นิยามของเกมเมื่อคืนวันอังคารระหว่าง เรอัล มาดริด กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อาจจะพูดได้ว่าอย่างนั้น มันคือ 90 นาทีที่อัดแน่นไปด้วยคุณภาพแท้ๆ
ความใหม่สดเป็นของแมนฯ ซิตี้ แต่ความโชกโชนเป็นของทีมราชันชุดขาว มันคล้ายเป็นเกมที่แชมป์โลกขึ้นป้องกันเข็มขัดกับผู้ท้าชิงอันดับหนึ่งที่ผลงานหฤโหด
หลายคนมองว่ามาดริดเป็นรองแม้ว่าจะได้เล่นที่ ซานติอาโก้ เบร์นาเบว จะมีทีมไหนบ้างที่ยกพลไปเยือนทีมราชันชุดขาวโดยได้รับการคาดหมายว่าเหนือกว่าเจ้าถิ่นที่เป็นแชมป์ยุโรปมาแล้ว 14 สมัย
แต่สิ่งที่ทีม โลส บลังโกส แสดงให้เห็นก็คือ เวทีนี้เป็นของพวกเขาจริงๆ
การเอาตัวรอด การควบคุมจังหวะ การอ่านสถานการณ์ การเปลี่ยนจากรับเป็นรุก เล่ห์เหลี่ยม ลูกล่อลูกชน ความเฉียบขาด
มีเป้าหมายในการเลือกเล่น มีเป้าหมายในการออกบอล มีเป้าหมายในการเคลื่อนที่ ไม่มีความร้อนรนหรือลนลานให้เห็น
นิ่ง และเยือกเย็น ดุดันเมื่อพร้อม รอคอยเมื่อถูกกดดันใส่
ในรายละเอียดแต่ละจุดของเกม ผมคิดว่า เรอัล มาดริด ไม่ได้เป็นรอง แมนฯ ซิตี้ เลย พวกเขาทำในสิ่งที่เหมาะสมทุกประการสำหรับศักดิ์ศรีแห่งแชมเปี้ยนส์
หนักแน่น หนักหน่วง และแข็งแกร่งจนอยากปรบมือให้
กระนั้นก็เถิดครับ ถ้าไม่ใช่ซิตี้ ผมคิดว่าคงจะมีเพียงไม่กี่ทีมเช่นกันที่จะกดดันพวกเขาได้ขนาดนี้
ซิตี้เหนือกว่าในแง่ของศักยภาพผู้เล่นทั้งทีม พวกเขาเป็นสัญลักษณ์ของโลกใหม่ แชมป์ใหม่ มีความสดชื่น มีชีวิตชีวา บ่มเพาะเกียรติยศน้อยใหญ่จนพร้อมแล้วที่จะก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่ง
นักวิจารณ์หลายสำนักก็พร้อมใจกันยกให้พวกเขาเป็นเต็งหนึ่ง มันเหมือนหลายฤดูกาลที่ผ่านมาแต่คราวนี้น่าจะถึงเวลาสักทีที่เรือใบสีฟ้าจะกางใบแล่นออกสู่มหาสมุทรแห่งความเกรียงไกร
แมนฯ ซิตี้ ยังคงทำได้ดีตามสไตล์ของตัวเอง ใช้บอลสั้นแม่นยำนำทาง เคาะบอลไปมาหาช่องเจาะเข้าทำประตู มีความสามารถเฉพาะตัวเอาชนะการดวลตัวต่อตัว เกมนี้พวกเขาดึงจังหวะให้ช้าลงกว่าที่เคยเป็นเล็กน้อย เพิ่มความแน่นอนให้มากขึ้นเพราะรู้ดีถึงความเสี่ยงถ้าเสียบอลให้ทีมอย่างเรอัล มาดริด
มันไม่ใช่เกมที่เปิดหน้าแลกกันแบบบู๊สะบั้น ไม่ใช่หนังแอ๊คชั่นไล่ยิงกันเลือดสาด แต่ก็ไม่ใช่การตั้งรับระวังตัวแจจนน่าอึดอัดเช่นกัน การสู้กันของคู่นี้เป็นสงครามแข้งของบอลเชิงสูง ฉลาด และเจ้าเล่ห์ ถ้าคุณเผลอเปิดช่องให้เมื่อไหร่ก็ถูกลงโทษได้ทันที
