งูใหญ่ปลดล็อก,เชโก้ ควง มคิตาร์ยาน โชว์เก๋า - 5 ข้อ อินเตอร์ บุกขย่ม มิลาน จ่อชิงชปล.

งูใหญ่ปลดล็อก,เชโก้ ควง มคิตาร์ยาน โชว์เก๋า - 5 ข้อ อินเตอร์ บุกขย่ม มิลาน จ่อชิงชปล.
เป็นอันว่าสงครามแข้งดาร์บี้แมตช์เมือง มิลาน ในถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก รอบรองชนะเลิศนัดแรกที่ ซาน ซีโร่ เมื่อวันพุธที่ 10 พ.ค. จบลงด้วยชัยชนะของ อินเตอร์ มิลาน ที่มีเหนือ เอซี มิลาน 2-0

ว่ากันถึงรูปเกม เป็นเรื่องสมควรอย่างยิ่งที่ งูใหญ่ จะเป็นฝ่ายกำชัย แถมน่าจะชนะมากกว่าสองประตูด้วยซ้ำจึงถือเป็นการบ้านข้อใหญ่ที่ ปีศาจแดงดำ ต้องหาวิธีแก้ไขสถานการณ์ให้ได้หากไม่หวังปล่อยให้อริร่วมเมืองผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศในวันที่ 10 มิ.ย.

1. เจ้าถิ่นไร้เงา เลเอา


เอซี มิลาน เปิดบ้านรับการมาเยือนของทีมร่วมเมืองโดยปราศจาก ราฟาเอล เลเอา ตามคาดเนื่องจากดาวยิงคนสำคัญที่บาดเจ็บ

กองหน้าทีมชาติ โปรตุเกส ถูกเปลี่ยนตัวออกตั้งแต่ต้นเกมนัดพิชิต ลาซิโอ 2-0 ในเกม เซเรียอา ที่สนาม ซาน ซีโร่ และฟิตไม่ทันลงบู๊เกมนี้

ด้วยเหตุนี้ ปีศาจแดงดำ จึงใช้งาน อเล็กซิส เซเลเมเกอร์ส ออกสตาร์ต ขณะที่ ฟิคาโย่ โทโมรี่ อดีตกองหลัง เชลซี และ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ อดีตศูนย์หน้า สิงห์บลูส์ ได้ลงบู๊เป็น 11 คนแรกเช่นกัน

ขณะเดียวกัน โทโมรี่ เซ็นเตอร์ฮาล์ฟผิวสีนับเป็นแข้งอิงลิชคนที่สามที่ได้เล่นถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก รอบตัดเชือกให้กับสโมสรต่างแดนถัดจากที่ สตีฟ แม็คมานามาน ลงเล่นให้ เรอัล มาดริด และ โอเว่น ฮาร์กรีฟส์ ได้เล่นให้ บาเยิร์น มิวนิค 

2. อาคันตุกะจับ ลูกากู นั่งสำรอง


อินเตอร์ มิลาน ตัดสินใจวางแผงรุกด้วยการส่ง เอดิน เชโก้ ประสานงานกับ เลาตาโร่ มาร์ติเนซ ซึ่งทำให้ โรเมลู ลูกากู ที่ย้ายมาจาก เชลซี แบบยืมตัวต้องสวมบทตัวสำรอง

แม้ดาวยิงทีมชาติ เบลเยี่ยม จะกลับมาอยู่ในช่วงโชว์ฟอร์มได้ดีโดยตะบันได้ห้าประตูในเก้านัดหลัง แต่กุนซือ ซิโมเน่ อินซากี้ เลือกจับเขานั่งข้างสนาม

กระนั้นก็ดี โผขุนพลตัวจริงของ งูใหญ่ เกมนี้ยังมี มัตเตโอ ดาร์เมียน อดีตกองหลัง แมนฯ ยูไนเต็ด และ เฮนริค มคิตาร์ยาน ซึ่งเคยค้าเกือกกับ ผีแดง เช่นกันได้ออกสตาร์ต

