เมื่อคืน ท่านผู้ชมทางบ้านอย่างผมเลือกดูเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 8 ทีม นัดที่ 2 เวอร์ชั่น กัลโช่ เซเรีย อา ระหว่าง นาโปลี กับ เอซี มิลาน ด้วยคิดว่าน่าจะมีความเร้าใจมากกว่าเกมระหว่าง เชลซี กับ เรอัล มาดริด ที่สกอร์ขาดตั้งแต่นัดแรก
อีกเหตุผลหนึ่งคืออยากเห็นฟอร์มการเล่นของ วิคเตอร์ โอซิมเฮน ของ นาโปลี ว่าจะสะเด่าไปเลยอีน้องขนาดไหน และนี่คือสิ่งที่อยากจะบอกแบบพอสังเขป
1. นาโปลี บุกอยู่ข้างเดียว ขณะ มิลาน ที่ชนะมา 1-0 ในเกมแรกก็ถอยไปตั้งรับแบบรถบัส โดยเจ้าบ้านมีโอกาสทำประตูประมาณ 20 ครั้ง แต่หนักไปทางยิงทิ้งกับยิงขว้าง และแทบหาโอกาสแบบเหน่งๆ ไม่ได้
2. คิดง่ายๆ ว่าตลอดทั้งเกม ไมค์ เมญอง นายทวารของทีมปีศาจแดง-ดำ ไม่ได้เซฟลูกยากเลยสักครั้งเดียว ยกเว้นเซฟจุดโทษจาก 'ควิชา'
3. ว่าที่แชมป์ กัลโช่ เซเรีย อา ไม่รู้จักยืดหยุ่น คือพยายามบุกแบบพักสนามอยู่ข้างเดียวจนทำให้คู่แข่งลงไปกองกันอยู่ในเขตโทษตลอดเวลา
นั่นคือเหตุผลที่บอกว่าทำไม นาโปลี แทบไม่มีโอกาสทำประตูแบบเน้นๆ แถมเมื่อมีจังหวะก็ไม่เด็ดขาด
หากพวกเขามีความเขี้ยวลากดินมากกว่านี้ ควรจะแกล้งผ่อนเกม เพื่อล่อให้ มิลาน ครองบอลบุกขึ้นมาบ้างจนเกิดพื้นที่ว่าง
4. ประตูนำของ มิลาน ราฟาเอล เลเอา ตัดบอลได้จากระยะ 30 หลาหน้าประตูตัวเอง ก่อนกระชากไปยิ้มไปผ่านผู้เล่นของเจ้าบ้าน 3 คนไปจ่ายให้ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ กระทุ้งตาข่ายง่ายๆ เลย
เห็นแล้วก็เกิดอาการอยาก...เอานะ
5. สำหรับ วิคเตอร์ โอซิมเฮน ที่ผมจับตาดูเป็นพิเศษ
บางทีอาจเพราะเขาเพิ่งหายเจ็บเลยเปล่งศักยภาพออกมาไม่ได้เต็มที่ จึงไม่ค่อยมีส่วนร่วมกับเกมสักเท่าไหร่ จมอยู่ในแผงหลังคู่แข่ง และที่สำคัญคือบอลแทบไม่มาถึงดาวเตะผู้นี้เลย
วิธีการเล่นที่เห็นคือรอโอกาสอยู่ในเขตโทษอย่างเดียว ไม่ฉีกตัวออกไปด้านข้าง หรือถอยลงไปล้วงบอลต่ำ
มุมหนึ่งคือเล่นด้วยความอดทนและมีวินัย โทษฐานที่เป็นหัวหอกตัวเป้า แต่อีกมุมหนึ่งคือไม่รู้จักพลิกแพลงการเล่นของตัวเอง
อย่างไรก็ตาม
ต่อเมื่อมีโอกาสเพียงแค่ครั้งเดียวในช่วงทดเจ็บ เขาทำลายตาข่ายได้ทันทีอันสดงถึงความเด็ดขาด
...ว่าแล้วขอเรียนตามตรงว่า แฮร์รี่ เคน อายุ 30 ยังน่าคว้ามาร่วมทีมมากกว่าครับ 5555
"บอ.บู๋"