ความยากในการเจอคู่แข่งแบบนี้คือคุณต้องรักษาวินัยและสมาธิให้ได้ตลอดทั้งเกม ต้องคิดตามและอ่านเกมตามคู่ต่อสู้ให้ทันเพราะนักเตะอย่าง ลูก้า โมดริช เควิน เดอบรอยน์ โทนี่ โครส แบร์นาร์โด้ ซิลวา คาริม เบนเซม่า หรือ อิลคาย กุนโดกัน เขาไม่ได้คิดแค่ชั้นเดียว
เกมลักษณะนี้คล้ายขันชะเนาะความตึงเครียดให้ยิ่งบีบอัดแน่นขึ้นๆ เวลาที่ผ่านไปแต่ละนาทีหมายถึงโอกาสแก้ตัวที่น้อยลงถ้าหากคุณพลาดถูกลงโทษ การรักษาสติไม่ให้กระเจิงไปกับแรงกดดันเวลาถูกบุกใส่จึงเป็นเรื่องสำคัญในลำดับต้นๆ
ยิ่งทันกันเท่าไหร่ ความเครียดของผู้เล่นในสนามก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น แต่สำหรับผู้ชมอย่างเราๆ มันคือกำไรที่ได้ดูฟุตบอลคุณภาพล้นแก้ว สู้กันด้วยชั้นเชิง อดทน รอจังหวะ มันเป็น 90 นาทีที่เต็มอิ่ม
ผมคิดว่าด้วยคุณภาพการเล่นของ เรอัล มาดริด เมื่อคืนนี้ ถ้าคู่แข่งไม่ใช่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ยอดเยี่ยมพวกเขาน่าจะเป็นผู้ชนะไปแล้ว แต่ละคนทำผลงานได้ในระดับสูงโดยเฉพาะอย่างยิ่ง วินิซิอุส จูเนียร์ ที่ไฉไลเหลือเกิน โลดแล่นราวกับมีอิสระอยากจะทำอะไรก็ทำได้ตามใจชอบ
เป็นหนึ่งในเกมที่ ไคล์ วอล์คเกอร์ เหนื่อยสายตัวแทบขาด แต่เขาก็คงจะสนุกมากแน่ๆ การต่อสู้ระหว่างแบ๊กขวาทีมชาติอังกฤษกับดาวเตะแซมบ้าคืออีกไฮไลต์หนึ่งของเกม มันล้ำค่าต่อการรับชม การตีมือกอดกันแน่นด้วยรอยยิ้มหลังจบเกมบอกกับเราว่าทั้งคู่ก็สนุกกับการดวลกันยกนี้สุดๆ
ในทางกลับกัน ถ้าคู่แข่งของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในเกมนี้ไม่ใช่ เรอัล มาดริด ที่เล่นได้ทันกันอย่างนั้น ทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ก็อาจจะเป็นผู้ชนะไปแล้วเช่นกัน
การเคลื่อนที่เข้าช่องที่เคยเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ เล่ห์เหลี่ยมแยบยลที่เคยหลอกล่อฝ่ายตรงข้ามได้ บอลคิลเลอร์พาสที่เคยฉีกแนวรับคู่แข่งเป็นวิ่นๆ ได้ล้วนทำงานไม่เต็มสูบในเกมนี้ มันไม่ใช่เพราะพวกเขาต่ำกว่ามาตรฐานอะไร หากเป็นคู่แข่งต่างหากที่คิดเร็วและทำเร็วเท่ากัน
ถึงใจ และสมใจที่ได้ดูการต่อสู้กันของคู่นี้ตลอด 90 นาที
ในมุมมองของผม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถือความได้เปรียบอยู่เล็กน้อยเพราะเกมที่สองจะได้เล่นต่อหน้าแฟนบอลของตัวเอง แต่สุดท้ายไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร ทั้งพวกเขาและ เรอัล มาดริด ก็คงจะได้ฝากเกมดีๆ ให้เราดื่มด่ำเต็มอิ่มกันถึงสองเกม
ฟุตบอลคุณภาพจริงๆ ครับ มันเป็นแบบนี้เลย
ตังกุย