3. เล่นให้เด็กมันดู


เปิดฉากมาแค่ 8 นาที อินเตอร์ ก็นำก่อนอย่างรวดเร็วแม้จะเป็นทีมเยือนจากลูกเตะมุมด้านซ้ายที่ เชโก้ ตวัดเข้าเสาสองอันเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่า อินซากี้ ตัดสินใจได้อย่างถูกต้องที่พักกองหน้าร่างยักษ์เอาไว้นัดก่อนเพื่อรักษาความสดลงเล่นเกมนี้

เท่านั้นไม่พอ นาทีที่ 11 มคิตาร์ยาน สอดเข้าตะบันให้ อินเตอร์ หนีห่างเป็น 2-0 โดยถึงขณะนี้สถิติระบุว่าการครองบอลของทั้งสองทีมเท่ากันพอดีที่ 50:50 แต่ งูใหญ่ ได้ยิงสองหน เข้ากรอบทั้งสองหน และเป็นสองประตู ขณะที่ ปีศาจแดงดำ ไม่มีโอกาสง้างไกเลย

ยิ่งไปกว่านั้น อินเตอร์ ได้สองเม็ดจากสองจอมเก๋าด้วยโดย เชโก้ ในวัย 37 ปี 54 วันถือเป็นพ่อค้าแข้งอายุมากที่สุดอันดับสองที่ยิงประตูในเกมหูใหญ่รอบตัดเชือกได้รองจาก ไรอัน กิ๊กส์ (37 ปี 148 วัน) นัดที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ฟัดกับ ชาลเก้ ในซีซั่น 2010/11 

สำหรับ มคิตาร์ยาน มีอายุอ่อนกว่า เชโก้ สามปีจึงถือได้ว่า งูใหญ่ ได้สองจอมเก๋าพาทีมบุกมานำหน้าคู่อริอย่างยอดเยี่ยมโดยอดีตดาวเตะทีม อาร์เซน่อล รั้งอันดับหกของนักเตะสูงวัยที่สอยตาข่ายในรอบตัดเชือกถ้วยใบนี้ได้

ครบ 45 นาทีแรก ทีมเยือนเป็นรองแค่การครองบอล 59:41% แต่ได้ส่องยิงมากกว่า 11:5 ครั้ง และส่งบอลเข้ากรอบมากกว่าเช่นกัน 3:0 ครั้ง

4. ชัยชนะที่เด็ดขาด


กลับมาสู้กันต่อในครึ่งหลัง ปีศาจแดงดำ ยังไร้พิษสงเหมือนเดิมแม้จะพยายามกัดฟันเดินหน้า แต่หาโอกาสพังประตูตีไข่แตกได้ลำบาก แถมหวิดเสียประตูเพิ่มหลายต่อหลายครั้งด้วยจากจังหวะโต้กลับของ งูใหญ่

ถึงจะมีศักดิ์ศรีเป็นเจ้าบ้านก่อนในเกมนี้ แต่จากผลงานในสนามต้องบอกว่า มิลาน เล่นได้อย่างน่าผิดหวังมากทั้งๆที่มีแฟนบอลส่งเสียงเชียร์มากกว่าทีมร่วมเมืองแท้ๆ

แต่ก็นั่นแหละ ชั่วโมงนี้ อินเตอร์  มีฟอร์มที่เหนือกว่าอย่างชัดเจนโดยหากจะนับรวมเกมนี้เข้าไปด้วย พวกเขาสร้างสถิติชนะรวดหกนัดติดต่อกันในทุกรายการ แถมสอยตาข่ายได้มากถึง 17 เม็ด และเสียไปแค่ 2 เม็ดเท่านั้น

หลังบดเกือกกันครบ 90 นาที เอซี มิลาน ครองบอลได้มากกว่า 57:43% และมีโอกาสยิงประตูเพิ่มขึ้นจนไล่มาเป็น 13:16 ครั้ง แต่ส่งบอลเข้ากรอบเป็นรอง 2:5 ครั้งก่อนแพ้ไปแบบไม่มีลุ้นซึ่งหากนัดสอง สเตฟาโน่ ปิโอลี่ แก้ปัญหาไม่ตก อินเตอร์ ก็มีแววได้เข้าชิงชนะเลิศสูงไม่หยอก

