คาร์โล อันเชล็อตติ กุนซือทีม เรอัล มาดริด ออกอาการเซ็งตามระเบียบหลังทีม ราชันชุดขาว เสียประตูตีเสมอ 1-1 ให้กับ แมนฯ ซิตี้ ในเกม แชมเปี้ยนส์ลีก รอบรองชนะเลิศนัดแรกเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาเนื่องจากเทคโนโลยียืนยันแล้วว่าลูกยิงของ เควิน เดอ บรอยน์ ไม่สมควรเกิดขึ้น
เรอัล มาดริด แชมป์หูใหญ่ 14 สมัยลงเล่นในบ้านรับการมาเยือนของ แมนฯ ซิตี้ ก่อนในเกมแรก และออกนำในครึ่งแรกจากฝีเท้าของ วินิซิอุส จูเนียร์ แต่เสียประตูคืนให้ทีมเยือนจากลูกยิงหน้าเขตโทษเช่นกันโดย เดอ บรอยน์ ตะบันให้ เรือใบสีฟ้า หอบผลเสมอกลับรังไปได้
อย่างไรก็ดี ก่อนที่ดาวเตะทีมชาติ เบลเยี่ยม จะสบโอกาสง้างไก อันเชล็อตติ โวยวายใส่ผู้ตัดสินเนื่องจากบอลหลุดออกข้างสนามก่อนแล้ว และทำให้เขาได้ใบเหลือง
กระทั่งหลังเกมจบลง กุนซืออิตาเลี่ยนได้แถลงข่าวกับสื่อว่าเขาพูดได้ถูกเนื่องจากหลักฐานยืนยันว่าบอลหลุดออกข้างสนามแล้ว แต่ผู้ตัดสินพลาดปล่อยให้ เรือใบสีฟ้า บุกไปซัดตีเสมอได้
"บอลออกเส้นข้างไปแล้ว เทคโนโลยีบอกอย่างนั้น ผมไม่เข้าใจว่าทำไมไม่มีการเช็ควีเออาร์ ผู้ตัดสินไม่ได้ใส่ใจในหลายๆเรื่อง" กุนซือ ราชันชุดขาว กล่าว
ด้าน อาร์แซน เวนเกอร์ อดีตนายใหญ่ทีม อาร์เซน่อล ซึ่งปัจจุบันมีตำแหน่งเป็นหัวหน้าฝ่ายพัฒนาฟุตบอลทั่วโลกของ ฟีฟ่า ระบุว่า "ปกติวีเออาร์สมควรเช็กประตูว่ามีความผิดปกติหรือไม่ ในสถานการณ์แบบนี้คุณต้องเข้าไปก้าวก่าย แต่พวกเขาไม่กลับไปเช็กดูว่าบอลออกข้างสนามหรือยัง ผมคิดว่าเรามีทางแก้ที่สองเพราะปกติแล้ววีเออาร์ไม่สามารถเช็กได้ว่าบอลออกเส้นข้างหรือยังนอกจากบริเวณปากประตูเท่านั้น"
"วีเออาร์ถือกำเนิดขึ้นมาเพื่อให้การตัดสินเป็นไปอย่างถูกต้อง บอลออกไปแล้วหรือยัง? วีเออาร์ต้องแทรกแซง และทำให้มีการตัดสินที่ถูกต้อง 100%"
"ตอนนี้ผมเชื่อว่าเราไม่อาจเช็กจังหวะริมสนามได้โดยวีเออาร์ว่าบอลออกไปแล้วหรือยัง แต่เรามีชิพฝังอยู่ในลูกบอลแล้ว และชิพสามารถเช็กได้"
ต่อจังหวะดังกล่าว ทีมงานของ บีอิน สปอร์ตส์ ไม่สามารถใช้เทคโนโลยีสร้างภาพขึ้นมาได้ในทันทีระหว่างเกมว่าบอลหลุดออกเส้นข้างไปแล้วหรือยัง อีกทั้งกล้องทีวีที่ติดตั้งเอาไว้รอบสนามก็ไม่มีมุมที่ดีมากพอต่อการเช็ก
ถึงกระนั้น หลังจากเกมจบลง บีอิน สปอร์ตส์ สามารถเช็กจังหวะปัญหาดังกล่าวได้โดยอาศัยเทคโนโลยีสามมิติพิสูจน์ให้เห็นว่าบอลหลุดออกข้างสนามแบบเต็มใบแล้วจริงๆก่อนที่ เรือใบสีฟ้า จะได้ประตูตีเสมอ