรัดกุมเป็นธรรมดา แต่ว่า แบร์นาร์โด้ ซิลวา กลับทำผลงานได้สุดยอดจนทำคนเดียว 2 ลูกในนัดล่าสุด
ด้วยเหตุนี้ ดาวเตะชาวโปรตุกีสเลยเป็นนักเตะคนที่ 3 ในประวัติศาสตร์ที่สามารถพังตาข่าย มาดริด ในเกมรอบตัดเชือกของ แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้อย่างน้อย 2 ลูกภายในนัดเดียวกัน ซึ่งรุ่นพี่ของเขาได้แก่ ลิโอเนล เมสซี่ ที่ทำได้ในสีเสื้อของ บาร์เซโลน่า เมื่อปี 2011 กับ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ เวอร์ชั่นที่อยู่กับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในปี 2013
- เป๊ป ตัวแสบของ มาดริด
หากถามว่ากุนซือคนไหนที่แฟนบอล มาดริด รู้สึกหวาดกลัวเมื่อต้องเผชิญหน้าด้วยแล้วล่ะก็ เชื่อได้ว่าชื่อของ กวาร์ดิโอล่า คงจะโผล่มาเป็นลำดับต้นๆ เพราะเขาเคยสร้างความเจ็บแสบให้กับ "ราชันชุดขาว" มาตั้งแต่สมัยที่ยังคุม บาร์เซโลน่า แล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้มันก็เท่ากับว่า กวาร์ดิโอล่า คือกุนซือที่เขี่ย มาดริด ตกรอบในถ้วย แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้เยอะที่สุดตลอดกาลแบบเดี่ยวๆ แล้ว ที่จำนวน 3 ครั้ง โดยก่อนหน้านี้เขาครองสถิติร่วมกับ อ็อตมาร์ ฮิตซ์เฟลด์ อดีตกุนซือชาวเยอรมัน และ มาร์เชโล่ ลิปปี้ อดีตนายใหญ่คนดังของอิตาลี
- หนแรก
ไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่าทั้ง แมนฯ ซิตี้ และ อินเตอร์ ต่างก็เป็นทีมใหญ่ของทวีปยุโรป โดยรายแรกทำผลงานได้ยอดเยี่ยมตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมาและเคยเข้าถึงนัดชิงดำของ แชมเปี้ยนส์ ลีก มาแล้ว ส่วน "เนรัซซูรี่" ก็มีดีกรีเป็นแชมป์รายการนี้ถึง 3 สมัย
อย่างไรก็ตาม เชื่อหรือไม่ว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่ แมนฯ ซิตี้ กับ อินเตอร์ ได้ดวลกันในเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก และมันก็ส่งผลให้นี่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2005 ที่การเจอกันครั้งแรกของคู่ใดคู่หนึ่งในถ้วย แชมเปี้ยนส์ ลีก เกิดขึ้นในรอบสำคัญอย่างรอบชิงชนะเลิศ โดยครั้งนั้นเป็นการเจอกันของ ลิเวอร์พูล กับ เอซี มิลาน
- เด็กเกร็ดบอล -