นาโปลี ยังไม่ดีพอบนเวทียุโรป

นาโปลี ยังไม่ดีพอบนเวทียุโรป
ด้วยภาพรวมในฤดูกาลนี้เป็นฉากหลัง ผมจึงมั่นใจอยู่ลึกๆ ว่า นาโปลี จะผ่าน เอซี มิลาน เข้ารอบตัดเชือกแชมเปี้ยนส์ ลีกได้

แม้สถิติที่เจอกับทีมปีศาจแดงดำจะน่าหวาดเสียว เจอกันสองครั้งล่าสุดแพ้รวดแบบเกมศูนย์ แถมทั้งสองเกมนั้นเพิ่งจะเกิดขึ้นในเดือนนี้นี่เอง แต่ผลงานตลอดฤดูกาลของทั้งสองทีมก็ยังคงเป็นความแตกต่างที่ชัดเจน

เพราะในขณะที่นาโปลีเตะ 30 เกม ชนะ 24 แพ้แค่ 3 นำโด่งเป็นจ่าฝูงทิ้งอันดับสอง 14 แต้ม รอฉลองแชมป์กัลโช่ เซเรีย อา สมัยที่สามในประวัติศาสตร์สโมสรวันนี้วันพรุ่ง มิลานที่เป็นแชมป์เก่านั้นเข็มขัดแชมป์กระเด็นไปแล้วแถมยังต้องกระเสือกกระสนลุ้นทำอันดับติดพื้นที่ไปเล่นแชมเปี้ยนส์ ลีกซีซั่นหน้ากันตัวโก่ง

คะแนนของทั้งสองทีมห่างกัน 22 แต้ม เจอกันนัดแรกช่วงต้นฤดูกาลที่ซาน ซิโร่ นาโปลีก็บุกไปอัด 2-1

ฉะนั้นแม้จะแพ้มาก่อนในนัดแรกที่ซาน ซิโร่ แต่ผล 0-1 ไม่น่าจะเหลือบ่ากว่าแรงในการกลับมาเป็นฝ่ายเข้ารอบและทะลุไปไกลยิ่งกว่าเดิมบนเส้นทางที่ทีมชุดนี้สร้างประวัติศาสตร์ให้สโมสรเรียบร้อยแล้ว

นาโปลีไม่เคยมาไกลขนาดนี้มาก่อนในเวทีนี้ กระทั่งยุคที่ ดีเอโก้ มาราโดน่า พาพลพรรคอัซซูร่าเขย่าวงการก็ยังจอดป้ายแค่รอบแรกกับรอบสองอย่างละครั้ง ฤดูกาล 1987/88 แพ้ เรอัล มาดริด รอบแรก ฤดูกาล 1990/91 ชนะ อูเปสติ ดอซซ่า รอบแรก เข้าไปแพ้จุดโทษ สปาร์ตัก มอสโก รอบสอง หรือในยุคแชมเปี้ยนส์ ลีก ที่เปิดกว้างมากขึ้นไม่ต้องเป็นแชมป์ลีกก็ไปแข่งได้ พวกเขาก็ยังทำได้เต็มที่เพียงแค่รอบ 16 ทีมสุดท้าย

ทุกย่างก้าวหลังจากผ่าน ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต มาได้ในรอบที่แล้ว นาโปลีฤดูกาล 2022/23 ล้วนเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้ตัวเองทั้งสิ้น 

กับ เอซี มิลาน นั้น นาโปลีได้เจอจนเบื่อในเดือนนี้ ด้วยโปรแกรมประจวบเหมาะกันพอดี ต้องเจอกันอยู่แล้วหนึ่งเกมในลีก ขณะที่สองเกมในแชมเปี้ยนส์ ลีก ก็ถูกกำหนดไว้ในช่วงไล่เลี่ยกัน สามเกมนี้หวดกันในช่วงเวลาเพียง 5 นัด มีเพียงโปรแกรมลีกที่เตะกับทีมอื่นมาคั่นเท่านั้นเอง