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปีศาจแดงดำ มีประวัติที่ไม่สู้ดีเนื่องจากสามหนหลังหากแพ้เกมแรกในรอบน็อกเอาต์ถ้วยใบนี้ พวกเขาไม่เคยพลิกสถานการณ์ผ่านเข้ารอบได้เลยแม้แต่หนเดียว

ปี 2009/10 : รอบ 16 ทีม มิลาน 2- แมนฯ ยูไนเต็ด 3, แมนฯ ยูไนเต็ด 4- มิลาน 0

ปี 2010/11 : รอบ 16 ทีม มิลาน 0-สเปอร์ส 1, สเปอร์ 0- มิลาน 0

ปี 2013/14 : รอบ 16 ทีม มิลาน 0- แอตเลติโก มาดริด 1, แอตเลติโก มาดริด 4- มิลาน 1

อีกทั้งเท่าที่ผ่านมามีแค่ทีมเดียวด้วยที่ตกเป็นรองคู่แข่งในเกมแรกของรอบตัดเชือกถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก ด้วยสกอร์ที่มากกว่าสองเม็ดขึ้นไป แต่พลิกกลับมากำชัยเข้ารอบได้สำเร็จคือ ลิเวอร์พูล ในซีซั่น 2018/19 ซึ่ง หงส์แดง บุกไปแพ้ บาร์เซโลน่า อย่างขาดลอย 3-0 แต่กลับมาซิวชัยใน แอนฟิลด์ 4-0 ก่อนสยบ สเปอร์ส 2-0 ในเกมชิงชนะเลิศ

5. งูใหญ่ข่มปีศาจแดงดำต่อเนื่อง


เป็นอันว่า อินเตอร์ มิลาน ประสบความสำเร็จเอาชนะ เอซี มิลาน ในถ้วยใบนี้ได้เป็นครั้งแรกซะทีจากที่เจอกันมาก่อนหน้านี้สี่นัดโดย มิลาน คว้าชัยได้สองนัด และเสมอสองนัด กระทั่งล่าสุดพวกเขาปราชัยให้กับทีมร่วมเมืองเป็นหนแรก แต่มีแววพลาดโอกาสผ่านเข้าชิงชนะเลิศไม่น้อยโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเกมหน้า เลเอา จะเรียกความฟิตกลับมาช่วยทีมได้ไม่สำเร็จ

ขณะเดียวกัน นับเป็นเกมแรกด้วยที่ มิลาน เสียท่าให้กับทีมจาก เซเรียอา ด้วยกันในการฟาดแข้งถ้วยหูใหญ่จากที่เคยมีผลงานชนะสาม เสมอสี่กับ อินเตอร์ , ยูเวนตุส และ นาโปลี

อย่างไรก็ดี สำหรับซีซั่นนี้ อินเตอร์ กำราบ มิลาน ได้ทั้งสามรายการต่อเนื่อง (แชมเปี้ยนส์ลีก , เซเรียอา , ซูเปอร์โค้ปป้าอิตาเลีย) ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสรที่ งูใหญ่ ทำได้ แถมไม่เสียประตูเลยด้วย แม้ก่อนหน้านี้พวกเขาจะเคยสยบ ปีศาจแดงดำ ได้สามนัดในซีซั่นเดียวกันมาแล้ว แต่ไม่ใช่ทั้งสามรายการที่แตกต่าง

ขณะเดียวกัน เมื่อนับรวมทุกรายการ อินเตอร์ กับ มิลาน ฟาดแข้งกันมาทั้งหมด 237 นัดแล้วซึ่ง งูใหญ่ เหนือกว่าพอสมควรจากผลงานชนะ 88 นัด เสมอ 69 นัด และแพ้ 79 นัด


ที่มาของภาพ : getty images
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport