นับเป็นสกอร์ที่ขาดลอยกว่าที่หลายคนคิดเหมือนกัน หลังจากที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สามารถเปิดรัง เอติฮัด สเตเดี้ยม เอาชนะ บาเยิร์น มิวนิค ไปได้ 3-0 ในเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ นัดแรก เมื่อวันอังคารที่ 11 เมษายน ที่ผ่านมาได้
แน่นอนว่า แมนฯ ซิตี้ ได้เปรียบอีกฝ่ายเพราะได้เล่นที่บ้านของตัวเอง แต่ฝั่ง บาเยิร์น ก็มีขุมกำลังที่ยอดเยี่ยมไม่แพ้ "เรือใบสีฟ้า" จนทำให้ตอนแรกหลายคนมองว่าสกอร์มันน่าจะสูสีกว่านี้ ซึ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้นในเกมนี้ก็ทำให้เกิดเกร็ดที่น่าสนใจเหมือนกัน
- เสือใต้ไร้เขี้ยว
แซร์จ นาบรี้, จามาล มูเซียล่า, คิงส์เล่ย์ โกมัน, ลีรอย ซาเน่ คือบรรดาแนวรุกที่ โธมัส ทูเคิ่ล เลือกใช้เป็นตัวจริงในการเยือน แมนฯ ซิตี้ ซึ่งดูตามชื่อชั้นแล้วนี่ถือเป็นแนวรุกที่น่าหวาดกลัวจนน่าจะสามารถทำประตูได้ไม่ว่าจะเจอกับใครก็ตาม
ถึงกระนั้น ในเกมกับ แมนฯ ซิตี้ พวกเขากลับโดนแนวรับของ แมนฯ ซิตี้ กดเอาไว้แทบจะสมบูรณ์แบบจนถึงขั้นทำให้ บาเยิร์น ไม่มีจังหวะยิงตรงกรอบแม้แต่ครั้งเดียวในช่วง 45 นาทีแรก ทำให้นี่นับเป็นครั้งที่ 5 ในรอบ 7 ฤดูกาลหลังสุดที่ บาเยิร์น ไม่มีจังหวะยิงตรงกรอบในช่วงครึ่งแรกเลยกับการเล่นเกมระดับ แชมเปี้ยนส์ ลีก
- ในบ้านสุดโหด
มันเป็นเรื่องปกติที่เมื่อได้เล่นในบ้านแล้วนั้นทีมที่เป็นเจ้าถิ่นมักจะทำผลงานได้โดดเด่น แต่กรณีของ แมนฯ ซิตี้ มันถือว่าพวกเขาทำได้ดีเป็นพิเศษ เพราะเท่ากับว่าตอนนี้ "เรือใบสีฟ้า" ไม่แพ้ใครในบ้านกับการเล่นเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก มากถึง 25 นัดติดต่อกันเข้าไปแล้ว แบ่งเป็นการชนะ 23 เกมกับเสมอ 2 หน
ด้วยเหตุนี้ แมนฯ ซิตี้ เลยกลายเป็นทีมจากเกาะอังกฤษที่ไร้พ่ายในบ้านกับเกมระดับ แชมเปี้ยนส์ ลีก มากที่สุดตลอดกาลแบบเดี่ยวๆ หลังจากก่อนหน้านี้พวกเขาครองสถิติร่วมกับ อาร์เซน่อล ที่จำนวน 24 เกม โดยหนสุดท้ายที่ แมนฯ ซิตี้ แพ้เกม แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม ต้องย้อนไปถึงรอบแบ่งกลุ่มของซีซั่น 2018-19 ที่พวกเขาพ่ยา โอลิมปิก ลียง 1-2 เมื่อวันที่ 19 กันยายน ปี 2018 นู่นเลย
- บาเยิร์น แพ้ระดับสถิติ
ด้วยความที่มีขุมกำลังที่แข็งแกร่งอยู่เสมอทำให้ บาเยิร์น มักจะเป็นตัวเต็งแชมป์ในลำดับต้นๆ ของศึก แชมเปี้ยนส์ ลีก และพวกเขาก็มักจะเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายเป็นอย่างต่ำได้บ่อยๆ ด้วย
อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็มีผลงานที่ไม่ดีเท่าไหร่ในรอบก่อนรองชนะเลิศเช่นกัน เพราะเกมล่าสุดทำให้ตอนนี้ บาเยิร์น แพ้เกมในรอบ 8 ทีมสุดท้ายของถ้วยนี้เป็นครั้งที่ 12 เข้าไปแล้ว (ไม่ใช่การนับรวมเรื่องที่ว่าเข้ารอบหรือตกรอบ) ซึ่งนับตั้งแต่ที่ถ้วยบิ๊กเอียร์เปลี่ยนมาใช้ชื่อ แชมเปี้ยนส์ ลีก นั้น มันก็ไม่มีทีมไหนอีกแล้วที่จะแพ้เกมในรอบนี้มากไปกว่าพวกเขา
- ว่าด้วย ฮาลันด์
อย่างที่รู้กันดีว่า ฮาลันด์ ถือเป็นไฮไลท์ของเกมนี้หลังทำไป 1 ประตูกับ 1 แอสซิสต์ จนทำให้เขาเป็นนักเตะจากทีมใน พรีเมียร์ลีก ที่ทำประตูในทุกรายการต่อ 1 ซีซั่นได้มากที่สุดแบบเดี่ยวๆ ด้วยจำนวนถึง 45 ลูกด้วยกัน
แต่รู้หรือไม่ว่าเกมเมื่อวันอังคารที่ผ่านมามันมีความหมายอีกแบบต่อ ฮาลันด์ ด้วย เพราะนี่ถือเป็นครั้งแรกที่เขาสามารถเอาชนะ บาเยิร์น ได้ โดยสถิติส่วนตัวของเขาตอนนี้ในการเจอกับ บาเยิร์น คือการชนะ 1 เกมและแพ้ 7 หนจากทั้งหมด 8 นัด รวมถึงยิงได้ 6 ประตู
นอกจากนี้ ฮาลันด์ ยังกลายเป็นนักเตะคนแรกในลีกชั้นนำของทวีปยุโรปประจำฤดูกาล 2022-23 ที่มีส่วนร่วมกับประตูโดยตรง (หมายถึงการยิงเองและทำแอสซิสต์) แตะหลัก 50 ลูกด้วย จากจังหวะที่เขาผ่านบอลให้ แบร์นาร์โด้ ซิลวา ทำประตูได้ ซึ่งพอเขาทำระตูเองได้ในเวลาต่อมามันก็ทำให้เท่ากับว่าซีซั่นนี้เขามีส่วนร่วมกับประตูในการเล่นระดับสโมสรถึง 51 ลูก แบ่งเป็นการยิงเอง 45 ประตูกับอีก 6 แอสซิสต์
ขณะเดียวกัน ฮาลันด์ ก็เข้าใกล้กับการทาบสถิติในด้านการเป็นนักเตะจากทีมของเกาะอังกฤษที่ยิงในเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้มากที่สุดต่อ 1 ฤดูกาลเช่นกัน เพราะตอนนี้เขาทำไปแล้ว 11 ลูก ส่วนสถิติที่ว่าเป็นของ รุด ฟาน นิสเตลรอย ที่เคยทำเอาไว้ 12 ประตูกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อฤดูกาล 2002-03
- เด็กเกร็ดบอล -