สองในสามเกมที่ว่านั้นผ่านไปด้วยชัยชนะของมิลาน บุกถล่ม 4-0 ถึงเนเปิลส์ในกัลโช่ เซเรีย อา และยังเฉือนชนะ 1-0 ที่ซาน ซิโร่ ในรอบ 8 ทีมสุดท้ายนัดแรกของแชมเปี้ยนส์ ลีก

แต่ก็นั่นล่ะครับ แม้ผลงานจะเป็นรอง แถมพักหลังก็เริ่มจะสะดุดเสียคะแนนถี่ขึ้น และ คิม มิน-แจ กับ อังเดร-แฟร้งค์ ซัมโบ อ็องกีซ่า ยังมาติดโทษแบนในเกมนี้ ผมก็ยังมั่นใจอยู่ลึกๆ

มั่นใจเพราะผลงานที่สร้างมาในฤดูกาลนี้ล้วนๆ อีกทั้ง วิคเตอร์ โอซิเมน ยังหายเจ็บกลับมาล่าตาข่ายได้ทันเวลา ยังมี ควิชา ควารัตสเคเลีย ลากเลื้อย มี สตานิสลาฟ โลบ็อตก้า กำกับเกม ที่สำคัญยังมีเสียงเชียร์อึกทึกจากแฟนบอลร่วมหกหมื่นชีวิตใน สตาดิโอ ดีเอโก้ อาร์มันโด้ มาราโดน่า หนุนหลัง

ผมคิดว่านาโปลี.. ผ่านได้

ทว่ามิลานก็ยังคงเป็นมิลาน.. แม้พวกเขาจะไม่ได้ก้าวขึ้นมามีลุ้นอะไรอีกเลยนับตั้งแต่หมดยุครุ่งเรืองช่วงทศวรรษ 2000 ที่คว้าแชมป์ 2 สมัยจากการเข้าชิง 3 ครั้ง แต่พวกเขาก็มีดีกรีติดตัว เป็นถึงแชมป์ 7 สมัย

ประสบการณ์ของนักเตะในทีมใช่ว่าจะมีมากกว่านาโปลีหรอกครับ หลายคนก็แทบไม่เคยผ่านมาสัมผัสจุดนี้เหมือนกัน แต่บางทีมันอาจเป็นเพราะพวกเขาคือ เอซี มิลาน มันก็แค่นั้น เกียรติประวัติที่สั่งสมอยู่ในตัว ความภาคภูมิทรนงแต่ครั้งอดีต แรงขับแห่งความเป็น "หนึ่งในที่สุด" ของรายการนี้ มันคงกรองกลั่นเป็นดีเอ็นเอแห่งความเป็นทีมที่พร้อมจะเป็นแชมป์ยุโรปทุกเมื่อ

ดีเอ็นเอนี้ไม่ใช่ใครจะมีก็ได้ ผมคิดว่ามันมีอยู่แค่เพียงในบางทีม และ เอซี มิลาน เป็นหนึ่งในนั้น

เกมที่เนเปิลส์เมื่อคืนวันอังคารเป็นเกมที่สนุก นาโปลีก็สู้ได้ยอดเยี่ยม ทุ่มเททุกอย่างรีดเค้นพลังออกมาจนหมด แต่สุดท้ายก็ยังพลิกสถานการณ์ไม่ได้ เอซี มิลาน ทำให้เห็นถึงความเขี้ยวในเวทีนี้ของพวกเขา การวางแผนถูกต้อง การเล่นถูกต้อง

แผนการของ สเตฟาโน่ ปิโอลี่ ไม่มีอะไรซับซ้อน มิลานเน้นการตั้งรับรัดกุม ไม่เปิดแลกให้เสี่ยง แล้วหาจังหวะตอบโต้ด้วยจุดเด่นที่ตัวเองมีคือความเร็วของ ราฟาเอล เลเอา

มาเยือนนาโปลีเกมนี้ปิโอลี่และลูกทีมรู้ดีอยู่แล้วว่าต้องเจอกับอะไรบ้าง เจ้าถิ่นจะปูพรมโหมใส่อย่างไม่ให้หายใจหายคอเพื่อลบความเสียเปรียบจากเกมแรกทิ้งไปให้เร็วที่สุด เสียงเชียร์จะบีบคั้นรุนแรงเพิ่มความเผ็ดร้อนให้กับเกมในสนาม จังหวะฟุตบอลจะเร็วจัด หากควบคุมสติได้ไม่ดีพอมันอาจเตลิดไปไหนต่อไหนจนเกมพังพินาศได้

ผมชื่นชมสมาธิของนักเตะมิลานที่ตึงเปรียะไม่มีผ่อนเลย แต่ละคนทำหน้าที่ได้รับมอบหมายอย่างสมบูรณ์แบบ ดาวิเด้ คาลาเบรีย ประกบ ควารัตสเคเลีย แบบกัดไม่ปล่อย รักษาระยะไม่ให้ดาวเตะจอร์เจียได้กระชากผ่านง่ายๆ หรือต่อให้ผ่านไปแล้วก็ยังกัดฟันวิ่งกวดไปจนทันแล้วมาว่ากันใหม่ แถมในทุกๆ ครั้งที่ดวลกันเขาจะยังมีเพื่อนร่วมทีมอีกอย่างน้อยหนึ่งคนมาช่วยซ้อนเพื่อรับมือดาวเด่นเจ้าถิ่น

โอซิเมนเพชฌฆาตจบสกอร์ของทีมปาร์เตโนเปก็ถูกประกบชิดและรอเก็บตกจากนักเตะมิลานอย่างน้อยสองคนเช่นกัน

การอ่านเกมของนักเตะมิลานในจังหวะอื่นๆ ก็ยอดเยี่ยมและเห็นได้ถึงการศึกษาวิธีการเล่นของนาโปลีเป็นอย่างดี ลูกเปิดย้อนคืนให้เพื่อนวิ่งเข้ามาเก็บบอลหน้าเขตโทษที่เป็นอาวุธสำคัญของจ่าฝูงถูกดักได้หลายครั้ง เช่นเดียวกับการผ่านบอลเข้าช่องในเขตโทษที่เจอทั้ง ฟิกาโย่ โทโมรี และ ซิมง เคียร์ อ่านจังหวะตัดได้ตลอด

เป็นอีกหนึ่งเกมที่การป้องกันของมิลานอยู่ในระดับมาสเตอร์พีซ ตัวรุกของนาโปลีที่พอจะเล่นงานมิลานได้เห็นจะเป็น มัตเตโอ โปลิตาโน่ ทางฝั่งขวาที่ลุยใส่ เตโอ แอร์กน็องเดซ จนปั่นป่วน ทว่าปีกจอมพลิ้วก็อยู่ในสนามได้แค่ครึ่งชั่วโมงเศษเท่านั้น อาการบาดเจ็บพาเขาออกจากสนามไปพร้อมๆ กับ มาริโอ รุย แบ๊กซ้ายตัวหลัก

จากความไม่พร้อม สู่ความไม่พร้อมมากขึ้นไปอีก ไม่ใช่ค่ำคืนที่ดีเลยสำหรับนาโปลี

ลูกจุดโทษที่ควารัตสเคเลียยิงไม่เข้าในนาทีที่ 82 ทำให้นาโปลีตีเสมอในเกมไม่สำเร็จนั้นคือเหตุการณ์สำคัญของเกม มันทำให้งานของพวกเขาหนักยิ่งกว่าเดิมคือยังคงต้องการสองประตูเพื่อตีเสมอแต่เวลาเหลือน้อยลงเรื่อยๆ แต่ผมไม่ติดใจหรือเสียดายอะไรนัก เพราะมันแลกกับการยิงจุดโทษไม่เข้าของ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ในครึ่งแรกเช่นกัน

คงต้องบอกว่านาโปลียังไม่ดีพอที่จะเอาชนะมิลานในเวทีนี้ แชมป์ 7 สมัยเปิดทางให้แล้วตั้งแต่ชิรูด์พลาดจุดโทษ แต่ทีมอัซซูร่าก็ตัดเกมไม่ขาดกันเองในจังหวะเสียประตูที่ปล่อยให้ เลเอา กระชากยาวจากแดนตัวเองเข้าไปเปิดให้ชิรูด์ยิงแก้ตัว และเมื่อตัวเองมีโอกาสตีเสมอจากจุดโทษก็ยังทำไม่ได้

90 นาทีที่เนเปิลส์มองเห็นความแตกต่างเรื่องความนิ่ง เพราะในขณะที่เกมรับของมิลานเนี้ยบทุกรายละเอียด เกมรับของนาโปลีกลับตื่นเต้นลนลานเสียเอง อาเมียร์ ราห์มานี่ โยนความเยือกเย็นทิ้งไปกับสายน้ำอันเชี่ยวกรากของความกดดัน ส่งสัญญาณตั้งแต่เข้าบอลพรวดในจังหวะเสียจุดโทษ กระทั่งมาถูกลงโทษเมื่อโดนเลเอาเลี้ยงผ่านง่ายๆ

ตองกีย์ เอ็นดอมเบเล่ ที่ได้เล่นแทน อ็องกีซ่า มีเกมที่ดีมาก แต่จังหวะเสียประตูเขาจับบอลพลาดจนบอลหลุดไปถึงเลเอาและลังเลที่จะตัดเกมใส่ปีกโปรตุกีสของมิลานตั้งแต่ตอนนั้น แน่นอนมันเป็นเวลาเสี้ยววินาทีที่ต้องตัดสินใจ เขาอาจจะเห็นว่าระยะทางยังอีกไกลกว่าจะถึงประตู และอยากสงวนใบเหลืองไว้ในจังหวะจำเป็นจริงๆ แต่สุดท้ายเมื่อมันทะลุยาวไปจนเสียประตูก็เท่ากับว่าการตัดสินใจในครั้งนั้นผิด กลายเป็นบทเรียนราคาแพงไป

แม้ผลจะไม่เป็นอย่างที่หวังและยิ่งคิดก็ยิ่งน่าเสียดายโอกาสเข้าชิงเจ้ายุโรปของทีมรัก แต่ผมก็ไม่เสียใจอะไรเลยกับการหยุดเส้นทางแค่รอบนี้ของนาโปลีเมื่อได้เห็นความพยายามอย่างถึงที่สุดของพวกเขา อีกทั้งทีมชุดนี้ยังต้องสั่งสมความแกร่งในเวทีนี้ให้มากกว่านี้ถ้าต้องการไปให้ไกลกว่าเดิม

ที่สำคัญคือ เอซี มิลาน ก็เล่นได้ยอดเยี่ยมแทบไม่มีที่ติ ทีมรอสโซเนรี่แสดงให้เห็นถึงระดับของพวกเขาในรายการนี้ที่เป็นเหมือนบ้านอีกหลังนอกจากเวทีกัลโช่และสมควรเป็นผู้ชนะทุกประการ

ปรบมือให้กับทั้งสองทีม ยินดีด้วยกับ เอซี มิลาน ครับ หวังว่าพวกคุณจะสู้กับ อินเตอร์ คู่รักคู่แค้นในรอบตัดเชือกได้อย่างสนุกตื่นเต้นสมกับที่เป็น ดาร์บี้ เดลล่า มาดอนนิน่า

ส่วนนาโปลี จงสลัดความผิดหวังทิ้งไป เมืองเนเปิลส์ยังคงคึกคักและตื่นเต้นเต็มที่กับสิ่งที่พวกคุณสร้างขึ้นมาในฤดูกาลนี้ ยังคงใจจดใจจ่อกับวันที่ความฝันของพวกเราทุกคนจะเป็นความจริง การรอคอยอันยาวนานที่กำลังจะสิ้นสุดลง

หลังจากนี้ก็มาลุยกันต่อให้สุดตัวกับเซเรีย อา เริ่มจากเกมบุกตูรินวันอาทิตย์นี้..

มันเหมาะเจาะทีเดียวกับข่าวดีของยูเวนตุสที่ได้รับ 15 แต้มที่โดนหักไปกลับคืนมา เราดีใจกับพวกนายด้วย แต่ของขวัญที่เรานำติดตัวไปฝากจะไม่ใช่สามคะแนนหวานๆ หรอกนะ

ตังกุย


ที่มาของภาพ : gettyimages
BY : ตังกุย
ณัฐพล ดำรงโรจน์วัฒนา
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport
X